สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศนิวซีแลนด์ พวกเราได้วางแผนการท่องเที่ยวในครั้งนี้โดยใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งวางแผนไว้ตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด แต่ก็ไม่สามารถเดินทางได้ในขณะนั้น และในครั้งนี้ ก็เป็นช่วงที่เราสามารถจะเดินทางไปที่ประเทศนิวซีแลนด์ได้แล้ว ซึ่งเราตื่นเต้น และพยายามค้นหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่เราอยากไปเที่ยวมากที่สุด ซึ่งทางครอบครัวของแฟนที่อยู่ที่นิวซีแลนด์ก็พยายามวางแผนการท่องเที่ยวเพื่อที่จะพาเราไปชมจุดที่สวยที่สุดของประเทศนิวซีแลนด์ และในทริปนี้ถือเป็นความโชคดีของเราที่คนนิวซีแลนด์จะพาพวกเราไปเที่ยวชมทั่วทั้งประเทศนิวซีแลนด์และนี่ก็คือแผนการเดินทางท่องเที่ยวประเทศนิวซีแลนด์ของเรา ที่จะพาทุกคนไปชมความสวยงามทั้งในเกาะเหนือและเกาะใต้ของนิวซีแลนด์
Day 1 - เดินทางจากกรุงเทพฯ ไป เมือง Queenstown ประเทศนิวซีแลนด์
สำหรับทริปของเราเริ่มต้นเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ(BKK) เพื่อขึ้นเครื่องไปยังประเทศนิวซีแลนด์ ด้วยสายการบิน Malaysia Airlines เนื่องจากขณะนี้ไม่มีเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศไทยไปยังประเทศนิวซีแลนด์ และจะต้องมีการแวะเปลี่ยนเครื่องที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เที่ยวบินของเรากับสายการบิน Malaysia Airlines ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) เวลา 14.15 น. และถึงสนามบินกัวลาลัมเปอร์ (KUL) เวลา 17.30 น. หลังจากใช้เวลาบิน 2 ชั่วโมง 15 นาที
หลังจากมาถึงสนามบิน Kuala Lumpur แล้ว เราก็แวะพักที่สนามบินเป็นเวลา 4 ชั่วโมงก่อนเที่ยวบินถัดไป เนื่องจากเที่ยวบินต่อเครื่องของเราไปยังเมือง Auckland, New Zealand เราก็ใช้บริการของสายการบิน Malaysia Airlines เช่นกัน เราไม่จำเป็นต้องออกจากอาคารผู้โดยสารหรือผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง และสัมภาระของเราก็ถูกเช็คอินผ่านไปยังเที่ยวบินถัดไปได้เลย อีกข้อดีสำหรับการเดินทาง ในเส้นทางนี้ เราไม่ต้องกังวลที่เราจะต้องทำวีซ่า 2 ประเทศเพราะที่มาเลเซีย เราสามารถเข้าประเทศโดยไม่ต้องใช้วีซ่า
เที่ยวบินของเราจาก Kuala Lumpur Airport (KUL) ออกเดินทางเวลา 21.30 น. และมาถึง Auckland Airport (AKL) เวลา 12.45 น. ของวันรุ่งขึ้น ใช้เวลาเดินทางประมาณบิน 10 ชั่วโมง 15 นาที
และเราจะต้องเดินทางต่อจากเมือง Auckland (เกาะเหนือ) ไป เมือง Queenstown (เกาะใต้) จุดหมายปลายทางของเรา ซึ่งเราจะต้องใช้สายการบินภายในประเทศ เราจึงผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและรับสัมภาระ เนื่องจากเราแวะพัก 5 ชั่วโมง เราจึงมีเวลาเหลือเฟือสำหรับการเดินทางไปยังอาคารเที่ยวบินในประเทศ เราขอแนะนำในการเดินทางควรเผื่อเวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมงในการเปลี่ยนเครื่องจากเที่ยวบินระหว่างประเทศขาเข้าไปยังเที่ยวบินภายในประเทศขาออก เนื่องจากคิวที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองอาจค่อนข้างยาว และทำให้เราไปรับกระเป๋าได้ช้า
