top of page
รูปภาพนักเขียนBeau Pennycook

เที่ยวเขตคันไซ ประเทศญี่ปุ่น ด้วยตัวเอง ทริป 4 วัน 4 คืน (โอซาก้า - เกียวโต - โกเบ)

อัปเดตเมื่อ 15 เม.ย. 2566


เราได้จองตั๋วเที่ยวบินราคาถูกๆ จากกรุงเทพไปโอซาก้า ซึ่งหาตั๋วราคาถูกๆผ่านแอป Skyscanner เราเลือกจองทริป 4 วันไปยังภูมิภาคเขตคันไซของญี่ปุ่นซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของเกาะฮอนชู ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่สุดในห้าเกาะหลักของญี่ปุ่น หลังจากเราค้นหาข้อมูลแล้ว เราพบว่าภูมิภาคเขตคันไซนั้นเดินทางง่ายมาก เพราะมีเครือข่ายรถไฟที่ดีมาก ซึ่งจะทำให้เราสามารถสำรวจสถานที่ต่างๆ ในภูมิภาคนี้ได้ในระหว่างการเดินทางระยะสั้นของเรา เราจึงวางแผนที่จะเยี่ยมชมเมืองต่างๆ โอซาก้า เกียวโต และโกเบ รวมทั้งหมด 4 วัน

กรุงเทพฯ ไป โอซาก้า - ญี่ปุ่น

เราบินจากกรุงเทพฯ ไปโอซาก้า โดยสายการบิน Nok Scoot ที่ออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติดอนเมือง (DMK) ในกรุงเทพฯ ไปยังสนามบินนานาชาติคันไซ (KIX) ในโอซาก้า เราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองในคืนวันศุกร์ เวลา 23:40 น. และใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง 30 นาที เราก็มาถึงสนามบินคันไซ (KIX) ในเช้าวันเสาร์ เวลา 07:10 น. รวมค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับสำหรับสองคน 13,422 บาท (เพียง 6,711 บาทต่อคน) ราคาตั๋วที่เราได้นี้ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นในแต่ละช่วงเวลา อาจเปลี่ยนแปลงได้

วันที่ 1: กำหนดการเดินทาง

เรามาถึงโอซาก้าในช่วงเช้า เวลา 07:10 น. ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้วจากนั้นก็เดินทางไปยังสถานีสนามบินคันไซเพื่อเปิดใช้งาน JR West Kansai Pass ซึ่งให้การเดินทางแบบไม่จำกัดบนรถไฟ JR ทั้งในเมืองและระหว่างเมืองในภูมิภาคคันไซรวมถึงโอซาก้า เกียวโต โกเบ นารา และฮิเมจิ ซึ่งในครั้งนี้เราได้ทำการจอง JR Pass ผ่าน Klook เพราะง่ายสะดวก สบาย เพราะมีรายละเอียดการใช้งานพร้อมเส้นทางให้เรามาพร้อมซึ่งเราสามารถนำมาวางแผนการเดินทางได้

หลังจากแลJR Passองเราแล้ว เราก็ขึ้นรถไฟ Nankai Line Airport Express ไปยังสถานี Namba ในโอซาก้า รถไNankai Line Airport Express ใช้เวลาประมาณ 35 นาทีในการเดินทางจากสนามบินไปยังสถานี Namba ในโอซาก้า (รถไฟให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 06:00 น. - 24:00 น.)

หลังจากมาถึงสถานีนัมบะ (Namba) เราเลือกที่จะฝากกระเป๋าไว้ในล็อกเกอร์ ซึ่งมีจุดให้ฝากประเป๋าเป็นจำนวนมากในสถานีรถไฟ เพราะว่ายังในเวลาเช้าเรายังไม่สามารถเช็คอินเข้าที่พักของเราได้ และเราไม่อยากที่จะแบกกระเป๋าหนักๆ ไปรอบเมือง หลังจากฝากกระเป๋าของเราแล้ว เราก็ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงในการสำรวจเดินเที่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในบริเวณใกล้เคียง ได้แก่ Osaka Castle, Shitennō-Ji Temple, Harukas 300, และ HEP Five Ferris Wheel และสำหรับบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆที่เราวางแผนว่าจะไปเราก็ได้จองบัตรล่วงหน้าผ่าน Klook เพราะสะดวก สบายและมีส่วนลดพิเศษด้วย


