A WORLD EXPLORED
Search Results
พบ 86 ผลลัพธ์เมื่อไม่ระบุค่าการค้นหา
- เดินทางเที่ยวฮ่องกงและมาเก๊า 5 วัน 4 คืน เดินทางด้วยตัวเอง ที่พักโรงแรม ที่เที่ยวในฮ่องกง ที่เที่ยวในมาเก๊า
วันที่ 1 - เที่ยวบินกรุงเทพฯ-ฮ่องกง เริ่มต้นทริป 5 วัน 4 คืน ฮ่องกงและมาเก๊า เราเลือกเที่ยวบินจากสนามบินสุวรรณภูมิในกรุงเทพฯ เพื่อบินไปฮ่องกงกับสายการบิน Hong Kong Express เที่ยวบินดังกล่าวออกจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ (BKK) เวลา 20.55 น. และถึงท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง (HKG) ในวันถัดไป เวลา 01.10 น. ใช้เวลาบินทั้งหมด 3 ชั่วโมง 15 นาที ค่าตั๋ว 4,064 บาทต่อคน (เที่ยวเดียว) สนามบินฮ่องกงและการตรวจคนเข้าเมือง หลังจากมาถึงสนามบินนานาชาติฮ่องกง (HKG) เราต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองซึ่งคนเยอะมากและรอนานมาก เราใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการผ่าน เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองถามคำถามง่ายๆเกี่ยวกับทริปฮ่องกงที่เราวางแผนไว้ จากนั้นสแกนลายนิ้วมือ เช่นเดียวกับคนไทยทุกคน เราได้รับการประทับตรา Visa-on-arrival ในหนังสือเดินทางของเรา ซึ่งทำให้เราสามารถอยู่ในฮ่องกงได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่านานถึง 30 วัน การเดินทางจากสนามบินไปยังใจกลางเมือง หลังจากผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว เราออกจากอาคารผู้โดยสารขาเข้าและเดินไปที่จุดเรียกแท็กซี่เพื่อเรียกแท็กซี่ไปโรงแรมของเราในเกาลูน เพราะเนื่องจากว่า รถไฟ Airport Express ระหว่างสนามบินฮ่องกงเข้าไปในตัวเมืองให้บริการระหว่างเวลา 5:54 - 00:48 น. เท่านั้น (เวลาอาจเปลี่ยนแปลง) ดังนั้นหากเราเดินทางมาถึงก่อนเวลาที่รถไฟให้บริการ เราจึงเลือกนั่งแท็กซี่เข้าเมือง ที่สนามบินฮ่องกง จุดจอดแท็กซี่ได้รับการจัดระบบเป็นอย่างดี แท็กซี่จะมีรหัสสีและแยกเป็นแถวตามพื้นที่ที่ให้บริการ แท็กซี่สีแดง ปลายทางให้บริการแท็กซี่ ในเมืองในใจกลางฮ่องกง แท็กซี่สีเขียว - แท็กพื้นที่ดินแดนใหม่ที่ให้บริการตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือ แท็กซี่สีฟ้า - แท็กซี่ลันเตาที่ให้บริการเกาะลันเตาและเช็กแลปก๊อก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแท็กซี่สนามบินและสนามบินฮ่องกง คุณสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ >> Hong Kong Airport ก่อนเดินทางไปฮ่องกง เราขอแนะนำซื้อบัตร "Octopus Card"บัตรนี้สามารถใช้เดินทางรอบเมืองฮ่องกงด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ได้แก่ MTR, KCR, Peak Tram, Hong Kong Tramway, Star Ferry และรถบัส คุณสามารถซื้อ Octopus Card ออนไลน์ผ่าน Klook ⬇️ ค่าแท็กซี่ของเราจากสนามบินฮ่องกงไปยัง Kong Hing Guesthouse ใน Mongkok ราคา 230HKB (ประมาณ 963 บาท) ระยะทางจากสนามบินถึงมงก๊กประมาณ 33 กม. และใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาที หลังจากมาถึง Kong Hing Guesthouse เราก็หมดแรงและเข้านอนเพื่อพยายามนอนหลับสักสองสามชั่วโมงก่อนที่จะออกไปสำรวจท่องเที่ยวรอบๆฮ่องกง >>> คลิกที่นี่เพื่อดูราคาหรือจองห้องพักที่ Kong Hing Guest House <<< >>> คลิกที่นี่เพื่ออ่านโพสต์บล็อกเกี่ยวกับโรงแรมแนะนำในฮ่องกง <<< 📍 >>> แนะนำโรงแรมในย่านจิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui) เกาลูนฮ่องกง -ห้องพักพร้อมห้องน้ำส่วนตัว และใกล้สถานีรถไฟ <<< วันที่ 2 - ฮ่องกง ในวันแรกของเราในฮ่องกง เราออกเดินทางเพื่อสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมือง เช่น พระใหญ่, Citygate Outlets, วัด Wong Tai Sin, วัด Che Kung และการแสดงแสงสีเสียง Symphony of Lights Big Buddha & Ngong Ping Village พระใหญ่เป็นพระพุทธรูปสำริดสูง 34 เมตร สร้างเสร็จในปี 1993 ตั้งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านนองปิงบนเกาะลันเตา การเดินทาง ขึ้นรถไฟใต้ดินสายสีส้มไปยังสถานี Tung Chung และใช้ทางออก B จากนั้นเดินต่ออีก 5 นาทีไปยังสถานีรถกระเช้า Ngong Ping 360 ตั๋วกระเช้า Ngong Ping 360 ราคา 160HKD (ประมาณ 669 บาท) เที่ยวเดียว และ 235HKD (ประมาณ 984 บาท) สำหรับราคาทั้งไปและกลับ เราจองตั๋วล่วงหน้าในราคาพิเศษผ่าน Klook ซึ่งเราขอแนะนำ เพราะง่ายสะดวกสบายและไม่ต้องไปรอคิวซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ทางขึ้นกระเช้า >>> คลิกที่นี่เพื่อดูราคาและจองตั๋วกระเช้านองปิง (Ngong Ping Cable Car) <<< Citygate Outlets (ห้างสรรพสินค้า) Citygate Outlets ตั้งอยู่ใกล้กับ Tung Chung Cable Car และ MTR Station ทำให้เป็นสถานที่ที่สะดวกสำหรับการช้อปปิ้งหลังจากเยี่ยมชมพระใหญ่และหมู่บ้านนองปิง Citygate Outlets มีร้านค้ามากมายที่ขายสินค้าแบรนด์เนม เช่น เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในราคาลดพิเศษ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Citygate Outlets และร้านค้าต่างๆ คุณสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ Citygates Outlets วัดหว่องไทซิน (Wong Tai Sin Temple) วัดหว่องไท่ซินเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในฮ่องกง วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงจากการตอบรับคำอธิษฐานของผู้คนที่เดินทางไปที่นั่นพร้อมกับคนในท้องถิ่นที่พูดว่า "สิ่งที่คุณขอก็ได้สมหวังดังใจหมาย" หากต้องการไปวัดหว่องไทซิน ให้ขึ้นรถไฟใต้ดินสายสีเขียวไปยังสถานีหว่องไทซิน จากนั้นออกโดยใช้ทางออก B2 ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดหว่องไท่ซิน เปิดวันจันทร์ - อาทิตย์ เวลา 07.30 - 16.30 น. เข้าวัดฟรี แต่ก็มีตู้ให้เราบริจาคได้ วัดแชกุง (Che Kung Temple) วัดแชกุง เป็นวัดที่สวยงามซึ่งอุทิศให้กับ แชกุง ซึ่งเป็นแม่ทัพในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ (ค.ศ. 1127–1279) หากต้องการเดินทาง ให้ขึ้น MTR สายสีน้ำตาลไปยังสถานี Che Kung Temple และออกโดยใช้ทางออก B จากนั้นเดินต่ออีกไม่ไกลก็จะถึงวัด วัดแชกุง เปิดวันจันทร์ - อาทิตย์ เวลา 08.00 - 18.00 น. เข้าชมฟรี แต่ก็จะมีตู้รับบริจาค ซิมโฟนีออฟไลท์ & ริมน้ำจิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui Waterfront) ริมน้ำจิมซาจุ่ย ตั้งอยู่ใจกลางฮ่องกงและเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับเดินเล่นและพักผ่อนในช่วงเย็นในฮ่องกง สถานที่นี้ยังเป็นที่ที่คุณสามารถชมการแสดงแสงสี Symphony of Lights ซึ่งเป็นการแสดงแสงสี เลเซอร์ และจอ LED บนท้องฟ้าของฮ่องกงที่สวยงาม ซึ่งเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวทุกคนในฮ่องกงควรดู การแสดงแสงสีเสียง Symphony of Lights จัดขึ้นทุกวันในเวลา 20:00 น. และสามารถเดินไปตามริมน้ำในย่านจิมซาจุ่ยสามารถเข้าชมได้ฟรี อาจมีคนพลุกพล่าน ดังนั้นควรมาถึงก่อนเวลา หากคุณต้องการสถานที่ชมวิวริมแม่น้ำ หรือคุณสามารถจองการล่องเรือเพื่อดูแสง สี เสียงนี้ได้ ผ่าน Klook ที่จะทำให้คุณพบกับประสบการณ์แบบใหม่ๆ >>> คลิกที่นี่เพื่อดูราคาและจองตั๋วล่องเรือในท่าเรือฮ่องกง <<< วันที่ 3 - ฮ่องกง วันที่สองของเราในฮ่องกง เราได้ไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองสองแห่ง เราใช้เวลาช่วงเช้าที่วิคตอเรียพีคเพื่อชมทัศนียภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจจากจุดชมวิวของเมือง จากนั้นในตอนบ่ายเราไปที่ Hong Kong Disneyland เพื่อสัมผัสกับเครื่องเล่นในสวนสนุก วิคตอเรียพีค (Victoria Peak) Victoria Peak เป็นเนินเขาทางฝั่งตะวันตกของฮ่องกง ซึ่งให้ทัศนียภาพที่ดีที่สุดของเมือง บนยอดเขามีจุดชมวิว ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลิน หากต้องการไปยัง Victoria Peak คุณสามารถขึ้นรถไฟสายสีแดงหรือสายสีน้ำเงินไปยังสถานี Central จากนั้นเดินออกทางออก J2 จากนั้นเดินต่ออีก 10 นาทีไปยังสถานี Peak Tram รถรางจะออกทุกๆ 10-20 นาที และเดินทางขึ้นเขาไปตามทางยาว 1,278 เมตร โดยใช้เวลาประมาณ 6 นาทีเพื่อไปถึงยอดเขา สามารถซื้อตั๋วได้ที่ Tram Station ราคา 37HKD (ประมาณ 155 บาท) เที่ยวเดียว และ 52HKD (ประมาณ 218 บาท) ราคาทั้งไปและกลับ เราจองตั๋วล่วงหน้าในราคาพิเศษผ่าน Klook ซึ่งเราขอแนะนำเพราะง่ายและสะดวก พร้อมกับมีส่วนลดต่างๆมากมาย >>> คลิกที่นี่เพื่อดูราคาและจองตั๋วรถราง Victoria Peak <<< ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ (Hong Kong Disneyland) Hong Kong Disneyland เป็นสถานที่ที่นักเดินทางในฮ่องกงต้องไม่พลาดโดยเฉพาะผู้ที่มาเที่ยวกับเด็กๆที่จะต้องพามาให้ได้ ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์มีเครื่องเล่น 15 รายการ การแสดง 6 รายการ ตลอดจนร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกมากมายให้ผู้ที่เข้าชมได้เพลิดเพลิน ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการใช้เวลาทั้งวันในฮ่องกง เราวางแผนไปเที่ยวแค่ 2-3 ชั่วโมง แต่สุดท้ายก็ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงที่ดิสนีย์แลนด์ ดังนั้นอย่าลืมเผื่อเวลาไว้มากพอเพื่อที่เราจะได้เล่นเครื่องเล่นได้เต็มที่ ตอนแรกเราคิดว่าที่นี่เอาไว้สำหรับเด็กแต่เราคิดว่าเราสนุกกว่าเด็กอีก ชอบมาก เราจองตั๋วล่วงหน้าในราคาพิเศษผ่าน Klook ซึ่งเราแนะนำ เพราะสะดวกสบายง่าย ไม่ต้องรอคิวนาน และมีส่วนลดมากมายให้เราเลือก >>> คลิกที่นี่เพื่อดูราคาและจองตั๋วHong Kong Disneyland <<< วันที่ 4 - มาเก๊า วันที่สาม ของการเดินทางก็ได้เวลาออกจากฮ่องกงไปเที่ยวมาเก๊าใกล้ๆ เพื่อสำรวจสถานที่ท่องเที่ยว St Pauls Church, Love Lane และคาสิโน The Venetian และ The Parisian ที่มีชื่อเสียง นั่งเรือ Speedboat ไปมาเก๊า การเดินทางจากฮ่องกงไปมาเก๊า เราตัดสินใจใช้เรือเร็ว TurboJET ซึ่งจะพาผู้โดยสารระหว่างสองเมืองในเวลาน้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง เรือออกจากท่าเรือของฮ่องกงไปยังมาเก๊า ซึ่งอยู่ห่างจากสถานี Sheung Wan ของ MTR สายสีน้ำเงินเข้ม ตั๋วเที่ยวเดียวราคาระหว่าง 160-175HKD (ประมาณ 670-733 บาท) เราจองตั๋วล่วงหน้าในราคาพิเศษผ่าน Klook ซึ่งเราแนะนำเป็นอย่างยิ่งเพราะง่ายและสะดวกมาก >>> คลิกที่นี่เพื่อดูราคาและจองตั๋วสำหรับ Hong Kong - Macau TurboJET <<< รถรับส่งไปโรงแรม หลังจากมาถึงท่าเรือ Macau Taipa Ferry Terminal เราเดินตามป้ายทางออกไปยังลานจอดรถซึ่งมีรถแท็กซี่และรถรับส่งฟรีจำนวนมากเพื่อพานักท่องเที่ยวไปยังโรงแรมและคาสิโนทั่วมาเก๊า คาสิโนรายใหญ่และโรงแรมระดับไฮเอนด์ส่วนใหญ่มีบริการรถรับส่งฟรีจากท่าเรือข้ามฟาก Macau Taipa ไปยังตัวเมือง เนื่องจากที่พักของเราที่ Caravel Hotel ไม่มีบริการรถรับส่ง เราจึงใช้บริการรถรับส่งฟรีไปยัง Sofitel Macau at Ponte 16 Hotel ซึ่งอยู่ห่างจาก Caravel Hotel โดยใช้เวลาเดินเพียง 5 นาที เราเช็คอินที่โรงแรมของเราและเติมความสดชื่นก่อนที่จะออกไปสำรวจเมืองเก่ามาเก๊าและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ Caravel Hotel - Macau > >> คลิกที่นี่เพื่อดูราคาหรือจองห้องพักที่ Caravel Hotel - Macau <<< Sofitel Macau at Ponte 16 Hotel > >> คลิกที่นี่เพื่อดูราคาหรือจองห้องพักที่ Sofitel Macau at Ponte 16 Hotel <<< เดินเที่ยวย่านเมืองเก่า มาเก๊า (Macau Old Town) จากที่พักของเราที่ Caravel Hotel ใช้เวลาเดินไม่ถึง 10 นาทีไปยังเมืองเก่ามาเก๊าและย่านประวัติศาสตร์ซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโปรตุเกสที่สวยงาม ร้านกาแฟ ร้านบูติก ร้านขายของว่าง และร้านขายของที่ระลึก ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นที่เหมาะสำหรับนักเดินทาง เพื่อสำรวจในมาเก๊า เราใช้เวลาสองสามชั่วโมงในการเดินรอบเมืองเก่าของมาเก๊าและเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวเช่น Senado Square, Saint Dominic's Church, Lou Kau Mansion และ Love Lane ที่สวยงาม ซึ่งดูและให้ความรู้สึกเหมือนถนนแคบๆ ในเมืองในยุโรป Saint Pauls Church & Monte Fort หลังจากสำรวจเมืองเก่ามาเก๊าและกินทาร์ตไข่สไตล์โปรตุเกสแสนอร่อยแล้ว เราก็ไปเที่ยวชมเซนต์ปอลและป้อมมอนเตซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ กัน และนักท่องเที่ยวสามารถเข้าได้ฟรี ซากปรักหักพังของ Saint Paul's เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงและถูกถ่ายภาพมากที่สุดในมาเก๊า และเป็นซากปรักหักพังของโบสถ์คาทอลิกในศตวรรษที่ 17 ซึ่งถูกทำลายโดยไฟไหม้ในปี 1835 Monte Fort เป็นป้อม Mount Fort สูง 52 เมตรที่สร้างขึ้นระหว่าง 1617 - 1626 บนยอดป้อมมีพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่จัดแสดงศิลปวัตถุจากประวัติศาสตร์อาณานิคมโปรตุเกส 400 ปีของมาเก๊า เวเนเชียนและปารีเซียน (Venetian & Parisian) หลังจากสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของมาเก๊าในช่วงบ่ายแล้ว เราตัดสินใจที่จะใช้เวลาช่วงค่ำเพื่อเยี่ยมชมคาสิโนที่ทันสมัยบางแห่งของเมือง รวมทั้งเดอะเวเนเชี่ยนและปาริเซียน The Venetian เป็นโรงแรมและรีสอร์ทคาสิโนหรูหราสูง 40 ชั้น ซึ่งได้รับการออกแบบให้เป็นตัวแทนของสถาปัตยกรรมที่สวยงามของเวนิส มีคลองในร่มที่ผู้เข้าพักสามารถเพลิดเพลินไปกับการนั่งเรือกอนโดลา ตั้งอยู่ถัดจากเดอะเวเนเชียน รีสอร์ทคาสิโนขนาดใหญ่ โรงแรมหรู และห้างสรรพสินค้าที่เรียกว่า The Parisian ซึ่งได้รับการออกแบบให้เป็นตัวแทนของสถาปัตยกรรมของปารีส โดยมีหอไอเฟลขนาดครึ่งสเกลตั้งอยู่ใกล้กับทางเข้า I >>> คลิกที่นี่เพื่อดูราคาหรือจองห้องพักที่ The Venetian - Macau <<< >>> คลิกที่นี่เพื่อดูราคาหรือจองห้องพักที่ The Parisian - Macau <<< Studio City และชิงช้าสวรรค์ Golden Reel หลังจากถ่ายรูปมากมาย ช้อปปิ้ง และเอร็ดอร่อยกับอาหารค่ำแสนอร่อยที่ The Venetian และ The Parisian เราก็เดินไปที่ Studio City ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งเป็นโรงแรมหรูและคาสิโนอีกแห่งในมาเก๊า เหตุผลหลักในการเยี่ยมชม Studio City ของเราคือการนั่งชิงช้าสวรรค์ Golden Reel อันน่าป ระทับใจ ซึ่งเป็นชิงช้าสวรรค์รูปทรงเลข 8 ที่สูงที่สุดในโลกที่ให้ทัศนียภาพกว้างไกลทั่วมาเก๊าจากความสูง 130 เมตร เป็นวิธีที่ดีในการใช้เวลาคืนสุดท้ายของการเดินทาง ก่อนกลับโรงแรมของเรา เราจองตั๋วล่วงหน้าในราคาพิเศษผ่าน Klook ซึ่งเราขอแนะนำเพราะง่ายสะดวกมาก >>> คลิกที่นี่เพื่อดูราคาและจองตั๋วสำหรับ Golden Reel Ferris Wheel - Studio City <<< >>> คลิกที่นี่เพื่อดูราคาหรือจองห้องพักที่ Studio City - Macau <<< วันที่ 5 - เที่ยวบินมาเก๊าไปกรุงเทพ เช้าวันต่อมา เราจองแท็กซี่รอบเช้าเวลา 05.00 น. เพื่อพาเราจากโรงแรมคาราเวลไปยังสนามบินนานาชาติมาเก๊า (MFM) ค่าแท็กซี่ 100MOP (ประมาณ 418 บาท) และระยะทาง 10 กม. ใช้เวลาประมาณ 15 นาที หลังจากมาถึงสนามบิน เราเช็คอินเพื่อขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯ กับสายการบิน Air Macau และเลือกซื้อของที่ระลึกในนาทีสุดท้าย เที่ยวบินของเราออกจากท่าอากาศยานนานาชาติมาเก๊า (MFM) เวลา 07.40 น. ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (BKK) เวลา 09.35 น. ใช้เวลาบินทั้งหมด 2 ชั่วโมง 55 นาที ราคาเที่ยวบินละ 3,330 บาท ℹ️ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางในฮ่องกง คุณสามารถอ่านบทความในบล็อกได้ ⬇️ 📍 >>> แนะนำโรงแรมในย่านจิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui) เกาลูนฮ่องกง -ห้องพักพร้อมห้องน้ำส่วนตัว และใกล้สถานีรถไฟ <<< 📍 >>> แนะนำ15 สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ฮ่องกง <<< >>> หากต้องการจองที่พักในฮ่องกงโดยใช้ช่องค้นหาของ Agoda ด้านล่าง <<< #aworldexplored #hongkong #macau #travelhongkong #travelmacau #disneyland #hongkongdisneyland #เที่ยวมาเก๊า #ฮ่องกง #เที่ยวฮ่องกง #มาเก๊า #ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์
- ทริปการเดินทางท่องเที่ยวรอบเมืองปูซาน เกาหลีใต้ 8 วัน 7 คืน เดินทางด้วยรถไฟและรถประจำทางสาธารณะ
หลังจากที่เราได้เดินทางท่องเที่ยวที่กรุงโซลเมื่อหกเดือนก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นทริปที่เราชอบมากในครั้งนั้นจึงทำให้อยากไปเที่ยวเกาหลีใต้อีกครั้ง และหลังจากที่หาข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เราก็ตัดสินใจว่าเมืองปูซานคือจุดหมายปลายทางสำหรับเราในครั้งนี้ ดังนั้นเราจึงจองเที่ยวบินและวางแผนสำหรับการเดินทางระยะยาวหนึ่งสัปดาห์ ในบล็อกโพสต์นี้ เราจะบอกถึงแผนการเดินทางของเราสำหรับทริป 8 วัน 7 คืน ที่ปูซาน รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับโรงแรมที่เราพัก สถานที่ท่องเที่ยวที่เราไป และร้านอาหารและร้านกาแฟที่เราขอแนะนำอยากให้ทุกคนได้ไปลิ้มลองทั้งรสชาติอาหารและบรรยากาศของเมืองปูซาน เที่ยวบินจาก กรุงเทพฯ ไป ปูซาน เที่ยวบินของเราไปปูซานคือสายการบิน Jin Air และเราออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ (BKK) เวลา 22:30 น. และถึงสนามบินกิมแฮ ปูซาน (PUS) เวลา 06:50 น. ของวันถัดไป เวลาของเกาหลีเร็วกว่าเวลาประเทศไทย 2 ชั่วโมง และใช้เวลาบินทั้งหมด 5 ชั่วโมง 20 นาที 📍Jin Air Flight วันที่ 1 สถานที่ท่องเที่ยว วันที่ 1 - Gimhae International Airport - Jenopo Cafe Street - Busan Citizens Park - Hocheon Cultural Village - Urbanstay Seomyeon เที่ยวบินของเรากับ Jin Air มาถึง Gimhae International Airport ในปูซานเวลา 06:50 น. หลังจากลงจากเครื่องเราก็เดินทางไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง คิวที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองค่อนข้างยาวและเรารอนานกว่าหนึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองแค่ถามคำถามง่ายๆ เกี่ยวกับแผนการเดินทางของเรา สถานที่ที่เราพัก และเราจะเดินทางไปกับใคร เราขอแนะนำให้ก่อนเดินทางไปเกาหลี ขอให้ปริ้นเอกสารเกี่ยวกับเที่ยวบินขากลับ Booking การจองโรงแรม ใบอนุมัติ K-ETA และ Q Code เพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหากมีการขอตรวจเช็คเอกสาร หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้วเราก็ไปรับกระเป๋าและเตรียมตัวเดินทางเข้าเมือง 📍Gimhae International Airport จากสนามบินนานาชาติ Gimhae เรานั่งรถไฟ Light Rail ไปยังสถานี Sasang จากนั้นเราเปลี่ยนไปขึ้น MRT และเดินทางไปยังสถานี Seomyeong ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับที่พักของเรา 📍Gimhae Light Rail หลังจากมาถึงสถานี Seomyeong ก็เดินไปที่พักของเราที่ Urbanstay Seomyeon ซึ่งโรงแรมหลายๆแห่งในเกาหลีจะเช็คอินได้ในเวลา 15.00-16.00 น. และเวลาเช็คอินที่ Urbanstay Seomyeong สามารถเช็คอินได้ในเวลา 16:00 น. ดังนั้นเราจึงเตรียมการล่วงหน้าเพื่อฝากกระเป๋าของเราที่ห้องเก็บสัมภาระของโรงแรม ส่วนใหญ่โรงแรมในเกาหลีจะให้ฝากกระเป๋าไว้ได้จนกว่าจะพร้อมให้คุณเช็คอิน 📍 Urbanstay Seomyeon - Bag Storage >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Urbanstay Seomyeon จาก Urbanstay Seomyeon เราเดินไปที่ Jeonpo Cafe Street ที่อยู่ใกล้เคียง ถนนสายเล็กๆ แห่งนี้เรียงรายไปด้วยร้านกาแฟมากมายที่ตกแต่งในสไตล์เฉพาะตัว เสิร์ฟเครื่องดื่ม ของว่าง และอาหารมากมาย 📍Jenopo Cafe Street หลังจากสำรวจ Jonopo Cafe Street เราก็ไปทานอาหารกลางวันในร้านอาหารใกล้ ๆ ชื่อร้าน Ueoncho Gimbab เราสั่งกิมจิราเม็ง ราเมนเกี๊ยว และข้าวบิบิมบับ อาหารอร่อย และราคาไม่แพง 📍Ueoncho Gimbab Restaurant จากนั้นเราก็เดินทางต่อ เราขึ้นรถไฟใต้ดิน MRT ไปยังสถานี Bujeon และเดินไปที่ Busan Citizens Park สวนสาธารณะกลางเมืองขนาดใหญ่ เราใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง สำหรับการเดินเล่นรอบๆ สวนสาธารณะ และพักดื่มกาแฟในคาเฟ่ บรรยากาศดีกับอากาศเย็นสบาย 📍Busan Citizens Park หลังจากเยี่ยมชม Busan Citizens Park จากนั้นเราเดินไปขึ้นรถไฟใต้ดิน MRT ไปยังสถานี Beomil และเดินไปที่ Hocheon Cultural Village ซึ่งเราใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการเดินท่องเที่ยวสำรวจรอบๆหมู่บ้านแห่งนี้ที่จะมีตรอกซอกซอยที่สามารถเดินหากันได้ทั้งหมดและถ่ายรูปหมู่บ้านที่มีอาคารสีสันสดใส 📍Hocheon Cultural Village หลังจากสำรวจ Hocheon Cultural Village เราก็นั่งรถบัสประจำทางกลับที่พัก เก็บกระเป๋า และเช็คอินห้องพักที่ Urbanstay Seomyeon ซึ่งมีบริการเช็คอินออนไลน์ 100% หลังจากเช็คอินที่ห้องของเราแล้ว เราเหนื่อยจากการเดินทางมาทั้งวัน จึงได้ซื้ออาหารง่ายๆ ราเม็งและอาหารกล่องเบนโตะสำหรับอาหารมื้อค่ำจาก 7-11 ที่อยู่ใกล้ๆกับที่พักของเรา 📍 Urbanstay Seomyeon >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Urbanstay Seomyeon วันที่ 2 สถานที่ท่องเที่ยว วันที่ 2 - Oryukdo Skywalk, Observatory & Park - Igidae Coastal Trail - Gwanggalli Beach - Gwangan Bridge - Urbanstay Seomyeon วันที่สองในปูซาน เราตื่นแต่เช้าและขึ้นรถบัสประจำทางไปที่ Oryukdo Skywalk ซึ่งเราได้แวะกินกาแฟและอาหารเช้าที่ร้านกาแฟก่อนที่จะเดินท่องเที่ยวไปสำรวจ Oryukdo Skywalk, Oryukdo Observatory และ Oryukdo Sunrise Park 📍Oryudo Skywalk & Oryukdo Sunrise Park เมื่อเราเดินชมวิวที่ Oryukdo Skywalk แล้ว จากนั้นเราได้หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงและเราตัดสินใจที่จะเดินเที่ยวบนเส้นทาง Igidae Coastal Trail จาก Oryukdo Sunrise Park ไปยัง Yongho Starlight Park ซึ่งมีระยะทาง 4.7 กม. เส้นทางเดินป่าได้รับการดูแลเป็นอย่างดีและปลอดภัย เราใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการเดินในเส้นทางนี้ โดยมีจุดพักมากมาย ซึ่งเราได้เตรียมอาหารว่าง น้ำ ไว้ด้วยในการเดินในครั้งนี้ 📍Igidae Coastal Trail ระหว่างเดินตามเส้นทางเราได้ชมความสวยงามของธรรมชาติตามขอบชายฝั่งทะเล สำหรับเส้นทางเส้นทางก็เดินง่าย เดินสบายกับอากาศเย็นๆ และเราแวะกินข้าวกลางวันที่สวนสาธารณะริมชายหาดเพื่อกินอาหารที่เราซื้อเตรียมมาจาก 