จากนั้นเราก็นั่งรถบัสรับส่งสนามบินฟรีจากอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศไปยังอาคารผู้โดยสารภายในประเทศที่เราเช็คอินเที่ยวบินกับ Air New Zealand เที่ยวบินของเราออกจาก Auckland Airport (AKL) เวลา 19:25 น. และมาถึง Queenstown Airport (ZQN) เวลา 21:20 น. หลังจากใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 55 นาที
เมื่อเรามาถึง Queenstown Airport สมาชิกในครอบครัวมารับเราแล้วจึงพาไปยังที่พักที่ Hilton Queenstown ซึ่งในที่สุดเราก็สามารถพักผ่อนได้หลังจากเดินทางนานกว่า 24 ชั่วโมง เราขอแนะนำ โรงแรม Hilton Queenstown สำหรับผู้ที่ต้องการที่พักหรูหราสะดวกสบายใกล้สนามบินควีนส์ทาวน์
Day 2 - เดินทางจากเมือง Queenstown ไปยังเมือง Te Anau
หลังจากที่ได้นอนเต็มอิ่มขอตื่นสายหน่อยและออกไปทานอาหารเช้าแสนอร่อยที่ร้านอาหารเช้าในเมือง Queenstown เราก็ขับรถจาก Queenstown มุ่งหน้าไปยังเมือง Te Anau ซึ่งอยู่ห่างออกไป 171 กิโลเมตร
ในระหว่างทางที่เราเดินทางไปยังเมือง Te Anau เราก็ได้แวะเที่ยวชมจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจก็คือ Kingston Flyer เป็นรถไฟไอน้ำในแบบสมัยก่อนที่ตอนนี้ก็ยังสามารถขึ้นนั่งเพื่อชมบรรยากาศความสวยงามนี้ได้
ระหว่างการเดินทางของเราจากเมือง Queenstown ไปยังเมือง Te Anau จะเป็นเส้นทางที่จะต้องได้แวะถ่ายรูปตลอดเพราะวิวสองข้างทางสวยมาก ซึ่งระหว่างทางจะมีจุดให้เราจอดรถเพื่อชมวิวตลอดเส้นทาง
เรามาถึง Te Anau ในช่วงบ่าย และเช็คอินเข้าที่พักที่ Kingsgate Hotel Te Anau ซึ่งเป็นโรงแรมราคาประหยัดที่มีห้องพักสะอาด และบริการดีเป็นมิตรมาก ที่พักอยู่ใกล้ Lake Te Anau ซึ่งใช้เวลาเดินเพียงไม่กี่นาทีจากใจกลางเมือง
หลังจากเช็คอินเข้าห้องพักแล้ว เราก็ใช้เวลาสองสามชั่วโมงต่อมาในการเดินเล่นรอบเมือง Te Anau เพื่อซื้อของที่ระลึกและแวะร้านอาหาร ร้านกาแฟในท้องถิ่นTe Anau เป็นเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบที่สามารถเดินไปรอบๆ ได้อย่างง่ายดาย มีร้านอาหารและร้านค้าเล็กๆ มากมาย และวิวสวยๆของเมือง
สำหรับอาหารค่ำเรามาทานที่ ร้าน Fat Duck อาหารที่นี่อร่อยมากมีหลากหลายอย่างให้เราเลือกและเป็นร้านยอดนิยมของคนที่นี่ ก่อนจะมุ่งหน้ากลับไปที่ Kingsgate Hotel ในคืนนี้ เราขอแนะนำร้านอาหาร Fat Duck ให้กับทุกคนที่จะมาเที่ยวที่Te Anau ร้านอาหารจะมีคนมาเยอะ คิวยาว ดังนั้นควรจองโต๊ะล่วงหน้า
Day 3 - เดินทางจาก Te Anau ไปยัง Milford Sound และเดินทางกลับไปยังเมือง Queenstown
ในวันที่สามของการเดินทาง เราตื่นแต่เช้าและรับประทานอาหารเช้าที่ร้านกาแฟท้องถิ่นก่อนจะขับรถไปยัง Milford Sound ซึ่งอยู่ห่างจาก Te Anau ประมาณ 117 กม.