📍Osaka Castle

📍Harukas 300

📍HEP Five Ferris Wheel

หลังจากสำรวจโอซาก้าและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มาทั้งวัน เราก็มุ่งหน้าไปยังที่พักของเราที่ Toho Hotel Namba Motomachi เพื่อเช็คอินที่ห้องพักของเราและพักผ่อนในตอนเย็น เพราะในวันถัดไปเราวางแผนที่จะเดินทางไปเที่ยวกันต่อที่ เกียวโต


ระดับดาว: ⭐⭐⭐

คะแนนรีวิว: 8.6 - Excellent

ราคาห้องพัก: 2,100 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)


วันที่ 1: ค่าใช้จ่าย

📍JR West Kansai Pass (4-day pass): 1,750 บาท ต่อคน (จองผ่าน Klook)

📍Nankai Line Airport Express Train: 306 บาท ต่อคน (จองผ่าน Klook)

📍Namba Station lockers: ตู้ฝากกระเป๋าขนาดกลาง 600Yen ต่อวัน (160บาท)

📍Osaka Castle: เข้าอุทยานฟรี และค่าเข้าหอคอยปราสาทโอซาก้า 600Yen ต่อคน (160บาท)

📍Shitennō-Ji Temple: ผู้ใหญ่ 500Yen (133บาท), นักศึกษา 300Yen (80บาท), เด็กเข้าฟรี

📍Harukas 300 Observatory: 419 บาท ต่อคน (จองผ่าน Klook)

📍HEP Five Ferris Wheel: 168 บาท ต่อคน (จองผ่าน Klook)

📍Toho Hotel Namba Motomachi: Double Room 2,065 บาท ต่อห้อง/ต่อคืน(รวมอาหารเช้า)

(จองผ่าน Agoda )* หมายเหตุ: ราคาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับช่วงวันในแต่ละเดือนในการเดินทาง

วันที่ 2: กำหนดการเดินทาง

หลังจากที่เราทานอาหารเช้าที่โรงแรมของเราแล้ว เราก็ขึ้นรถไฟ Special Rapid บนสาย JR Kyoto จากสถานีโอซาก้าไปยังสถานีเกียวโต ซึ่งเราไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเพราะรวมอยู่ในบัตร JR West Kansai Pass ของเราแล้ว ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 30 นาที

หลังจากที่เราไปถึงสถานีเกียวโตแล้ว ก็เก็บกระเป๋าของเราไว้ในล็อกเกอร์เหมือนเดิม และแวะซื้ออาหารที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตในชั้นใต้ดินของสถานีรถไฟ แล้วออกไปสำรวจเที่ยวรอบๆเกียวโต เราใช้เวลาทั้งวันไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่ง ดังนี้ Fushimi Inari Taisha Shrine, Nijo Castle, Ninomaru Palace, Kyoto Imperial Palace และ Arashiyama Bamboo Grove & Rakusai Garden และในแต่ละสถานที่ท่องเที่ยวที่จะต้องจ่ายค่าเข้าชม เราสามารถจองล่วงหน้าผ่าน Klook ได้เพราะสะดวกสบายไม่ต้องรอคิวนาน และง่าย เพราะใน Klook จะมีข้อมูลรายละเอียดให้พร้อม


📍Nijo Castle & Ninomaru Palace Gardens

📍Arashiyama Bamboo Grove & Rakusai Garden

📍Fushimi Inari Taisha Shrine

ในช่วงบ่ายแก่ๆ เราเดินทางกลับไปที่สถานีเกียวโต(Kyoto) แล้วเดินไปยังที่พักของเราที่ Amanek Kyoto Kawaramachi Gojo ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีเกียวโต(Kyoto) ประมาณ 1.5 กม. หลังจากเช็คอินที่ห้องพักของเราแล้ว เราก็ใช้เวลาพักผ่อนในโรงแรมก่อนและในช่วงเย็นๆเราจะออกไปสำรวจเดินเล่นแถวๆถนน Hanami Lane ในย่าน Gion ของเกียวโตในตอนเย็น ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องเกอิชาและร้านค้า ร้านอาหารที่มีรูปแบบการสไตล์การตกแต่งแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น