7-11 เมื่อเราเดินเขาตามเส้นทางเสร็จแล้วและมาถึงจุดสุดท้ายก็คือ Yongho Starlight Park เราก็เดินไปที่ป้ายรถเมล์ใกล้ๆ และขึ้นรถเมล์ไปที่ Gwangalli Beach ที่ซึ่งเราใช้เวลาช่วงบ่ายพักผ่อนและชมทิวทัศน์ที่สวยงามของชายหาดและ Gwangan Bridge ที่มีชื่อเสียง 📍Gwangalli Beach and Gwangan bridge หลังจากที่เราเดินชมบรรยากาศชายหาดที่ Gwangalli Beach แล้วเราจึงอยากจะหาร้านกาแฟนั่งพักเพื่อดื่มกาแฟเราจึงเลือกไปที่ร้าน Cup & Cup Cafe ซึ่งเป็นร้านกาแฟที่ทำให้เราได้นั่งดื่มกาแฟในบรรยากาศอุ่นๆ เพราะด้านนอกอากาศเย็น ดังนั้นกาแฟร้อนจึงเป็นเมนูที่เราสั่งในครั้งนี้ ซึ่งทั้งกาแฟและเค้กแสนอร่อยพร้อมทิวทัศน์ที่น่าทึ่งของ Gwangalli Beach และ Gwangan Bridge 📍Cup & Cup Cafe ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน เราไปเดินเล่นที่ Gwangalli Beach เพื่อถ่ายรูป และได้เห็นวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น และหาร้านเพื่อทานอาหารเย็น สำหรับมื้อค่ำซึ่งการที่เรามาปูซานเราก็อยากจะลองรสชาติหมูย่างเกาหลี เราได้เลือกร้าน Goban Restaurant Gwangan หมูย่างเกาหลีอร่อยมาก พร้อมบริการที่ยอดเยี่ยม เราขอแนะนำร้านอาหารนี้สำหรับใครที่เข้าพักในย่าน Gwangalli 📍Goban Restaurant Gwangan หลังจากทานอาหารมื้อค่ำอันแสนอร่อย เราเดินไปตามชายหาด Gwangalli และดูแสงสีและพลุที่จุดจากเรือก่อนจะหยุดที่ Caffe Pascucci เพื่อพักและด้วยอากาศที่เริ่มเย็นลงเรื่อยๆในช่วงค่ำ เราจึงเลือกที่จะหาโกโก้ร้อนและได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สวยงาม 📍Cafe Pascucci จากหาด Gwangalli เราเดินไปที่ MRT และนั่งรถไฟกลับไปที่สถานี Seomyeon จากนั้นเดินกลับไปที่ Urbanstay Seomyeon เพื่อพักผ่อนในคืนนี้ วันที่ 3 สถานที่ท่องเที่ยว วันที่ 3 - Geumgang Park - Busan Marine Natural History Museum - Geumgang Cable Car & Geumjeong Mountain - Bujeon Traditional Market - Gunam-ro Street & Gunam-ro Cultural Square - Elysia Boutique Hotel วันที่สามของเราในปูซาน เราเช็คเอาต์จากห้องพักที่ Urbanstay Seomyeon และฝากกระเป๋าไว้ในที่เก็บสัมภาระของโรงแรมก่อนที่เราจะขึ้น MRT ไปยังสถานี Myeongnyun และเดินไปที่ Geumgang Park ระหว่างทาง เราแวะ 7-11 เพื่อทานอาหารเช้าและกาแฟร้อน เพราะวันที่ฝนตกอากาศเย็น เมื่อเรามาถึง Geumgang Park เราก็ได้เดินชมความสวยงามของ 📍Geumgang Park หลังจากเดินรอบสวนแล้ว เราก็ไปเยี่ยมชม Busan Marine Natural History Museum ซึ่งอยู่ติดกันกับสวนที่เราเดินเข้ามา 📍Busan Marine Natural History Museum หลังจากนั้น เราก็เดินผ่านสวนสาธารณะไปยัง Geumgang Cable Car Station และเราขึ้นกระเช้าลอยฟ้าเพื่อขึ้นไปบน Geumjeong Mountain อากาศบนเขาหนาวมากและมีหมอกหนา เนื่องจากฝนตก และน่าเสียดายที่เราไม่สามารถเห็นวิวเมืองปูซานบนจุดชมวิวบนภูเขาได้ 📍Geumgang Cable Car หลังจากเดินชมบนภูเขา Geumjong Mountain ได้ไม่นาน เราก็เริ่มหนาวแล้วก็เริ่มเปียก เราจึงนั่งกระเช้ากลับลงมาจากภูเขาและแวะจิบกาแฟอุ่นๆ ที่ร้าน Mommy's Cafe ซึ่งตั้งอยู่ใน Geumgang Park ซึ่งเดินไม่ไกลจากที่จุดที่เราไปขึ้นรถกระเช้า 📍Mommy's Cafe เมื่อเราได้นั่งพักและดื่มกาแฟอุ่นๆแล้วเราก็เริ่มออกเดินทางต่อ เรานั่งรถบัสไปที่ Bujeon Traditional Market ซึ่งเราใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในการสำรวจเดินดูแผงขายของในตลาด ซึ่งเราได้เห็นของที่คนท้องถิ่นชอบทานและมาเลือกซื้อกันถึงแม้จะเป็นช่วงที่ฝนตกก็ตาม 📍Bujeon Traditional Market เมื่อเราสำรวจเดินดูของที่ Bujeon Traditional Market เสร็จแล้ว เราก็แวะทานอาหารกลางวันที่ Cauldron Whole Chicken Restaurant ซึ่งอยู่ในย่านแถวๆตลาด ซึ่งเราได้ทานไก่ทอดเกาหลีแสนอร่อยเป็นอาหารกลางวันและสำหรับการสั่งอาหารที่เกาหลีแต่ละเมนูค่อนข้างที่จะให้ปริมาณเยอะมาก ดังนั้นเราต้องดูให้ดีว่าเราทานกี่คนจะได้พอดี 📍Cauldron Whole Chicken Restaurant หลังอาหารกลางวัน เราเดินกลับไปที่ Urbanstay Seomyeon เพื่อเก็บสัมภาระกระเป๋าของเราและจากนั้นเราก็นั่งรถไฟใต้ดิน MRT ไปที่ Haeundae Station และเดินไปยังที่พักใหม่ของเราที่ เราเช็คอินห้องของเราที่โรงแรม Elysia Boutique Hotel และเราพักผ่อนสักสองสามชั่วโมงหลังจากที่เดินทางมาทั้งวันก่อนที่จะออกไปทานอาหารเย็น 📍 Elysia Boutique Hotel >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Elysia Boutique Hotel ในตอนเย็น เราใช้เวลาสองสามชั่วโมงเดินไปรอบ ๆ Gunam-ro Street และ Gunam-ro Square เพื่อชมร้านค้า ร้านอาหาร และอาหารริมทาง 📍Gunam-ro Street & Gunam-ro Square สำหรับมื้อค่ำ เราแวะทานอาหารเย็นที่ Haeundae Obok Restaurant ซึ่งได้รับการแนะนำอย่างมากบน Tripadvisor ซึ่งเมนูยอดนิยมก็คือ Dwaeji Gukbap (ข้าวซุปหมู) ซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นดั้งเดิมจากปูซาน 📍Haeundae Obok Restaurant หลังอาหารเย็นเราเดินกลับไปที่ Elysia Hotel เพื่อพักผ่อนสำหรับคืนนี้ วันที่ 4 สถานที่ท่องเที่ยว วันที่ 4 - Blueline Sky Park & Sky Capsule - Cheongsapo Dartidol Skywalk - Song Jeon Beach - Lotte Premium Outlets Mall - Haedong Yonggungsa Temple - Busan X the Sky - Haeundae Beach - Elysia Boutique Hotel เช้าวันที่ 4 ในปูซาน และเริ่มต้นการท่องเที่ยวของเราในวันนี้ เราเดินไปตามถนนเรียบฝั่ง Haeundae Beach ไปยัง Mipo Station ของ Blueline Sky Park เมื่อเรามาถึงเรารับตั๋วสำหรับการนั่ง Sky Capsule ซึ่งเราได้จองตั๋วมาล่วงหน้าผ่านเว็ปไซต์แล้ว 📍Blueline Sky Park เวลา 9:30 น. เราขึ้น Sky Capsule และเดินทางจากสถานี Mipo Station ไปยังสถานี Cheongsapo Station เราได้นั่ง Sky Capsule ที่ออกแบบมาได้น่ารัก เหมาะกับการถ่ายรูปพร้อมกับวิวที่สวยงาม และใช้เวลาประมาณ 30 นาที 📍Sky Capsule หลังจากที่เรานั่ง Sky Capsule มาถึงสถานี Cheongsapo Station เราก็ใช้เวลาเดินไปรอบ ๆ ท่าเรือและหมู่บ้านชาวประมงและดูร้านกาแฟน่ารัก ๆ ในบริเวณนั้น น่าเสียดายที่ร้านกาแฟส่วนใหญ่ยังคงปิดให้บริการ โดยส่วนใหญ่ร้านจะเปิดในเวลาประมาณ 11:00 - 12:00 น. 📍Cheongsapo Village เราได้เดินเล่นไปเรื่อย รอบๆในบริเวณใกล้เคียงสถานี Cheongsapo Station และเราก็เจอร้าน Cafe Mellow ซึ่งเปิดอยู่และเราหยุดพักพร้อมกาแฟร้อนและช็อคโกแลตบราวนี่ 📍Cafe Mellow และหลังจากที่เราดื่มกาแฟที่ร้าน Cafe Mellow แล้ว เราก็เดินไปตามทางเดินเลียบชายฝั่งไปยัง Cheongsapo Dartidol Skywalk ที่ซึ่งเราใช้เวลาชื่นชมทิวทัศน์ที่สวยงามและถ่ายรูปจากทางเดินลอยฟ้าพื้นกระจกยาวเหนือน้ำทะเล 📍Cheongsapo Dartidol Skywalk จาก Choengsapo Dartidol Skywalk เราเดินเลียบชายฝั่งไปเรื่อยๆ จนถึง Song Jeon Beach ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 1.5 กม. ซึ่งเราใช้เวลาถ่ายรูปและพักผ่อนริมทะเล 📍Song Jeon Beach สำหรับมื้อกลางวัน เราทานชาบู ชาบูที่ร้าน Shabu Maxi ซึ่งตั้งอยู่ Song Jeong Beach ชาบูชาบูเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ อร่อยมากคุ้มค่ากับราคาไปพร้อมวิวชายหาดและทะเลที่สวยงาม 📍Shabu Maxi หลังจากที่เราทานอาหารกลางวันแสนอร่อยและอิ่มมาก เราก็เริ่มเดินทางต่อ เราเดินไปที่ป้ายรถเมล์ใกล้ๆ และขึ้นรถบัสไปยัง Lotte Premium Outlets Mall ซึ่งเราใช้เวลาเดินเล่นและช้อปปิ้ง 📍Lotte Premium Outlets Mall หลังจากที่เราเดินเล่นช้อปปิ้งที่ Lotte Premium Outlets Mall แล้ว เราก็เดินต่อไปที่วัด Haedong Yonggungsa ซึ่งเราผ่านตลาดของวัดที่มีแผงขายอาหารเกาหลีและเครื่องดื่มริมทางแสนอร่อยมากมายรวมถึงของที่ระลึก 📍Haedong Yonggungsa Temple Market เมื่อเรามาถึงวัด Haedong Yonggungsa เราก็ใช้เวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมงในการสำรวจเดินชมความสวยงาม บริเวณวัดและ Zodiac Gardens ถ่ายรูปและไหว้พระขอพร 📍Haedong Yonggungsa Temple เมื่อเราสำรวจเดินชมวัดเสร็จแล้ว เราก็จะเดินทางกลับ โดยเราเดินไปที่ป้ายรถเมล์ที่ใกล้ที่สุดและขึ้นรถเมล์ไป Busan X the Sky เมื่อเรามาถึง Busan X the Sky เราซื้อตั๋วแล้วไปที่ชั้น 100 เพื่อชมวิวอันสวยงามของหาดแฮอุนแดและวิวรอบๆเมืองปูซาน เราใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงที่ Busan X the Sky เพราะเราต้องการชมวิวช่วงกลางวัน และวิวในช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน และวิวกลางคืน 📍Busan X the Sky >> คลิกที่นี่สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือจองตั๋ว Busan X the Sky ผ่าน Klook จาก Busan X the Sky เราใช้เวลาเดินเล่นที่ Haeundae Beach ก่อนที่จะไปที่ Gunam-ro Street เพื่อหาร้านอาหารทะเลสำหรับมื้อค่ำเราไปทานอาหารเย็นที่ Hyeja Seafood Restaurant สั่งหอยย่างและสตูว์ทะเลรสเผ็ดที่เราปรุงเองที่โต๊ะ อาหารอร่อยและบริการดีมาก 📍Hyeja Seafood Restaurant หลังอาหารเย็น เราเดินกลับไปที่ Elysia Boutique Hotel เพื่อแวะพักระหว่างทางเพื่อลองชิมอาหารเกาหลีริมทาง เช่น ไอศกรีมรังผึ้ง บันจอปัง (ขนมปังปลา) และสตรอเบอร์รี่ลูกกวาด วันที่ 5 สถานที่ท่องเที่ยว วันที่ 5 - Dongbaek Park - Dongbaekseom Light House - Nurimaru APEC House - SeaLife Busan Aquarium - Lotte Department Store Gwangbok - Busan Connect Ocean Hotel หลังจากที่เราได้เดินทางท่องเที่ยวแบบเต็มวันในช่วงสองสามวัน ดังนั้นในวันนี้เราจึงตื่นสายหน่อย และได้เช็คเอาต์จาก Elysia Boutique Hotel แต่ยังคงขอเก็บกระเป๋าไว้กับโรงแรมก่อน แล้วเราก็เดินไปที่ Holly's Cafe ในบริเวณใกล้เคียงเพื่อทานอาหารเช้าและกาแฟตอนสายๆ พร้อมกับได้ชมวิวสวยๆของ Haeundae Beach 📍Holly's Cafe จาก Haundae Beach เราได้ค้นหาข้อมูลเราจึงเลือกเดินไปตามเส้นทาง Dongbaekseom Coastal Trail ไปยัง Dongbaek Park และ Dongbaekseom Lighthouse ซึ่งเราใช้เวลาถ่ายรูปแนวชายฝั่งและทะเลที่สวยงาม 📍Dongbaek Park & Dongbaekseom Lighthouse หลังจากเดินสำรวจเที่ยวชม Dongbaek Park เราก็เดินไปที่ Nurimaru APEC House ซึ่งอยู่เส้นทางเดียวกันที่เราเดินชม Dongbaek Park เพียงแค่เดินต่อไปอีกนิด ก่อนที่จะกลับไปที่ Haeundae Beach 📍Nurimaru APEC House หลังจากนั้นเราก็เดินกลับตามเส้นทางเดิมเพื่อไปที่หาด Haundae Beach เพื่อเราจะไปเยี่ยมชม Sea Life Busan Aquarium ซึ่งเราใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงในการเดินไปรอบ ๆ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเพื่อดูปลาและสัตว์หลากหลายประเภท 📍Sea Life Busan Aqauarium >> คลิกที่นี่สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือจองตั๋ว Sea Life Busan Aqaurium ผ่าน Klook หลังจากเที่ยว Sea Life Busan Aquarium เสร็จ เราก็กลับไปเอากระเป๋าที่ Elysia Hotel เพื่อไปเอากระเป๋าแล้วขึ้นรถบัสไปที่พักใหม่ของเราที่ Busan Connect Ocean Hotel ซึ่งตั้งอยู่ในย่าน Nampo-dong หลังจากเช็คอินห้องพักแล้วเราก็พักผ่อนก่อน 