น่าเสียดายเนื่องจากมีหิมะตกหนักและหิมะถล่มทำให้อุโมงค์โฮเมอร์ (Homer Tunnel) และถนนมิลฟอร์ด (Milford Road) บางส่วนถูกปิดในชั่วข้ามคืน และเราต้องนั่งรอในรถ ประมาณ 1 ชั่วโมงจนกว่าถนนจะเปิดอีกครั้งในเวลา 10.00 น.
เมื่ออุโมงค์โฮเมอร์ (Homer Tunnel) และถนนมิลฟอร์ด (Milford Road) ถูกเปิด เราก็เดินทางต่อโดยระหว่างการเดินทางเราก็จะได้เห็นวิวอันสวยงามกับบรรยากาศหิมะปกคลุมโดยรอบ ผ่าน Fiordland National Park ไปยัง Milford Sound ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการเดินทางของเรา
เมื่อเรามาถึง Milford Sound แล้ว เราก็จองตั๋วบนเรือลำแรกที่จะพาเราไปชมความสวยงามและความยิ่งใหญ่อลังการของ Milford Sound ทัวร์ใช้เวลาประมาณา 2 ชั่วโมง เรือสะอาดและกว้างขวางมีที่นั่งทั้งภายในและภายนอก บนเรือยังมีห้องน้ำ ร้านกาแฟเล็กๆ และร้านค้าอีกด้วย
หลังจากที่เราล่องเรือชมวิวที่ Milford Sound แล้ว เราเริ่มต้นการขับรถระยะทาง 287 กม. กลับไปยัง Queenstown ซึ่งใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง โดยมีจุดจอดหลายจุดระหว่างทางให้เราได้ลงไปถ่ายภาพสวยๆแบบเยอะมาก
เมื่อเราเดินทางมาถึง Queenstown เราก็เช็คอินเข้าที่พักที่ Lakefront Apartments Queenstown ซึ่งเป็นโรงแรมที่อยู่ใกล้ใจกลางเมือง Queenstown จากนั้นใช้เวลาช่วงบ่ายพักผ่อนและเดินเล่นริม Lake Wakatipu
ในตอนเย็นเราก็เดินเล่นชมบรรยากาศเลียบทะเลสาบและเดินต่อเข้าสู่ใจกลางเมือง Queenstown ซึ่งเราใช้เวลาในช่วงเย็นเดินชมเมืองและเลือกร้านอาหารที่เราอยากลองชิมและบาร์ที่บรรยากาศดีๆนั่งชิวๆก่อนกลับไปยังห้องพักสำหรับค่ำคืนของวันนี้
Day 4 -เดินทางจากเมือง Queenstown ไปเที่ยวที่เมือง Arrowtown และ เมือง Cardrona
สำหรับการเดินทางในวันที่ 4 ของเรา ซึ่งเราได้เริ่มออกจากเมือง Queenstown และขับรถไปยัง เมือง Arrowtown ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 20 กม. เป็นเมืองเล็กที่มีร้านค้า ร้านคาเฟ่ ให้เราได้ไปลองสัมผัสบรรยากาศ แต่ระหว่างการเดินทางวิวสองข้างทางสวยมาก
เราใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงเดินไปตามถนนสายเล็กๆ ของเมือง Arrowtown ซึ่งเคยเป็นหมู่บ้านในยุคตื่นทองแห่งหนึ่งมาก่อน และปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยร้านกาแฟ ร้านอาหาร และร้านบูติกขนาดเล็ก
หลังจากที่เราเดินชมบรรยากาศของเมือง Arrowtown และเลือกซื้อช๊อกโกแลตของที่นี่แล้ว เราก็ขับรถข้ามเทือกเขา Crown Range ที่มีวิวที่สวยงามเช่นเดียวกัน เดินทางไปยังเมืองเล็กๆ อย่าง Cardrona ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 33 กม.