หลังจากเดินไปรอบ ๆ ย่าน Gion ประมาณ 1-2 ชั่วโมงและเราก็ได้แวะทานอาหารญี่ปุ่น ที่มีร้านอาหารตั้งอยู่มากมายตามถนนและซอยเล็กๆ เราได้ลิ้มลองรสชาติอาหารญี่ปุ่นแบบต้นตำรับอร่อยมาก และหลังจากนั้น เราก็กลับมาที่โรงแรมที่พักของเรา Amanek Kyoto Kawaramachi Gojo ในตอนเย็น เพราะเราวางแผนจะขึ้นรถไฟไปโกเบ(Kobe)ในเช้าวันรุ่งขึ้น

ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐

คะแนนรีวิว: 8.6 - Excellent

ราคาห้องพัก: 1,600 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)


วันที่ 2: ค่าใช้จ่าย

📍Kyoto Station lockers: ตู้ฝากกระเป๋าขนาดกลาง 500Yen (133บาท)

📍Fushimi Inari Taisha Shrine: เข้าศาลเจ้าฟรี ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ ราคา 300Y (80 บาท)

📍Nijo Castle: 600Y (160 บาท)

📍Ninomaru Palace: 400Y (106 บาท)

📍Kyoto Imperial Palace: เข้าชมวังและสวนฟรี

📍Hanami Lane/Gion District: เป็นถนนคนเดินสาธารณะ ไม่มีค่าเข้าชม

📍Amanek Kyoto Kawaramachi Gojo: Double Room 2,508 บาท (จองผ่าน Agoda)

* หมายเหตุ: ราคาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับในแต่ละช่วงเวลาของแต่ละเดือน

วันที่ 3: กำหนดการเดินทาง

หลังจากที่เราได้ทานอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จก็เดินกลับสถานี Kyoto เพื่อนั่งรถไฟไปโกเบ เรานั่ง Hikari Shinkansen ซึ่งรอบของรถไฟจะออกจากเกียวโตไปโกเบทุกๆชั่วโมง ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการเดินทางระยะทาง 64 กม. เมื่อเรามาถึงสถานี Shin-Kobe เราจึงเลือกที่จะเก็บกระเป๋าไว้ในตู้ล็อกเกอร์เหมือน และเราจะใช้เวลาหลังจากที่เราถึงสถานีปลายทางแล้วออกเดินทางท่องเที่ยวได้เลย พอเราเที่ยวเสร็จครบทุกจุดที่เราวางแผนไว้แล้ว จึงค่อยกลับมาเอากระเป๋าเพื่อไปเช็คอินโรงแรมและพักผ่อน

หลังจากที่เราเก็บกระเป๋าไว้ในล๊อคเกอร์แล้ว เราใช้ Rokkosan Tourist Pass เพื่อขึ้นรถไฟ รถประจำทาง และเคเบิลไปยังยอดเขา Mt Rokko เราใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงในการสำรวจรอบๆ Mt. Rokko และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้แก่ Music Box Museum, Botanic Gardens, Snow Park, Ropeway, Observatory, และ country house เรายังใช้เวลากินและช้อปปิ้งที่ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านขายของที่ระลึกมากมายบนยอด Mt. Rokko ก่อนที่เราจะชมพระอาทิตย์ตกดินทั่วโกเบแล้วนั่งกระเช้าลอยฟ้ากลับลงมาและกลับไปยังที่พักของเรา

📍Mt. Rokko

หลังจากลงจาก Mt. Rokko เราก็มุ่งหน้ากลับไปที่สถานี Shin-Kobe เพื่อไปรับกระเป๋าจากตู้เก็บล็อคเกอร์และเช็คอินเข้าที่พักของเราที่ Hotel Sunroute Sopra Kobe Annesso

ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐

คะแนนรีวิว: 8.5 - Excellent

ราคาห้องพัก: 1,600 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)


หลังจากที่เราเช็คอินเข้าห้องพักแล้ว เราก็ขึ้นรถไฟไปยังสถานี Motomachi ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการแสดงไฟ Luminarie เป็นเทศกาลแสงสีที่ระลึกถึงแผ่นดินไหว Great Hanshin ซึ่งเกิดขึ้นในเมืองโกเบในปี 1995 เทศกาลนี้มีการแสดงแสงสีที่สวยงามตามท้องถนน เป็นเวลาสองสัปดาห์ของทุกปีในช่วงต้นเดือนธันวาคม