📍Busan Connect Ocean Hotel >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Busan Connect Ocean Hotel ในตอนเย็นเราเดินไปที่ห้างสรรพสินค้า Lotte Department Store Gwangbok และทานอาหารเย็นที่ศูนย์อาหาร จากนั้นเราก็ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อเครื่องดื่มท้องถิ่นของที่นี่ ขนมขบเคี้ยว และอาหารเช้าสำหรับวันถัดไป ก่อนที่เราจะกลับมาที่โรงแรม Busan Connect Ocean Hotel เพื่อพักผ่อนสำหรับคืนนี้ 📍Lotte Department Store Gwangbok วันที่ 6 สถานที่ท่องเที่ยว วันที่ 6 - Songdo Beach & Songdo Cloud Trails - Songdo Cable Car (Busan Air Cruise) - Songdo Yonggung Suspension Bridge - Gamechecon Cultural Village - Huinnyeoul Culture Village - Busan Connect Ocean Hotel หลังจากตื่นแต่เช้าและทานอาหารเช้าในห้องพักของโรงแรมแล้ว จากนั้นเราก็นั่งรถบัสไปที่ Songdo Beach ซึ่งเราใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในการสำรวจชายหาดและ Songdo Cloud Trails ที่อยู่เหนือน้ำทะเล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยมากอีกแห่งหนึ่งของที่นี่ 📍Songdo Beach and Songdo Cloud Trails จากนั้น เราก็เดินต่อไปที่ Songdo Bay และขึ้น Songdo Cable Car (Busan Air Cruise) ไปยัง Observatory Station ที่ Songdo Sky Park ด้านบนจะมีจุดชุมวิว สวนสาธารณะให้เราเดินเล่นชมธรรมชาติและมีร้านอาหารด้วย 📍Songdo Cable Car & Songdo Sky Park >> คลิกที่นี่สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือจองตั๋ว Songdo Cable Car (Busan Air Cruise) ผ่าน Klook จากสถานีเคเบิลคาร์ เราเดินผ่าน Songdo Sky Park ไปยัง Songdo Yonggung Suspension Bridge ซึ่งทำให้เราได้ชมวิวอันสวยงามของวิวทะเลรอบๆ จากสะพานนี้ 📍Songdo Yonggung Suspension Bridge เมื่อเราสำรวจเดินชมรอบๆ Songdo Sky Park เสร็จแล้ว เราก็นั่งรถเคเบิลกลับไปที่ Songdo Bay Station จากนั้นขึ้นรถบัสไปยัง Gamchecon Cultural Village ซึ่งเราใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการเดินไปรอบ ๆ ตามถนนซอยเล็กๆ ถ่ายรูป ลองชิมอาหารท้องถิ่นของที่นี่ และซื้อของที่ระลึก 📍Gamcehon Cultural Village จากนั้นการที่จะได้ชมวิวสวยๆของ Gamcheon Cultural Village และชมทัศนียภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจของ Gamcheon Cultural Village จากร้าน Avant Garde Cafe 📍Avant Garde Cafe เมื่อชมวิวแล้วจากนั้น เราก็เดินเล่นรอบๆตามซอยของ Gamcheon Cultural Village และเดินลงไปเรื่อยๆ เพราะเส้นทางทางการเดินก็สวยงามสามารถแวะถ่ายรูปได้ตลอด และเราก็ได้เดินดูร้านอาหารแถวๆนั้น และได้ทานอาหารกลางวันที่ร้าน Gamcheon Beef Soup Restaurant ซุปเนื้อรสเผ็ดและซุปเกี๊ยวปลา อร่อยมาก 📍Gamcheon Beef Soup Restaurant หลังจากทานอาหารกลางวันจนอิ่มและเติมพลังงานแล้ว เราก็เริ่มออกเดินทางต่อ เรานั่งรถบัสจาก Gamcheon Cultural Village ไปยัง Huinnyeoul Cultural Village เมืองชายทะเลเล็กๆ ที่มีร้านกาแฟ ร้านอาหาร น่ารักๆสวยๆ และจุดถ่ายรูปลงอินสตาแกรมมากมาย 📍Huinnyeoul Cultural Village เราอยากจะนั่งดื่มกาแฟ เพื่อชมวิวอันสวยงามของที่นี่ เราก็เลยเลือกไปที่ร้าน Cupnut Yeongdo Cafe ทำให้เราได้นั่งจิบกาแฟ พร้อมกับได้เห็นวิวรอบๆ วิวสะพานจากทะเล วิวรอบๆของหมู่บ้าน สวยงามมาก 📍Cupnut Yeongdo Cafe เราใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการเดินรอบ ๆ Huinnnyeoul Cultural Village สำรวจเส้นทางเดิน จุดชมวิว และ Huinnyeoul Coastal Walk & Tunnel บรรยากาศโดยรอบสวยงามเดินได้ง่าย กับอากาศเย็นๆ 📍Huinnyeoul Coastal Walk and Tunnel เมื่อเราได้เดินชมความสวยงามของ Huinnyeoul Culture Village แล้วเราก็เริ่มเดินทางต่อ เราเดินไปหาป้ายรถเมล์และนั่งรถเมล์กลับไปที่สถานี Nampo เพื่อไปเยี่ยมชม Busan Tower ซึ่งเราไม่ได้ขึ้นไปบนหอคอยชมวิว เราเพียงเดินเที่ยวรอบๆ Busan Tower 📍Busan Tower เราใช้เวลาเดินเที่ยวชมรอบ Busan Tower ไม่นานจากนั้นเราเดินต่อไปที่ BIFF Square ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งเป็นย่านที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และแผงขายอาหารริมทางมากมาย 📍BIFF Square หลังจากเดินเล่นรอบๆ BIFF Square ก็เริ่มหิวกันแล้ว และความตั้งมั่นของเราก็ยังคงอยากลิ้มลองรสชาติของหมูย่างเกาหลี เราก็ไปทานอาหารเย็นที่ Win Win Livestock Restaurant ซึ่งเป็นร้านหมูเกาหลีแสนอร่อยที่คัดสรรเนื้อหมูและเนื้อวัวคุณภาพเยี่ยม อร่อยมาก ชอบกับความบุฟเฟ่ผักและเครื่องเคียง ตักได้ตลอด 📍Win Win Livestock Restaurant หลังจากที่เราเต็มอิ่มกับหมูย่างเกาหลีอันแสนอร่อยแล้ว ก็ถึงเวลาต้องกลับไปพักผ่อนเก็บแรงเพื่อวันพรุ่งนี้ เราเดินกลับไปที่ Busan Connect Ocean Hotel วันที่ 7 สถานที่ท่องเที่ยว วันที่ 7 - Bemeosa Temple - Jagalchi Market - Apple Outlet Mall - Premium AVA Hotel วันที่ 7 ของเราในปูซาน เราตื่นแต่เช้า เช็คเอาต์ออกจากห้องพักที่ Busan Conncet Ocean Hotel และฝากกระเป๋าไว้ในที่เก็บสัมภาระของโรงแรม จากนั้นเรานั่ง MRT ไปยัง Nopo Station ซึ่งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองมากกว่า 20 กม. 📍Nopo Station เมื่อเรามาถึงสถานี Nopo Station เราขึ้นรถเมล์ไปยัง Beomeosa Temple รถเมล์จะไปจอดตรงป้ายรถเมล์ทางขึ้นวัดให้เลย ซึ่งเราใช้เวลาสำรวจเที่ยวชมบรรยากาศวัดและเดินเล่นบริเวณรอบๆ 📍Beomeosa Temple จากพื้นที่วัด Beomeosa Temple เราได้เดินบนเส้นทางเดินป่าผ่านป่าธรรมชาติที่สวยงามก่อนที่เราจะหาสถานที่รับประทานอาหารกลางวัน ซึ่งเส้นทางการเดินก็จะพาเราเดินลงไปตรงจุดขึ้นรถเมล์และร้านอาหารที่อยู่ด้านล่าง 📍Beomeosa Hiking Trails จากนั้นเราทานกาแฟและอาหารกลางวันที่ร้านกาแฟและร้านอาหาร ด้านล่างซึ่งจะอยู่ใกล้ๆกับป้ายรถเมล์ ก่อนที่เราจะขึ้นรถบัสและ MRT กลับไปที่ Nampo Station ในใจกลางเมืองปูซาน 📍Beomeosa Restaurant & Cafe จาก Nampo Station เราเดินไปที่ Jagalchi Market ซึ่งเป็นตลาดอาหารทะเลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปูซาน และใช้เวลาเดินดูอาหารทะเลสดที่สดมากๆและเยอะมาก 📍Jagalchi Market หลังจากเดินที่ตลาด Jagalchi Market แล้ว เราเดินกลับไปที่ Busan Connect Ocean Hotel เพื่อรับกระเป๋า จากนั้นเราก็ขึ้นรถบัสไปยัง Sasang Station เพื่อเช็คอินโรงแรมถัดไปใกล้ Gimhae Airport เนื่องจากเที่ยวบินของเราออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น เมื่อเรามาถึง Sasang Station เราก็เดินไปยังที่พักของเราที่ Premium Ava Hotel และเช็คอินห้องพักก่อนที่จะออกไปสำรวจพื้นที่และหาที่ทานอาหารเย็น 📍Premium Ava Hotel >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Premium Ava Hotel และสำหรับอาหารมื้อเย็นของเรา เรายังคงอยากจะลองชิมหมูย่างเกาหลีในแต่ละย่านที่เราพัก แต่ละที่จะมีความแตกต่างกันอย่างไร เราจึงเลือกหมูเกาหลีอันแสนอร่อยที่ Great Defeat of the World Restaurant ซึ่งเสิร์ฟเนื้อสไลด์บางๆ หลากหลายชนิดในราคาถูกมากและเป็นร้านที่ร่อยถูกใจเรามากสำหรับทริปการเดินทางของเราในครั้งนี้ 📍Great Defeat of the World Restaurant หลังอาหารเย็น เราใช้เวลาเดินช้อปปิ้งที่ Apple Outlet Mall ที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนเราจะเดินกลับไปที่ Premium Ava Hotel ในคืนนี้ 📍Apple Outlet Mall วันที่ 8 สถานที่ท่องเที่ยว วันที่ 8 - Seokbulsa Temple - Hwamyeong Ecological Park - Gimhae International Airport เนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเราในปูซาน และเราต้องไปสนามบินในตอนบ่าย เราจึงมีเวลาเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวไม่มากนัก เราจึงตื่นแต่เช้าและขึ้นรถบัสไปยัง Guemjeongsan Mountain เพื่อเริ่มเดินเขาขึ้นไปยัง Seokbulsa Temple การเดินขึ้นไปยัง Seokbulsa Temple นั้นสูงชัน โดยใช้เวลาประมาณ 40 นาที แต่ทิวทัศน์นั้นสวยงามมากและคุ้มค่ากับความพยายาม 📍Hike to Seokbulsa Temple เมื่อเรามาถึง Seokbulsa Temple เราใช้เวลานั่งพักในวัด ไหว้พระขอพร และถ่ายรูปทิวทัศน์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ เป็นสถานที่สวยงามมาก ทั้งบรรยากาศรอบด้านที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ ทำให้เงียบสงบ 📍Seokbulsa Temple เมื่อเราได้เดินสำรวจถ่ายภาพรอบๆบริเวณวัดเสร็จแล้ว เราก็เดินกลับลงมาจากภูเขาผ่านหมู่บ้านท้องถิ่นเพื่อขึ้นรถเมล์กลับเข้าเมือง 📍Guemjeongsan Mountain Village เมื่อเราเดินลงจากเขามาเรื่อยและมาที่ป้ายรถเมล์ จากนั้นเรานั่งรถบัสไปที่ Hwamyeong Ecological Park เนื่องจากเรามีเวลาน้อย เราจึงแวะไปดูสวนสาธารณะขนาดใหญ่ของที่นี่ ที่จะมีทางเดินเป็นสะพานยาวให้เราเดินได้อย่างง่ายๆได้เลยจากป้ายรถเมล์ 📍Hwamyeong Ecological Park หลังจากเพลิดเพลินกับความสวยงามของ Hwamyeong Ecological Park แล้ว เราก็นั่งรถเมล์กลับไปที่ Sasang Station และทานบิมบับ (ข้าวปั้น) มื้อเที่ยงแสนอร่อยที่ 153 Gupo Restaurant 📍153 Gupo Restaurant หลังอาหารกลางวัน เราเดินกลับไปที่ Premium Ava Hotel อาบน้ำ เก็บกระเป๋า และเช็คเอาต์ออกจากห้อง จากนั้นเดินกลับไปที่สถานี Sasang เพื่อขึ้นรถไฟไปยังสนามบินนานาชาติ Gimhae เมื่อเรามาถึงสนามบิน เราเช็คอินเพื่อขึ้นเครื่องขากลับ ดื่มกาแฟที่ร้าน Ediya Cafe จากนั้นไปช้อปปิ้งของที่ระลึกที่ Lotte Duty-Free 📍Gimhae International Airport เที่ยวบินจาก ปูซาน ไป กรุงเทพฯ เที่ยวบินกลับกรุงเทพฯ ของเรากับ Jin Air ออกจาก Gimhae International Airport - Busan (PUS) เวลา 19:05 น. และถึง Suvarnabhumi International Airport - Bangkok (BKK) เวลา 22:30 น. ของวันเดียวกัน (เวลาไทย ช้ากว่าเกาหลี 2 ชั่วโมง) รวมเที่ยวบินทั้งหมด เวลา 5 ชั่วโมง 25 นาที สำหรับทริปการเดินทางเที่ยวในปูซานของเรา ทั้งหมด 8 วัน 7 คืน ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราได้รู้จักกับเมืองปูซานนี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรมท้องถิ่น รวมถึงอาหารของที่นี่ เราชอบและประทับใจกับการมาเที่ยวที่นี่ ซึ่งเราคิดว่ายังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆที่น่าสนใจอีกมากมาย และมีจุดถ่ายรูปเยอะมาก ถึงแม้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวของที่นี่จะมีเยอะโดยอยู่รอบๆเมือง แต่ที่นี่ก็ได้สร้างความสะดวกสบายในการเดินทางทั้งรถไฟ รถเมล์ ที่ทำให้เราสามารถเดินทางไปเที่ยวทุกที่ได้อย่างง่าย อีกทั้งทางด้านธรรมชาติ ป่าไม้ ภูเขา เมืองปูซานสามารถสร้างสวนสาธารณะที่ทำให้คนทุกคนใช้ร่วมกัน ทำกิจกรรมด้วยกัน ออกมาเดินสูดอากาศบริสุทธิ์และออกกำลังกาย การที่คนที่นี่มีความสุขกับการใช้ชีวิต เมืองแห่งนี้ก็จะเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข และผู้ที่มาเยี่ยมเยียนก็ได้รับความสุขไปเช่นกัน แล้วเราจะกลับมาเยี่ยมใหม่อย่างแน่นอน..