เมื่อเราเดินทางมาถึงที่ Cardrona เราได้ทานอาหารกลางวันอันแสนอร่อยที่ Cardrona Hotel ซึ่งเราขอแนะนำสำหรับผู้ที่เดินทางมาเที่ยวในโซนนี้ สามารถแวะมาทานอาหารที่นี่เพราะบรรยากาศดีมากและอาหารก็อร่อย
เมื่อเราได้อิ่มอร่อยกับอาหารของที่ Cardrona Hotel และนั่งพักผ่อนกันแล้วเราก็เดินทางกลับไปยังเมือง Queenstown ซึ่งช่วงเดินทางกลับเราก็จะได้เห็นวิวสองข้างทางที่ทำให้เราต้องลงไปเก็บภาพที่สวยงาม
หลังอาหารกลางวัน เราขับรถกลับไป 46 กม. ไปยังเมือง Queenstown และเราก็ไปชมวิวของเมืองโดยขึ้น Skyline Gondola (รถกระเช้า) ขึ้นภูเขาเบนโลมอนด์ (Mt. Ben Lomond) เพื่อไปชมวิวทิวทัศน์ที่สวยมากๆของ Queenstown และ Lake Wakatipu
หลังจากที่เราได้ไปชมวิวเมืองที่ Skyline Gondola แล้ว เราก็ใช้เวลาช่วงบ่ายเดินเล่นรอบๆ ทะเลสาบวากาติปู (Wakatipu) และสวนพฤกษศาสตร์ควีนส์ทาวน์ (Queenstown Botanical Gardens)
หลังจากนั้นเราใช้เวลาช่วงเย็นเดินเล่นไปตามถนนในเมือง Queenstown ช้อปปิ้งซื้อของฝากและเลือร้านอาหารในท้องถิ่นเพื่อลองชิมอาหารที่เรายังไม่เคยลองกิน ซึ่งเสน่ห์ของเมือง Queenstown ก็คือการมีครบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติอันสวยงาม ร้านค้าร้านอาหารที่มีให้เลือกเยอะมาก บรรยากาศที่จะทำให้คุณหลงรักกับเมืองนี้
Day 5 - เดินทางจากเมืองQueenstown ไปยังเมือง Oamaru โดยผ่านเมือง Cromwell และเมือง Alexandra
และสำหรับวันที่ 5 ของเราซึ่งเป็นวันที่เดินทางยาวนานที่สุดช่วงหนึ่งของเรา เนื่องจากเราขับรถเป็นระยะทางรวม 304 กม. จาก Queenstown ไปยัง Oamaru เพื่อเยี่ยมสมาชิกในครอบครัวสักสองสามคืน ระยะทางอาจจะดูไกลแต่ถนนที่นี่ดีทำให้ใช้เวลาเดินทางไม่นานมากและรถไม่เยอะ ทำให้ใช้เวลาเดินทางไม่นาน
เราเดินทางออกจากเ Queenstown ประมาณ 60 กิโลเมตร โดยมุ่งหน้าไปยังเมืองเล็กๆ อย่าง เมือง Cromwell จากนั้นเราก็แวะถ่ายรูปรูปปั้นผลไม้ขนาดยักษ์อันเป็นเอกลักษณ์และแวะชิมไอศกรีมผลไม้อร่อยมาก ถือเป็นการแวะพักรถไปในตัว
จากที่เราแวะที่เมือง Cromwell เราขับรถต่อไปอีก 34 กม. ผ่าน Lake Dunstan ไปยังเมือง Alexandra ซึ่งเราแวะที่ร้านกาแฟท้องถิ่นและเยี่ยมชมสะพาน Shaky Bridge อันเก่าแก่
จากเมือง Alexandra เราขับรถไปอีก 220 กม. ไปยังเมือง Oamaru โดยแวะตามสถานที่ต่างๆ ระหว่างทางเพื่อถ่ายรูปชนบทที่สวยงาม พร้อมทั้งได้ชิมอาหารและเครื่องดื่มจากร้านกาแฟเล็กๆ ในท้องถิ่น
Day 6 - เมือง Oamaru