📍Kobe Luminaire

หลังจากเดินเที่ยวรอบๆ Luminarie และถ่ายรูปหลายๆ รูป เราก็เดินไปที่ Meriken Park เพื่อชม Kobe Port Tower และสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆกัน ก่อนที่เราจะทานอาหารในบริเวณใกล้ๆ สำหรับมื้อเย็นแล้ว กลับมาที่โรงแรมของเราในตอนกลางคืน เพื่อพักผ่อนพร้อมที่จะเดินทางในวันถัดไป

📍Meriken Park & Kobe Port Tower

วันที่ 3: ค่าใช้จ่าย

📍ShinKobe Station lockers: ตู้ฝากกระเป๋าขนาดกลาง 500Yen (134 บาท)

📍Tourist Pass: 344 บาท (จองผ่าน Klook) จะได้ราคาส่วนลดพิเศษสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่ Mt. Rokko ราคาส่วนลดโดยประมาณมีดังต่อไปนี้:

Music Box Museum: 850Yen (225 บาท)

Botanic Gardens: 550Yen (146 บาท)

Ropeway: 820Yen (217 บาท)

Snow Park: 1,600Yen (424 บาท)

Observatory: 210Yen (56 บาท)

Country house: 550Yen (146 บาท)

📍Luminarie: งานนี้จัดขึ้นที่ถนนสาธารณะ เข้าชมฟรี

📍Kobe Port Tower: 168 บาท (จองผ่าน Klook)

📍Hotel Sunroute Sopra Kobe Annesso: Double Room 2,359 บาท (จองผ่าน Agoda)

* หมายเหตุ: ราคาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับช่วงเวลาในแต่ละเดือน

วันที่ 4: กำหนดการเดินทาง

สำหรับวันนี้เราตื่นสายหน่อยและทานอาหารเช้าที่โรงแรม จากนั้นเราก็เดินไปที่สถานี Sannomiya เพื่อขึ้นรถไฟ JR กลับโอซาก้า รถไฟออกทุกๆ 5-10 นาที ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาที ในการเดินทางระหว่างเมือง 32 กม. เมื่อเรามาถึงสถานีโอซาก้าแล้ว เราก็เก็บกระเป๋าไว้ในล็อกเกอร์อีกครั้ง จากนั้นเราก็นั่งรถไฟสาย Osaka Loop Line และ Chuo Line ไปยัง Osaka Aquarium Kaiyukan ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาท

📍Osaka Aquarium Kaiyukan

จากนั้นเราใช้เวลาช่วงบ่ายสำรวจเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอซาก้าไคยูคัง ชิงช้าสวรรค์ Tempozan และหมู่บ้านท่าเรือเทมโปซังซึ่งมีงานและร้านอาหารมากมาย เวลาประมาณ 15:00 น. เราเดินทางกลับเมืองโอซาก้าเพื่อไปรับกระเป๋าจากล็อกเกอร์และเช็คอินเข้าที่พักที่โรงแรม Toho Hotel Namba Motomachi ซึ่งเราพักผ่อนก่อนจะมุ่งหน้าไปยังคืนสุดท้ายในญี่ปุ่น

📍Tempozan Ferris Wheel

หลังจากพระอาทิตย์ตกดินแล้ว เราก็เดินไปที่ย่าน Dotonbori เพื่อชมแสงนีออนอันโด่งดังโดยเฉพาะ Glico Running Man จากนั้นเราใช้เวลาช่วงเย็นเดินไปรอบๆ และทานอาหารข้างทางแสนอร่อย เช่น ทาโกะยากิ ยากิโซบะ เกี๊ยวซ่า และยากิโทริ ก่อนที่เราจะเดินกลับโรงแรมของเราในคืนนี้

📍Dotonbori & Gilco Running Man

วันที่ 4: ค่าใช้จ่าย

📍Osaka Aquarium Kaiyukan: 642 บาทต่อคน (จองผ่าน Klook)

📍Tempozan Ferris Wheel: 800Yen (213 บาท)

📍Toho Hotel Namba Motomachi: Double Room 1,908 บาท(จองผ่าน Agoda)