มหานครปูซาน หากคุณไปเที่ยวปูซานในช่วงเวลาสั้นๆ เราขอแนะนำให้คุณซื้อบัตร Visit Busan Pass ผ่าน Klook มี 2 ประเภท คือ บัตร 24 ชั่วโมง และ บัตร 48 ชั่วโมง บัตร Visit Busan Pass จะให้สิทธิ์คุณเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวใน Busan 30 แห่งฟรี ตลอดจนส่วนลดและสิทธิประโยชน์สำหรับร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง และการขนส่ง ซื้อบัตร Visit Busan Pass คุณจะประหยัดเวลาและเงินเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับบัตร Visit Busan Pass หรือทำการจอง >> คลิกที่นี่เพื่อไปที่ Klook ℹ️ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางในปูซานและเกาหลีใต้ คุณสามารถอ่านบล็อกโพสต์อื่นๆ ของเราได้ ⬇️ 📍>> แนะนำโรงแรมที่พัก 4 ย่านยอดนิยมในปูซาน: Haeundae, Gwangalli, Seomyeon & Nampo -dong - Update 2023 📍>> 26 สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำเมื่อมาเที่ยวที่เมืองปูซาน 📍 >> ค่าใช้จ่ายสำหรับเดินทางท่องเที่ยวรอบปูซาน รวม 8 วัน 7 คืน ที่กิน ที่เที่ยว ที่พัก ค่าเดินทาง 📍 >> เที่ยวเกาหลีใต้ 5 วัน 4 คืน เดินทางด้วยตัวเองเที่ยวรอบกรุงโซล 📍 >> แนะนำโรงแรมในย่าน เมียงดง (Myeongdong) โซล เกาหลีใต้ - ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และสถานีรถไฟ 📍 >> แนะนำบัตรท่องเที่ยว "Discover Seoul Pass" - เข้าฟรีและส่วนลดสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงโซล คุ้มมาก #aworldexplored #busan #korea #southkorea #travelbusan #travelkorea #busanhotels #busanattractions #haeundae #seomyeon #gwangalli #nampodong #travelsouthkorea #ปูซาน #เกาหลี #เกาหลีใต้ #ท่องเที่ยวปูซาน #ท่องเที่ยวเกาหลี #ท่องเที่ยวเกาหลีใต้ #สถานที่ท่องเที่ยวในปูซาน #โรงแรมปูซาน #แฮอุนแด #กวังกัลลี #ซอมยอน #นัมโปดง
- ค่าใช้จ่ายสำหรับเดินทางท่องเที่ยวเมืองปูซาน รวม 8 วัน 7 คืน ที่กิน ที่เที่ยว ที่พัก ค่าเดินทาง
ในบล็อกโพสต์นี้ เราจะสรุปค่าใช้จ่ายของทริปการเดินทางท่องเที่ยว 8 วัน 7 คืน ที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ สำหรับสองคน เราจะรวมค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมด รวมทั้งวีซ่า ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ที่กิน การเดินทาง และสถานที่ท่องเที่ยว ค่าวีซ่า (Visa) ก่อนที่เราจะเดินทางไปเที่ยวเกาหลีใต้ เราต้องสมัครขอวีซ่า K-ETA (Korea Electronic Travel Authorization) ทางออนไลน์เช่นเดียวกับคนไทยทุกคน ค่าสมัครอยู่ที่ 10,000 ₩ (ประมาณ 260 บาท) ต่อคน และไม่สามารถขอคืนได้แม้ว่าใบสมัครของคุณจะถูกปฏิเสธ K ETA เป็นค่าธรรมเนียมการสมัครที่ต้องจ่ายเพียงครั้งเดียว และเมื่อ K-ETA ของคุณได้รับการอนุมัติแล้ว จะมีอายุ 2 ปี และคุณสามารถเที่ยวเกาหลีใต้กี่ครั้งก็ได้ภายในเวลานั้น * ค่าวีซ่าทั้งหมด 520 บาท (260 บาท ต่อคน) ค่าตั๋วเครื่องบิน เราจองเที่ยวบินกับสายการบิน Jin Air ซึ่งเป็นเที่ยวบินจากสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ (BKK) ไปสนามบินนานาชาติกิมแฮ ปูซาน (PUS) รวมค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ 11,975 บาทต่อคน การจองเที่ยวบินครั้งนี้รวมน้ำหนักกระเป๋าสัมภาระ ฟรี 15 กก. ดังนั้นจึงคุ้มค่ามาก * ราคารวมตั๋วเครื่องบิน 23,950 บาท (11,975 บาท ต่อคน) เพื่อให้ได้ราคาตั๋วเครื่องบินไปปูซานราคาถูก เราแนะนำให้คุณใช้ Skyscanner เพื่อค้นหาเที่ยวบินเพราะใน Skyscanner จะเปรียบเทียบสายการบินทั้งหมดที่บินไปปูซาน พร้อมทั้งแสดงในแต่ละเวลาในการเดินทางซึ่งเป็นข้อมูลที่ดีมากสำหรับการใช้ในการวางแผนการท่องเที่ยว ค่าที่พักโรงแรม การเดินทางไปปูซานเราต้องจองที่พักทั้งหมด7 คืน เราเลือกพักในสี่ย่านในปูซานที่แตกต่างกันระหว่างการเดินทาง เพื่อให้เราสำรวจพื้นที่ต่างๆ ของปูซานได้ง่ายขึ้น เราจองที่พักทั้งหมดกับ Agoda ค่าที่พักของเรามีดังนี้: 📍 คืนที่ 1 & 2: Urbanstay Seomyeon (2 คืน 3,880 บาท) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Urbanstay Seomyeon 📍คืนที่ 3 & 4: Elysia Boutique Hotel (2 คืน 3,144 บาท) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Elysia Boutique Hotel 📍คืนที่ 5 & 6: Busan Connect Ocean Hotel (2 คืน 3,970 บาท) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Busan Connect Ocean Hotel 📍คืนที่ 7: Premium Ava Hotel (1 คืน 2,086 บาท) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Premium Ava Hotel * รวมค่าใช้จ่ายที่พักโรงแรม 13,080 บาท (6,540 บาท ต่อคน) 📍>> แนะนำโรงแรมที่พัก 4 ย่านยอดนิยมในปูซาน: Haeundae, Gwangalli, Seomyeon & Nampo -dong - Update 2023 << หากต้องการจองที่พักคุณภาพในปูซานในราคาที่ดี เราแนะนำให้คุณจองผ่าน Agoda ⬇️ ค่าเดินทาง ในช่วงเวลาที่เราอยู่ที่ปูซาน โดนส่วนใหญ่เราจะเดินไปรอบ ๆ เมือง เพราะเราเชื่อว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะได้เห็นสถานที่ใหม่ ๆ และสัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่น ในการเดินทางไกล และเราใช้บริการขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟใต้ดินและรถโดยสารสาธารณะ ซึ่งเราใช้บัตร T-Money ราคาค่าขนส่งสาธารณะถูกมากด้วยราคาเพียง 20 บาท - 40 บาทต่อเที่ยว ค่าเดินทางของเราสำหรับ แปดวันในปูซานมีดังนี้: รถไฟและรถเมล์ประจำทาง: 1,864 บาท * รวมค่าใช้จ่ายขนส่ง 1,864 บาท (932 บาท ต่อคน) ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว ระหว่างการเดินทางไปปูซาน เราใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเยี่ยมชมสวนสาธารณะ ชายหาด เส้นทางเดินป่า และตลาดที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เรายังพบว่าสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น วัด สกายวอล์ค และพิพิธภัณฑ์สามารถเข้าชมได้ฟรีเช่นกัน ค่าใช้จ่ายในการเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวในปูซานมีดังนี้: Sky Capsule: 894 บาท Geumgang Cable Car: 460 บาท Songdo Cable Car: 1,070 บาท Busan X the Sky: 1,380 บาท SeaLife Busan Aquarium: 1,158 บาท Songdo Yonggung Suspension Bridge: 52 บาท * รวมค่าใช้จ่ายสถานที่ท่องเที่ยว 5,014 บาท (2,507 บาท ต่อคน) คุณสามารถประหยัดค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในปูซานได้ด้วยการจองตั๋วล่วงหน้าผ่าน Klook ⬇️ หากคุณจะอยู่ที่ปูซานเพียงช่วงสั้นๆ คุณควรซื้อบัตร Busan Pass ผ่าน Klook ซึ่งมีให้บริการ 24 ชั่วโมงหรือ 48 ชั่วโมง ⬇️ ค่าอาหาร ระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวปูซาน ค่าใช้จ่ายที่มากที่สุดของเราก็คือค่าอาหาร เนื่องจากเราต่างก็ชื่นชอบอาหารเกาหลีและทานอาหารที่ร้านอาหารเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้เรายังใช้เวลาส่วนใหญ่ที่ร้านกาแฟวิวสวย เพื่อประหยัดเงินค่าอาหาร เรามักจะไป 7-11 และมินิมาร์ทในตอนเช้าเพื่อซื้ออาหารสำหรับมื้อเช้า ขนม และน้ำติดกระเป๋าไว้กินระหว่างวัน รวมค่าอาหารระหว่างทริปของเราดังนี้: 7-11 และมินิมาร์ท: 1,884 บาท ซูเปอร์มาร์เก็ต: 1,502 บาท ร้านอาหาร: 9,870 บาท ร้านกาแฟ: 3,010 บาท อาหาร Street food : 638 บาท * รวมค่าใช้จ่ายอาหาร 16,904 บาท (8,452 บาท ต่อคน) หากคุณสนใจในอาหารและการทำอาหารเกาหลี มีทัวร์ตลาดและชั้นเรียนทำอาหารมากมายที่คุณสามารถจองผ่าน Klook ⬇️ รวมค่าใช้จ่ายทริปปูซาน 8 วัน 7 คืน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับทริปปูซาน 8 วัน 7 คืนของเราที่เกาหลีใต้ รวมวีซ่า ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ค่าอาหาร ค่าการเดินทาง สถานที่ท่องเที่ยว มีดังนี้: 1.) ค่าวีซ่า: 520 บาท 2.) ค่าตั๋วเครื่องบิน: 23,950 บาท 3.) ค่าที่พักโรงแรม: 13,080 บาท 4.) ค่าเดินทางขนส่งสาธารณะ: 1,864 บาท 5.) ค่าสถานที่ท่องเที่ยว: 5,014 บาท 6.) ค่าอาหาร: 16,904 บาท ค่าใช้จ่ายทั้งหมด: 61,332 บาท สำหรับสองคน / 30,666 บาท ต่อคน เรารู้สึกว่าสำหรับราคานี้การเดินทางไปปูซานของเรานั้นคุ้มค่ามาก เพราะเราได้เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย พักในโรงแรมที่สะอาดสะดวกสบาย และทานอาหารอร่อยๆ ร้านกาแฟวิวสวย การเดินทางในปูซานหรือเมืองอื่นๆ ในเกาหลีใต้สามารถเดินทางในราคาถูกได้ โดยทานอาหารในร้านอาหารท้องถิ่น พักในที่พักราคาประหยัด ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ และเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวฟรีที่มีอยู่มากมาย หากคุณไปเที่ยวปูซานในช่วงเวลาสั้นๆ เราขอแนะนำให้คุณซื้อบัตร Visit Busan Pass ผ่าน Klook มี 2 ประเภท คือ บัตร 24 ชั่วโมง และ บัตร 48 ชั่วโมง บัตร Visit Busan Pass จะให้สิทธิ์คุณเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวใน Busan 30 แห่งฟรี ตลอดจนส่วนลดและสิทธิประโยชน์สำหรับร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง และการขนส่ง ซื้อบัตร Visit Busan Pass คุณจะประหยัดเวลาและเงินเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับบัตร Visit Busan Pass หรือทำการจอง >> คลิกที่นี่เพื่อไปที่ Klook ⬇️ ℹ️ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางในปูซานและเกาหลีใต้ คุณสามารถอ่านบล็อกโพสต์อื่นๆ ของเราได้ ⬇️ 📍>> แนะนำโรงแรมที่พัก 4 ย่านยอดนิยมในปูซาน: Haeundae, Gwangalli, Seomyeon & Nampo -dong - Update 2023 📍 >> 26 สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำเมื่อมาเที่ยวที่เมืองปูซาน 📍 >> ทริปการเดินทางท่องเที่ยวรอบเมืองปูซาน เกาหลีใต้ 8 วัน 7 คืน เดินทางด้วยรถไฟและรถประจำทางสาธารณะ 📍 >> เที่ยวเกาหลีใต้ 5 วัน 4 คืน เดินทางด้วยตัวเองเที่ยวรอบกรุงโซล 📍 >> แนะนำโรงแรมในย่าน เมียงดง (Myeongdong) โซล เกาหลีใต้ - ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และสถานีรถไฟ 📍 >> แนะนำบัตรท่องเที่ยว "Discover Seoul Pass" - เข้าฟรีและส่วนลดสถานที่ท่องเที่ยวในกรุงโซล คุ้มมาก #aworldexplored #southkorea #korea #busan #travelkorea #travelsouthkorea #travelbusan #เที่ยวเกาหลี #เกาหลีใต้ #เกาหลี #เกาหลีใต้ #ปูซาน #เที่ยวปูซาน #เที่ยวเกาหลีด้วยตัวเอง #เที่ยวเกาหลีใต้ด้วยตัวเอง #เที่ยวปูซานด้วยตัวเอง #ค่าเดินทางเกาหลี #ค่าเดินทางเกาหลีใต้ #ค่าเดินทางปูซาน
- แนะนำที่พัก 5 ย่านยอดนิยมในไทเป ไต้หวัน อัปเดต ปี 2024 - ซีเหมินติง (Ximending), จงเจิ้ง (ZhongZheng), ซินยี่ (Xinyi), จงซาน (Zhogshan), และ ต้าอัน (Da'an)
ไทเปเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน มีประชากรมากกว่า 2.6 ล้านคนอาศัยอยู่ในเขตที่มีความแตกต่างกันใน 12 เขตของเมือง และเพื่อให้ผู้ที่เดินทางมาเที่ยวที่ไทเปได้เดินทางเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั้ง ร้านอาหาร ร้านกาแฟ บาร์ และแหล่งช้อปปิ้งมากมาย ในบล็อกโพสต์นี้ เราจะขอแนะนำ 5 ย่านที่ดีที่สุดที่ควรไปพักเมื่อมาเยือนไทเป และแนะนำโรงแรมที่ได้รับการรีวิวสูงสุดบางส่วนในแต่ละย่าน พร้อมที่พักที่สะอาด สะดวก สบาย และปลอดภัยในราคาที่เหมาะสม 1.) ย่านซีเหมินติง (Ximending) ซีเหมินติงเป็นหนึ่งในย่านที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพักเมื่อมาเยือนไทเป เป็นพื้นที่ทันสมัยของเมืองที่มีสิ่งน่าสนใจมากมายให้ดูและมีกิจกรรมต่างๆมากมาย ซีเหมินติงเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับการช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และแหล่งสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่ยอดเยี่ยม ซึ่งทำให้เป็นพื้นที่น่าตื่นตาตื่นใจที่จะมาพักและเที่ยวรอบๆ ย่านซีเหมินติงเป็นหนึ่งในย่านที่นิยมของทั้งนักท่องเที่ยวและคนในท้องถิ่นที่กำลังมองหาอาหารรสเลิศ การช้อปปิ้ง และความบันเทิง ซีเหมินติงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศที่คึกคักของไทเปสมัยใหม่ ซีเหมินติงมีที่พักให้บริการนักท่องเที่ยวในราคาประหยัดไปจนถึงที่พักระดับกลาง รวมถึงโรงแรมบูติกที่ดีที่สุดในไทเป 📌 โรงแรมยอดนิยมในย่านซีเหมินติง (Ximending) Hotel Papa Whale >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hotel PaPa Whale ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.5) ราคาห้องพัก: 1,800 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hotel PaPa Whale Hotel Midtown Richardson >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hotel Midtown Richardson ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.2) ราคาห้องพัก: 2,200 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hotel Midtown Richardson Green World Zhonghua >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Green World ZhongHua ระดับดาว: ⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.3) ราคาห้องพัก: 1,800 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Green World ZhongHua Mayer Inn >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mayer Inn ระดับดาว: ⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.4) ราคาห้องพัก: 1,500 ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mayer Inn 2.) ย่านจงเจิ้ง (Zhongzheng) จงเจิ้งเป็นย่านที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเลือกมาพักที่นี่ในระหว่างที่มาเที่ยวในไทเป เนื่องจากตั้งอยู่ใจกลางเมือง ทำให้สามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่นได้ง่าย และอยู่ใกล้เจียงไคเช็คและพิพิธภัณฑ์แห่งชาติไต้หวัน ย่านจงเจิ้งยังเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟหลักของไทเปและสถานีขนส่งไทเป ทำให้สะดวกสำหรับนักเดินทางที่ต้องการเดินทางไปยังเมืองอื่นๆ ในไต้หวัน จงเจิ้งมีตัวเลือกที่พักมากมายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกตั้งแต่โรงแรมระดับกลางไปจนถึงถึงโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว จงเจิ้งเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้มาเยือนไทเปเป็นครั้งแรก 📌 แนะนำที่พักที่ดีที่สุดในย่านจงเจิ้ง (Zhongzheng) Wowhappy Taipei >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Wowhappy Taipei ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.9) ราคาห้องพัก: 2,500 ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Wowhappy Taipei Hotel Gracery Taipei >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hotel Gracery Taipei ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Exceptional (9.2) ราคาห้องพัก: 4,000 ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hotel Gracery Taipei Hua Shan Din by Cosmos Creation >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hua Shan Din by Cosmos Creation ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.9) ราคาห้องพัก: 2,800 ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hua Shan Din by Cosmos Creation Wallsun Hotel >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Wallsun Hotel ระดับดาว: ⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.2) ราคาห้องพัก: 2,200 ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Wallsun Hotel 3.) ย่านซินยี่ (Xinyi) ซินยี่เป็นย่านที่มีความทันสมัยของไทเป ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องแหล่งช้อปปิ้งแบรนด์เนม อาหารรสเลิศ และโรงแรมหรู ย่าน ซินยี่ ยังเป็นที่ตั้งของตึกไทเป 101 ที่มีชื่อเสียงและห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และบาร์หลายแห่งในบริเวณใกล้เคียงเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับความบันเทิง ย่าน ซินยี่ เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความทันสมัยของไทเปในขณะที่ได้เพลิดเพลินกับความสะดวกสบายของที่พักหรูหราและร้านอาหาร ย่าน ซินยี่ มีโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวให้เลือกมากมาย รวมถึงตัวเลือกที่พักระดับกลางเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ย่าน ซินยี่จึงเป็นอีกย่านที่ดีที่สุดสำหรับที่พัก ที่จะทำให้คุณได้เห็นวิวตึก 101 แบบสวยงาม วิวสวย ไร้สิ่งบดบัง 📌 แนะนำที่พักที่ดีที่สุดใน ย่านซินยี่ (Xinyi) Humble House Taipei >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Humble House Taipei ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.9) ราคาห้องพัก: 3,800 ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Humble House Taipei Taipei 101 Sparkle Hotel >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Taipei 101 Sparkle Hotel ระดับดาว: ⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.4) ราคาห้องพัก: 2,800 ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) > > คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Taipei 101 Sparkle Hotel Grand Hyatt Taipei >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Grand Hyatt Taipei ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.9) ราคาห้องพัก: 5,500 ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Grand Hyatt Taipei Pacific Business Hotel >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Pacific Business Hotel ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.4) ราคาห้องพัก: 2,400 ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Pacific Business Hotel 4.) ย่านจงซาน (Zhongshan) จงซานเป็นพื้นที่ดั้งเดิมของไทเปที่เป็นที่นิยมในหมู่นักเดินทางที่ต้องการสัมผัสวัฒนธรรมไต้หวันในระหว่างการเข้าพัก พื้นที่จงซานมีวัดและพิพิธภัณฑ์หลายแห่งให้เยี่ยมชม เช่นเดียวกับร้านอาหาร คาเฟ่ และบาร์ในท้องถิ่น ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับนักชิม ย่านจงซานได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่เปิดใหม่มากมาย จงซานเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ที่ผสมผสานระหว่างความดั้งเดิมและความทันสมัยของไทเป จงซานเต็มไปด้วยตัวเลือกที่พักราคาย่อมเยามากมายให้นักท่องเที่ยวได้เลือก 📌 แนะนำที่พักที่ดีที่สุดในย่านจงซาน (Zhongshan) Journey Town Inn >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Journey Town Inn ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Exceptional (9.6) ราคาห้องพัก: 3,000 ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Journey Town Inn Cityinn Hotel Plus Fuxing >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Cityinn Hotel Plus Fuxing ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Exceptional (9.1) ราคาห้องพัก: 3,100 ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Cityinn Hotel Plus Fuxing Royal Inn Taipei Nanxi >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Royal Inn Taipei Nanxi ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.6) ราคาห้องพัก: 3,000 ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Royal Inn Taipei Nanxi Humble Boutique Hotel >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Humble Boutique Hotel ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Exceptional (9.1) ราคาห้องพัก: 4,800 ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Humble Boutique Hotel 5.) ย่านต้าอัน (Da'an) ต้าอัน เป็นพื้นที่ที่เงียบสงบกว่าของไทเปซึ่งยังคงตั้งอยู่ใกล้กับใจกลางเมือง ย่าน ต้าอัน ยังเป็นที่ตั้งของ Da'an Park ซึ่งเป็นพื้นที่สีเขียวใจกลางเมืองที่มักเรียกกันว่าปอดของไทเปเนื่องจากมีอากาศบริสุทธิ์ ต้าอันเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ร้านอาหารและคาเฟ่ใหม่ๆ ที่ทันสมัย ซึ่งให้บรรยากาศที่ดี ย่าน ต้าอัน ยังมีตลาดและร้านค้ามากมายให้นักท่องเที่ยวได้สำรวจ ต้าอันเป็นพื้นที่ที่เหมาะสำหรับการเข้าพัก หากคุณต้องการพักผ่อนอย่างเงียบสงบในไทเปและเพลิดเพลินไปกับการใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ในขณะที่ยังสามารถเดินทางไปยังพื้นที่อื่น ๆ ของเมืองได้อย่างสะดวกสบาย 📌 แนะนำที่พักที่ดีที่สุดในย่านต้าอัน (Da'an) Dandy Hotel Daan Branch >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Dandy Hotel Daan Branch ระดับดาว: ⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.9) ราคาห้องพัก: 3,200 ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Dandy Hotel Daan Branch Daan Wow Happy >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Daan Wow Happy ระดับดาว: ⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Exceptional (9.0) ราคาห้องพัก: 1,900 ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Daan Wow Happy Green World Zhong Xiao >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Green World Zhong Xiao ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.7) ราคาห้องพัก: 2,800 ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Green World Zhong Xiao Sonnien Hotel >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Sonnien Hotel ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.4) ราคาห้องพัก: 3,500 ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Sonnien Hotel สรุป5 ย่านที่พักในไทเป 5 พื้นที่ที่เราแนะนำให้ไปพักในไทเปนั้นล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและแต่ละพื้นที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชอบการเดินทางท่องเที่ยวในแบบต่างๆในแต่ละย่าน ดังนี้ 📌ซีเหมินติง (Ximending): ย่านแนะนำสำหรับนักเดินทางที่ต้องการพักในย่านทันสมัย เป็นย่านที่จะมีคนมาเที่ยวเยอะและด้วยแหล่งช็อปปิ้ง