หลังจากที่สุดได้เดินทางท่องเที่ยวและเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆมาหลายวันอย่างเต็มที่ เราก็ใช้เวลาวันที่ 6 ของการเดินทางใน Oamaru เพื่อพักผ่อนที่บ้านกับสมาชิกในครอบครัว และไปชมสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งในเมืองเล็กๆ
เนื่องจากเราวางแผนที่จะกลับมาที่ Oamaru อีกครั้งเมื่อใกล้วันที่เราจะเดินทางกลับ ดังนั้นเราจึงเลือกที่จะพักผ่อนให้เต็มที่ในช่วงนี้ เพราะหลังจากนั้เรายังมีทริปท่องเที่ยวในอีกหลายๆเมืองที่รอเราอยู่
Day 7 - เดินทางจาก เมือง Oamaru ไปยังเมือง Dunedin และเมือง Clinton
หลังจากที่เราได้ทานอาหารเช้าอันแสนอร่อยที่ร้าน Short Black Cafe ซึ่งเป็นร้าคาเฟ่ในท้องถิ่นของที่นี่ จากนั้นเราก็ขับรถไปทางใต้จากเมือง Oamaru ไปทางใต้อีก 113 กม. ไปยังเมือง Dunedin ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งทะเล
หลังจากที่เราเดินทางมาถึงเมือง Dunedin เราก็ได้แวะพักสักครู่และจิบกาแฟที่ร้านกาแฟท้องถิ่นที่ตั้งอยู่ Saint Clair Beach ชมวิวทะเลกับอากาศเย็นๆ
เราขับรถต่อไปอีก 110 กม. ทางใต้ไปยังเมืองเล็กๆ ชื่อเมือง Clinton ซึ่งเราวางแผนจะพักค้างคืนในฟาร์มเลี้ยงแกะของสมาชิกในครอบครัว ถือเป็นอีกประสบการณ์ใหม่สำหรับการได้มาเรียนรู้วิถีชีวิตของคนที่นี่
และในช่วงบ่ายเราไปทัวร์ฟาร์มเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยงแกะ การเลี้ยงวัวและวิถีชีวิตของคนชนบทในนิวซีแลนด์ เราได้เห็นสุนัขที่ได้ถูกฝึกมาเป็นอย่างดีในการนำมาต้อนฝูงแกะไปในแต่ละพื้นที่ ซึ่งการมาเยี่ยมชมฟาร์มในครั้งนี้ถือเป็นไฮไลท์ของการมาเที่ยวในทริปนี้มากๆ
Day 8 - เดินทางจาก เมือง Clinton ไปยังเมือง Wanaka
หลังจากที่เราได้มาเยี่ยมชมฟาร์มอันน่าตื่นตาตื่นใจกับครอบครัวและได้ทานอาหารอันแสนอร่อยมากๆ เราก็ออกจากเมือง Clinton และเริ่มต้นเดินทางต่ออีกกับระยะทาง 223 กม. ไปยังเมือง Wanaka ซึ่งเราวางแผนจะพักที่เมืองนี้ 2 คืน
เนื่องจากเป็นการขับรถที่มีระยะเวลายาวนาน เราจึงเลือกแวะจอดรถในระยะสั้นๆ ในเมืองเล็กๆ บางแห่ง รวมถึงเมือง Ettrick และ เมือง Clyde เราขอแนะนำอย่างยิ่งให้ผู้มาเยือนเกาะใต้นิวซีแลนด์แวะในเมืองเล็กๆ เพื่อพูดคุยกับคนท้องถิ่นที่เป็นมิตรและช่วยสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กของคนในท้องถิ่น
หลังจากขับรถมาทั้งวัน เราก็มาถึง Wanaka ซึ่งเราได้พบกับสมาชิกในครอบครัว เช็คอินเข้าที่พักที่ Pembroke Lodge และใช้เวลาช่วงบ่ายพักผ่อนและเดินชมวิวของที่นี่ สำหรับที่พักของเราเช่าบ้านเป็นหลังใหญ่สามารถเข้าพักได้ 6 คน มีเครื่องอำนวยความสะดวกให้ครบทั้งครัวและห้องซักผ้า
ในตอนเย็นเราเดินไปตามชายฝั่งของทะเลสาบ Lake Wanaka และเดินต่อเข้าสู่ในเมืองซึ่งอยู่ไม่ไกล เป็นแหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหารต่างๆมากมาย และเราก็ได้เดินเลือกร้านอาหารที่เราอยากทานและเข้าไปลองทานอาหารของที่นี่
Day 9 - เดินทางจากเมือง Wanaka ไปยังเมือง Makarora
เราเดินทางออกจาก Wanaka ในตอนเช้า และขับรถเป็นระยะทาง 62 กม. ไปตามทะเลสาบทั้งสองแห่ง คือ Lake Hawea และ Lake Wanaka ไปยังเมืองเล็กๆ อย่าง Makarora เพื่อเยี่ยมญาติและเดินชมภูเขาพื้นที่ป่าไม้ และถ่ายรูปทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม
แต่ก็น่าเสียดายในช่วงที่เราเดินทางไปเที่ยวนั้น กับเส้นทางที่จะไปยัง Makarora Blue Pools อันโด่งดังและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวได้ปิดปรับปรุง ดังนั้นเราจึงไม่สามารถไปเยี่ยมชมได้ แต่เราขอแนะนำสถานที่แห่งนี้ให้กับคนที่มาเที่ยวในพื้นที่ใกล้ๆนี้ให้แวะมาเที่ยว เพราะคนท้องถิ่นที่นี่บอกว่าสวยมาก
เราใช้เวลาส่วนใหญ่ใน Makarora เพื่อผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติและถ่ายภาพทิวทัศน์ที่สวยงามมาก จากยอดเขา ลงหุบเขาไปจนถึง Makarora River เป็นวิวบนภูเขาที่จะทำให้เห็นทิวทัศน์แบบ 360 องศา
ในช่วงบ่ายแก่ๆ เราขับรถกลับไปที่ Wanaka และใช้เวลาช่วงเย็นพักผ่อนริมทะเลสาบ และเดินเล่นในเมือง รวมถึงร้านกาแฟ ร้านอาหาร และบาร์มากมาย
Day 10 - เดินทางจากเมือง Wanaka ไปยังเมือง Oamaru ผ่านเส้นทาง Lindis Pass และ เมือง Omarama
ในช่วงเช้าก่อนที่เราจะเดินทางออกจากเมือง Wanaka เราก็ได้เดินไปชมความสวยงามของ ทะเลสาบ Wanaka ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แสงสวย วิวสวยมาก เราจะได้เห็นผู้คนที่มาวิ่งออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่างๆมากมายกับอากาศในช่วงเช้าที่เย็นสบาย และเรายังสามารถเดินไปชม Wanaka Tree ซึ่งเป็นแลนด์มาร์กยอดนิยมของที่นี่ได้อีกด้วย
หลังจากเช็คเอาท์ออกจากที่พักที่ Pembroke Lodge Wanaka เราก็ขับรถไปยัง Wanaka Lavender Farm ที่อยู่ใกล้ไม่ไกลจากในเมือง ซึ่งเราใช้เวลาช่วงเช้าเรียนรู้เกี่ยวกับการทำฟาร์มลาเวนเดอร์และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากลาเวนเดอร์