📍Dotonbori: Dotonbori เป็นพื้นที่สาธารณะ เข้าฟรี

โอซาก้า - กรุงเทพมหานคร

เที่ยวบินของเราออกเวลา 08:55 น. เราจึงนั่งรถไฟ Nanki Line Airport Express Train ขบวนแรกไปยังสนามบินคันไซ (306 บาทต่อคนจองผ่าน Klook) เพื่อให้แน่ใจว่าเรามีเวลาเหลือเฟือที่จะเช็คอินสำหรับเที่ยวบินและมีเวลาเดินเล่นดูของในสนามบิน หลังจากมาถึงสนามบินคันไซ เราก็เช็คอินเที่ยวบินกับสายการบินนกสกู๊ตแล้วผ่านด่านตรวจเอกสารแล้วเราก็เลือกทานอาหารเช้าภายในสนามบินก่อนจะขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ เที่ยวบินของเราออกจากสนามบินคันไซ (KIX) วันพุธ เวลา 08:55 น. และถึงสนามบินดอนเมือง (DMK) เวลา 13:10 น. หลังจากใช้เวลาบิน 6 ชั่วโมง 15 นาที

ทริปเที่ยวเขตคันไซ

ก่อนการเดินทางทริปไปยังภูมิภาคคันไซของญี่ปุ่น เราซื้อ JR West Kansai Pass ที่เราจองล่วงหน้าผ่าน Klook บัตร 4 วัน ราคา 3,502 บาท สำหรับผู้ใหญ่ 2 คน (1,751 ต่อคน) บัตรนี้รวมรถไฟ JR ทั้งหมดในโอซาก้า (อุเมดะ) นัมบะ โกเบ เกียวโต นารา วาคายามะ สนามบินคันไซ และฮิเมจิ ให้คุณโดยสารเดินทางได้โดยไม่จำกัดตลอดระยะเวลาของตั๋ว ถือว่าคุ้มค่ามากในการเดินทางเพราะช่วยประหยัดค่าเดินทาง และที่สำคัญช่วยให้เราทำเวลาในการเดินทางได้เร็วขึ้นเนื่องจากไม่ต้องไปต่อคิวซื้อตั๋วในแต่ละสถานี ทำให้เราเดินทางในภูมิภาคคันไซได้อย่างง่ายดาย เราขอแนะนำให้คุณไปที่ Klook เพื่อซื้อบัตร JR West Kansai Pass ก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น

โรงแรม

ที่พักในญี่ปุ่นอาจมีราคาแพงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในเอเชีย อย่างไรก็ตาม เราได้โปรโมชั่นดีๆจาก อโกด้า เราจึงได้รับข้อเสนอที่ดีเยี่ยมสำหรับโรงแรมในโอซาก้า เกียวโต และโกเบ

สำหรับ 4 คืนของเราในภูมิภาคคันไซของญี่ปุ่น เราใช้จ่ายทั้งหมด 8,840 บาทสำหรับค่าที่พักสำหรับสองคน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2,210 บาทต่อคืน ซึ่งถือว่าไม่แพงเกินไปสำหรับประเทศญี่ปุ่น โรงแรมทั้งหมดที่เราพักตั้งอยู่ใจกลางเมือง สะอาด บริการดีและรวมอาหารเช้าด้วย เราจึงคิดว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป เราขอแนะนำให้คุณใช้ Agoda เมื่อจองที่พักสำหรับการเดินทางครั้งต่อไปที่ญี่ปุ่นหรือสถานที่

อื่นๆ


📍สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในโอซาก้าและคันไซ สามารถดูเพิ่มได้ที่บล็อกของเรา


#aworldexplored #japan #osaka #kobe #kyoto #kansai #traveljapan #ญี่ปุ่น #คันไซ #โอซาก้า #โกเบ #เกียวโต #เที่ยวญี่ปุ่น #เที่ยวเอง #เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง #เที่ยวโอซาก้า #เที่ยวเกียวโต #เที่ยวโกเบ #ที่พักโอซาก้า #ที่พักเกียวโต #ที่พักโกเบ #ที่เที่ยวโอซาก้า #ที่เที่ยวเกียวโต #ที่เที่ยวโกเบ


ดู 8,295 ครั้ง0 ความคิดเห็น