จากนั้นเราเริ่มต้นการเดินทางระยะทางประมาณ 230 กม. จากเมือง Wanaka กลับไปยังเมือง Oamaru ระหว่างทางเราขับรถผ่าน Lindis Pass อันสวยงาม ซึ่งอยู่ห่างจากเมือง Wanaka ประมาณ 1 ชั่วโมง และเป็นสถานที่แนะนำให้แวะถ่ายรูปทิวทัศน์อันงดงาม ซึ่งในสภาพแวดล้อมในเกาะใต้ของนิวซีแลนด์จะมีความสวยงามที่แตกต่างกันไป
จากเส้นทางการเดินทาง Lindis Pass เราขับรถไปยังเมือง Omarama ที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งเราแวะพักช่วงสั้นๆ และซื้อของที่ระลึกในท้องถิ่น ซึ่งร้านนี้จะมีของให้เราเลือกเยอะมาก
ขณะที่เราเดินทางอยู่ในเมือง Omarama เราตัดสินใจไปเยี่ยมชม Clay Cliffs ที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งใช้เวลาขับรถเพียง 20 นาที (16 กม.) ซึ่งคุ้มค่าแก่การเยี่ยมชมมากเพราะมันสวยงามเกินคาด
หลังจากที่เราได้เดินชมความสวยงามรอบๆ Clay Cliffs แล้ว เราก็ขับรถต่อไปเป็นระยะทาง 117 กม. จากเมือง Omarama กลับไปยังเมือง Oamaru ซึ่งเราพักค้างคืนที่บ้านของสมาชิกในครอบครัว
Day 11 - เมือง Oamaru
หลังจากที่เราได้เดินทางไปท่องเที่ยวกับสถานที่ต่างๆมากมายของแต่ละเมืองในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เราก็ถือโอกาสพักผ่อนอีกครั้งขณะอยู่ในเมือง Oamaru และใช้เวลาช่วงเช้าเดินเล่นรอบๆ บริเวณประวัติศาสตร์ (Oamaru Historic Precinct) ที่สวยงามของเมือง Oamaru
หลังจากที่เราได้ไปเดินชมในเขตประวัติศาสตร์ (Historic Precinct) ย่านเมืองเก่า แล้ว เราก็ไปทานอาหารกลางวันที่โรงเบียร์ท้องถิ่น อาหารอร่อย บรรยากาศร้านดี น่านั่ง และจากนั้นไปชมวิวของเมืองที่จุดชมวิว Oamaru Lookout Point
ช่วงบ่ายเราไปที่พักที่โรงแรม Poshtel ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางของ Oamaru สามารถเดินไปยังร้านกาแฟ บาร์ ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวมากมายได้ Poshtel เป็นโรงแรมที่สวยงามที่ตกแต่งด้วยเครื่องตกแต่งแบบสมัยก่อน และแต่ละห้องก็มีธีมที่เป็นเอกลักษณ์ ห้องพักสะอาดและสะดวกสบาย และบริการดีเยี่ยม เราขอแนะนำโรงแรมนี้ให้กับทุกคนที่มาเยือนเมือง Oamaru
Day 12 -บรรยากาศชนบทนอกเมือง Oamaru
หลังจากเช็คเอาท์ออกจากที่พักที่ Poshtel แล้ว เราก็ใช้เวลาทั้งวันกับครอบครัวที่บ้านพักตากอากาศในบริเวณใกล้เคียงในแถบชนบท ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนหลังจากท่องเที่ยวมาทั้งสัปดาห์ เราใช้เวลาทั้งวันเดินชมธรรมชาติและชมสัตว์ป่า