ร้านอาหาร และสถานบันเทิงยามค่ำคืนชั้นยอด แบบตื่นตาตื่นใจ 📌จงเจิ้ง (Zhongzheng): ย่านแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวที่ควรพักเมื่อมาเยือนไทเปเป็นครั้งแรก เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายอยู่ใกล้ๆเดินทางง่ายและเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟหลักและสถานีขนส่ง 📌ซินยี่ (Xinyi): พื้นที่แนะนำสำหรับนักเดินทางที่ต้องการที่พักหรูหราพร้อมช้อปปิ้งแบรนด์เนม ร้านอาหารและบาร์ระดับไฮเอนด์ 📌จงซาน (Zhongshan): พื้นที่แนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักในย่านดั้งเดิมที่มีร้านอาหาร คาเฟ่ พิพิธภัณฑ์ และหอศิลป์ 📌ต้าอัน (Da'an): พื้นที่แนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักในพื้นที่เงียบสงบ ใกล้ชิดธรรมชาติ ใกล้ใจกลางเมือง เดินทางไปส่วนอื่น ๆ ของไทเปได้สะดวก >>> คลิกที่นี่เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมหรือจองโรงแรมในไทเป ไต้หวัน 📌สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในไต้หวัน โปรดอ่านบล็อกโพสต์อื่นๆ ของเรา: 1.) >> เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง ใน 7 วัน 2.) >> ค่าใช้จ่ายทริปไต้หวัน 7 วัน เที่ยวด้วยตัวเอง 3.) >> แนะนำ 12 โรงแรมในไทเป-คะแนนรีวิวสูง-ตั้งอยู่ในย่านยอดนิยม-ใกล้รถไฟ ช้อปปิ้ง และสถานที่ท่องเที่ยว 4.) >> แนะนำโรงแรมในย่านซินยี่ (Xinyi) เมืองไทเปไต้หวัน ใกล้ตึกTaipei 101 - วิวสวย เดินทางง่าย สะดวกสบาย 5.) >> โรงแรมในย่านซีเหมินติง (Ximending)ไทเป - สะอาด สะดวกสบาย ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และสถานีรถไฟ
- แนะนำโรงแรมที่พัก 5 ย่านยอดนิยมในสิงคโปร์ - ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว ใกล้แหล่งร้านอาหาร ใกล้สถานีรถไฟ - อัปเดต ปี 2024
แม้ว่าสิงคโปร์จะเป็นประเทศเล็กๆ แต่ก็เป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมที่หลากหลาย โดยได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมมาเลย์ จีน อินเดีย และตะวันตก ความหลากหลายนี้สะท้อนให้เห็นในสถาปัตยกรรม อาหาร งานเทศกาล และการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คน ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายปลายทางที่ครบในทุกแบบและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในบล็อกโพสต์นี้ เราจะมาแนะนำ 5 ย่านที่ดีที่สุดสำหรับที่พักในสิงคโปร์ ได้แก่ ไชน่าทาวน์ (Chinatown) มาริน่าเบย์ (Marina Bay) ถนนออร์ชาร์ด (Orchard Road) ลิตเติ้ลอินเดีย (Little India) และเกาะเซ็นโตซ่า (Sentosa Island) รวมถึงโรงแรมที่พักในแต่ละย่านเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าควรเลือกพักย่านไหนที่จะดีที่สุดสำหรับทริปท่องที่ยวในสิงคโปร์ 1.) ย่านไชน่าทาวน์ (Chinatown) ย่านไชน่าทาวน์: จะได้สัมผัสบรรยากาศกับมรดกทางวัฒนธรรมอันยาวนานของชุมชนชาวจีนในสิงคโปร์พร้อมสถานที่ทางประวัติศาสตร์และวัดวาอาราม อาหารท้องถิ่น: ลองลิ้มชิมรสชาติอาหารจีนและอาหารสิงคโปร์ต้นตำรับที่ร้านอาหารต่างๆมากมาย ร้านค้า: มีตลาดแบบดั้งเดิมและร้านบูติกที่จำหน่ายของที่ระลึก ของเก่า และสินค้าจีนแบบดั้งเดิมที่หลากหลาย สถานที่ท่องเที่ยว: ย่านไชน่าทาวน์ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ทำให้ง่ายต่อการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอื่น ๆ เช่น คลาร์กคีย์ และแม่น้ำสิงคโปร์ โรงแรมที่พักแนะนำในย่านไชน่าทาวน์ (Chinatown) KēSa House by The Unlimited Collection >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ KēSa House by The Unlimited Collection ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Exceptional (9.0) สถานีรถไฟใกล้เคียง: Outram Park MRT Station 240m, Chinatown MRT Station 520m ประเภทห้องพัก: Standard Room, Superior Room, Deluxe Room, Premier Room, Studio Premier Room ราคาห้องพัก: 4,200 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ KēSa House by The Unlimited Collection Furama City Centre Hotel >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Furama City Centre Hotel ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Very Good (7.8) สถานีรถไฟใกล้เคียง: Chinatown MRT Station 200m, Clarke Quay MRT Station 330m ประเภทห้องพัก: Superior Room, Deluxe Room, Executive Club Room, Executive Suite, Family Room, Family Suite, Connecting Rooms ราคาห้องพัก: 4,100 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Furama City Centre Hotel Hotel Mono >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hotel Mono ระดับดาว: ⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.3) สถานีรถไฟใกล้เคียง: Chinatown MRT Station 110m, Telok Ayer MRT Station 480m ประเภทห้องพัก: Single Room, Twin Room, Small Double Room, Standard Double Room, Deluxe Double Room, Studio King Room, Family Room, Loft Room ราคาห้องพัก: 3,500 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hotel Mono 2.) ย่านมารีน่าเบย์ (Marina Bay) ย่านมารีน่าเบย์: เพลิดเพลินกับทิวทัศน์อันสวยงามทั้งตอนกลางวันและช่วงเวลากลางคืนของสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ เช่น มารีน่า เบย์ แซนด์ สิงคโปร์ฟลายเออร์ และการ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์ ที่พักอันหรูหรา: สำหรับย่านมารีน่าเบย์เป็นที่ตั้งของโรงแรมที่หรูหราที่สุดของเมือง ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการระดับโลก แหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหาร: พบกับประสบการณ์การช้อปปิ้งสุดหรูที่ The Shoppes ที่ Marina Bay Sands และลิ้มลองอาหารรสเลิศที่ร้านอาหารชื่อดัง สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม: สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เช่น พิพิธภัณฑ์ Art Science และ Esplanade - Theatres on the Bay โรงแรมที่พักแนะนำในย่านมารีน่าเบย์ (Marina Bay) Marina Bay Sands >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Marina Bay Sands ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.9) สถานีรถไฟใกล้เคียง: Bayfront MRT Station 320m, Downtown MRT Station 980m ประเภทห้องพัก: Deluxe Twin Room, Deluxe King Room, Sands Premier Double Queen Room, Sands Premier King Room ราคาห้องพัก: 15,000 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Marina Bay Sands Parkroyal Collection Marina Bay, Singapore >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Parkroyal Collection Marina Bay, Singapore ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.6) สถานีรถไฟใกล้เคียง: Esplanade MRT Station 370m, Promenade MRT Station 440m ประเภทห้องพัก: Urban Deluxe Room, Lifestyle Premier Room, Collection Club Room, Marina Bay Signature Room, Urban Suite Room ราคาห้องพัก: 9,700 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Parkroyal Collection Marina Bay, Singapore Pan Pacific Singapore >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Pan Pacific Singapore ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.8) สถานีรถไฟใกล้เคียง: Promenade MRT Station 290m, Esplanade MRT Station 380 ประเภทห้องพัก: Deluxe King Room, Deluxe Panoramic View Room, Premier Marina Bay Room, Executive Marina Bay Room, Pacific Club Room, Pacific Club Studio Room, Premier Suite Room, Skyline Suite Room ราคาห้องพัก: 8,000 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Pan Pacific Singapore 3.) ย่านถนนออร์ชาร์ด (Orchard Road) สวรรค์แห่งการช้อปปิ้ง: ถนนออร์ชาร์ดเป็นถนนช้อปปิ้งชั้นนำของสิงคโปร์ที่มีห้างสรรพสินค้า ร้านบูติก และร้านค้าระดับไฮเอนด์มากมาย อาหารที่หลากหลาย: มีร้านอาหารที่หลากหลายให้เลือกชิมอย่างมากมาย ตั้งแต่อาหารริมถนนไปจนถึงร้านอาหารหรูที่เป็นอาหารแบบนานาชาติอันหลากหลาย สถานบันเทิง: สัมผัสประสบการณ์ชีวิตยามค่ำคืนกับบาร์ คลับ และความบันเทิงมากมายในย่านนี้ การเดินทาง: ถนนออร์ชาร์ดตั้งอยู่ใจกลางเมือง ทำให้เดินทางได้ง่ายและสะดวกกับระบบการขนส่งสาธารณะ จึงทำให้เดินทางต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆได้ง่ายขึ้น โรงแรมที่พักแนะนำในย่านถนนออร์ชาร์ด (Orchard Road) YOTEL Singapore Orchard Road >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ YOTEL Singapore Orchard Road ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.8) สถานีรถไฟใกล้เคียง: Orchard MRT Station190m, Somerset MRT Station 990m ประเภทห้องพัก: Premium Queen Room, Premium King Room, Premium Triple Room ราคาห้องพัก: 5,900 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ YOTEL Singapore Orchard Road Citadines Connect City Centre Singapore >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Citadines Connect City Centre Singapore ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.8) สถานีรถไฟใกล้เคียง: Dhoby Gauht MRT Station 240m, Somerset MRT Station 800m ประเภทห้องพัก: Superior Twin Room, Superior Double Room, Deluxe Twin Room, Deluxe Double Room, Loft Room, Loft Double Room, Loft Family Room ราคาห้องพัก: 4,900 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Citadines Connect City Centre Singapore Hilton Singapore Orchard >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hotel Singapore Orchard ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Exceptional (9.0) สถานีรถไฟใกล้เคียง: Somerset MRT Station 320m, Orchard MRT Station 520m ประเภทห้องพัก: Deluxe Room, Premium Room, Executive Room, Panoramic Room, King Corner Suite, One Bedroom Suite, Two Bedroom Suite, Presidential Suite ราคาห้องพัก: 8,700 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hotel Singapore Orchard 4.) ย่านลิตเติ้ลอินเดีย (Little India) ย่านลิตเติ้ลอินเดีย: สัมผัสกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยมีสีสันของลิตเติ้ลอินเดียด้วยถนนที่ประดับตกแต่งที่สวยงาม และตลาดในแบบอินเดีย แหล่งรวมสุดยอดอาหาร: จะได้ลิ้มรสชาติอาหารอินเดียที่หลากหลาย ตั้งแต่แผงขายอาหารริมถนนไปจนถึงร้านอาหารแบบต้นตำรับ สถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม: เยี่ยมชมวัด มัสยิด และสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงความหลากหลายของชุมชนชาวอินเดียในสิงคโปร์ ช้อปปิ้ง: รวมแหล่งช้อปปิ้งและร้านค้าที่จำหน่ายเสื้อผ้า เครื่องประดับ และเครื่องเทศแบบอินเดียดั้งเดิม โรงแรมที่พักแนะนำในย่านลิตเติ้ลอินเดีย (Little India) One Farrer Hotel >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ One Farrer Hotel ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (9.0) สถานีรถไฟใกล้เคียง: Farrer Part MRT Station 70m, Jalan Besar MRT Station 820m ประเภทห้องพัก: Mint Room, Mint Den Room, Mint Premier Room, Loft Apartment Room, Skyline Studio Room, Mint Suite Room, Mint Premier Suite Room ราคาห้องพัก: 5,300 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ One Farrer Hotel Wanderlust by The Unlimited Collection >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Wanderlust by The Unlimited Collection ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (9.0) สถานีรถไฟใกล้เคียง: Jalan Besar MRT Station 110m, Rochor MRT Station 280m ประเภทห้องพัก: Deluxe Room, Studio Deluxe Room, Loft Room, Junior Studio Loft Room, Studio Premier Room, Studio Loft Room ราคาห้องพัก: 4,100 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Wanderlust by The Unlimited Collection Citadines Rochor Singapore >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Citadines Rochor Singapore ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.7) สถานีรถไฟใกล้เคียง: Little India MRT Station 210m, Rochor MRT Station 280m ประเภทห้องพัก: S tudio Room, Studio Twin Room, Studio Executive Room, Studio Premier Room, One Bedroom Premier Room, One Bedroom Deluxe Loft Room ราคาห้องพัก: 5,200 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Citadines Rochor Singapore 5.) ย่านเกาะเซ็นโตซ่า (Sentosa Island) บีชรีสอร์ท: ที่พักแบบหรูหรา ทั้งรีสอร์ทและโรงแรมริมชายหาดพร้อมทิวทัศน์ทะเลอันสวยงามในแบบของสิงคโปร์ สถานที่ท่องเที่ยว: เกาะเซ็นโตซ่ามีสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับครอบครัวและกลุ่มเพื่อน เช่น ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงคโปร์, S.E.A. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และ สวนน้ำแอดเวนเจอร์ โคฟ กิจกรรมกลางแจ้ง: เข้าร่วมกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ เช่น ซิปไลน์ กีฬาชายหาด และเดินชมธรรมชาติ ความบันเทิงอื่นๆ: ชมการแสดงสด และกิจกรรมต่างๆ ที่เพิ่มสีสันให้กับความบันเทิงอันมีชีวิตชีวาบนเกาะ โรงแรมที่พักแนะนำในย่านเกาะเซ็นโตซ่า (Sentosa Island) Village Hotel Sentosa by Far East Hospitality >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Village Hotel Sentosa by Far East Hospitality ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.8) สถานีรถไฟใกล้เคียง: Imbiah MRT Station 110m, Waterfront MRT Station 220m ประเภทห้องพัก: Deluxe Twin Room, Deluxe Double Room, Family Room, Deluxe Family Room ราคาห้องพัก: 5,400 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Village Hotel Sentosa by Far East Hospitality Resorts World Sentosa - Hard Rock Hotel >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Resorts World Sentosa - Hard Rock Hotel ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.0) สถานีรถไฟใกล้เคียง: Waterfront MRT Station 150m, Imbiah MRT Station 330m ประเภทห้องพัก: Deluxe Twin Room, Deluxe King Room, Deluxe Suite Room ราคาห้องพัก: 7,200 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Resorts World Sentosa - Hard Rock Hotel The Outpost Hotel Sentosa by Far East Hospitality (Adult Only) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ The Outpost Hotel Sentosa by Far East Hospitality (Adult Only) ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิว: Excellent (8.9) สถานีรถไฟใกล้เคียง: Imbiah MRT Station 230m, Beach MRT Station 240m ประเภทห้องพัก: Deluxe Twin Room, Deluxe King Room, Deluxe Pool View Twin Room, Deluxe Pool View King Room, Deluxe Sea View Twin Room, Deluxe Sea View King Room ราคาห้องพัก: 5,900 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ The Outpost Hotel Sentosa by Far East Hospitality (Adult Only) จองที่พักในย่านไหนดี? 📍 ไชน่าทาวน์ (Chinatown): เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่สนใจทางด้านวัฒนธรรมที่อยู่ใกล้ใจกลางเมือง เราขอแนะนำโรงแรมเหล่านี้ >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โรงแรมอื่นๆ ในย่านไชน่าทาวน์ (Chinatown) 📍 มาริน่าเบย์ (Marina Bay): เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์ความหรูหราใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของสิงคโปร์หลายแห่ง >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โรงแรมอื่นๆ ในย่านมาริน่าเบย์ (Marina Bay) 📍 ถนนออร์ชาร์ด (Orchard Road): เหมาะสำหรับนักช้อปและผู้ที่ต้องการอยู่ใจกลางแหล่งช้อปปิ้งห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารมากมาย >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โรงแรมอื่นๆ ในย่านถนนออร์ชาร์ด (Orchard Road) 📍 ลิตเติ้ลอินเดีย (Little India): เป็นพื้นที่สำหรับผู้ชื่นชอบอาหาร กับย่านที่มีตัวเลือกที่พักที่คุ้มค่าคุ้มราคาได้ที่นี่ >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โรงแรมอื่นๆ ในย่านลิตเติลอินเดีย (Little India) 📍 เกาะเซ็นโตซ่า (Sentosa Island): เป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณกำลังมองหาประสบการณ์สไตล์รีสอร์ทที่มีชายหาด พร้อมกับสถานที่ท่องเที่ยว และความบันเทิงในบริเวณใกล้เคียง >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โรงแรมอื่นๆ ในย่านเกาะเซ็นโตซ่า (Sentosa Island) #aworldexplored #singapore #singaporetravel #singaporehotels #marinabay #marinabaysingapore #chinatownsingapore #orchardroad #orchardroadsingapore #littleindiasingapore #sentosaisland #sentosa #sentosaislandsingapore #สิงคโปร์ที่พัก #ท่องเที่ยวสิงคโปร์ #ที่พักสิงคโปร์ #โรงแรมในสิงคโปร์ #อ่าวมารีน่า #มารีน่าเบย์สิงคโปร์ #ไชน่าทาวน์สิงคโปร์ #ลิตเติ้ลอินเดียสิงคโปร์ #ถนนออร์ชาร์ด #ถนนออร์ชาร์ดสิงคโปร์ #เกาะเซ็นโตซ่า #เกาะเซ็นโตซ่าสิงคโปร์
- การเดินทางท่องเที่ยวเกาะปันหยี จังหวัดพังงา เดินทางง่าย เดินทางด้วยตัวเอง แนะนำที่กิน ที่พัก เมื่อมาเที่ยวเกาะปันหยี(Panyi Island) เที่ยวเขาม้าจู เขาเขียน เขาพิงกัน เกาะเจมส์บอน
การเดินทางท่องเที่ยวใน 1 สัปดาห์ของเรารอบๆ จังหวัดพังงา เราอยากจะได้ประสบการณ์ในการท่องเที่ยวที่ได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตท้องถิ่นของคนบนเกาะ ในขณะที่พักผ่อนในบรรยากาศสบายๆ หลังจากทำการค้นข้อมูลการท่องเที่ยว เราตัดสินใจว่าชุมชนเกาะเล็กๆ ของเกาะปันหยีน่าจะเหมาะที่จะไปท่องเที่ยวในแบบวิถีชีวิตท้องถิ่นบนเกาะ เกาะปันหยี เกาะปันหยีเป็นเกาะเล็ก ๆ และหมู่บ้านชาวประมงในจังหวัดพังงาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือทั้งหมู่บ้าน (ยกเว้น มัสยิดท้องถิ่นนั้นจะสร้างบนพื้นดิน) สร้างบนไม้ค้ำถมเหนือน้ำของอ่าวพังงา เกาะปันหยีเป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีผู้อาศัยอยู่ ประมาณ 360 ครอบครัว ซึ่งมีประชากรทั้งหมด ประมาณ 1,700 คน คนในท้องถิ่นที่อาศัยอยู่บนเกาะปันหยีเป็นลูกหลานของครอบครัวชาวมุสลิมซึ่งเดินทางมาจากเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อปลายศตวรรษที่ 18 เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้อพยพจึงไม่สามารถถือครองที่ดินในประเทศไทยได้จึงสร้างบ้านบนไม้ค้ำถมเหนือน้ำ เมื่อเวลาผ่านไป กฎหมายไทยเปลี่ยนไปและชาวบ้านก็สามารถซื้อที่ดินผืนเล็กได้ และที่นี่เป็นที่ที่ชาวบ้านสร้างบ่อน้ำจืดและมัสยิด ตอนนี้เกาะปันหยีได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาเที่ยวในภาคใต้ของประเทศไทย ที่ตั้ง เกาะปันหยี ตั้งอยู่ที่ ตำบลเกาะปันหยี อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา ภาคใต้ของประเทศไทย เกาะเล็ก ๆ ตั้งอยู่ที่ปากคลองปันหยีซึ่งไหลเข้าสู่อ่าวพังงา เกาะปันหยีตั้งอยู่ใกล้กับเมืองใหญ่สองสามแห่งใน ภาคใต้ของประเทศไทย ได้แก่ พังงา (10 กม.) ภูเก็ต (90 กม.) กระบี่ (85 กม.) และเขาหลัก (75 กม.) วิธีการเดินทาง เกาะปันหยี ตั้งอยู่ในจังหวัดพังงาซึ่งไม่มีสนามบิน ดังนั้นตัวเลือกที่ดีที่สุดคือบินมาลงที่สนามบินภูเก็ต (จากสนามบินภูเก็ตถึงตัวเมืองพังงา ระยะทาง64 กม.) หรือสนามบินกระบี่ (จากสนามบินกระบี่ถึงตัวเมืองพังงาระยะทาง 87 กม.) แต่ในครั้งนี้เราเดินทางมายีงสนามบินภูเก็ต เนื่องจากเกาะปันหยีเป็นเกาะ จึงสามารถเดินทางได้โดยเรือเท่านั้น วิธีที่เร็วที่สุดที่จะไปเกาะปันหยีคือจากท่าเรือท่าด่าน (จะมีท่าเรือ 2 ที่ ให้ขึ้นเรือที่ท่าเรือแรก) ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองพังงาเพียง 8 กม. ใช้เวลาระหว่าง 15-30 นาทีขึ้นอยู่กับกระแสน้ำและ สภาพอากาศ ถ้านั่งเรือหางยาวสาธารณะในท้องถิ่นจะมีค่าใช้จ่าย 100 บาทต่อคนสำหรับการเดินทางเที่ยวเดียว ค่าใช้จ่ายของเรือส่วนตัวจะแตกต่างกันไป แต่การเดินทางไปกลับจากท่าเรือท่าด่านไปเกาะปันหยีสามารถรวมทัวร์รอบอ่าวพังงาและ ค่าสถานที่ท่องเที่ยวเราจ่ายไป 2,000 บาท สำหรับสองคน และยังสามารถเดินทางมาที่เกาะปันหยีได้ โดยเรือจากท่าเรือในพื้นที่ใกล้เคียงของภูเก็ต กระบี่ เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ บริษัททัวร์ส่วนใหญ่ที่ให้บริการทัวร์เที่ยวรอบอ่าวพังงา จะหยุดเที่ยวที่เกาะปันหยีด้วย เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชีวิตของท้องถิ่นของที่นี่ อีกทั้งเกาะปันหยีจะมีร้านอาหารสำหรับกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจทัวร์ ที่พัก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวเกาะปันหยี จะมาเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับจากสถานที่ใกล้เคียง เช่น ภูเก็ต กระบี่ เกาะยาวใหญ่ หรือเกาะยาวน้อย ซึ่งหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องหาที่พักบนเกาะ อย่างไรก็ตาม หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์ชีวิตบน เราขอแนะนำอย่างยิ่งให้คุณพักค้างคืนบนเกาะที่มีเสน่ห์แห่งนี้เหมือนที่เราทำ เนื่องจากเกาะปันหยีเป็นเกาะท้องถิ่นที่เป็นที่อยู่อาศัยของชาวประมงและครอบครัวจึงไม่มีทางเลือกที่พักมากมาย อันที่จริง เกาะปันหยีมีที่เดียวเท่านั้น และนี่คือ James Bond Bungalow เจมส์ บอนด์ บังกาโล เป็นโฮมสเตย์ขนาดเล็ก ห้องพักธรรมดาแต่สะดวกสบายและเจ้าของเป็นกันเองและช่วยเหลือดีมากเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักค้างคืนบนเกาะเพื่อสัมผัสกับวัฒนธรรมท้องถิ่นของเกาะปันหยี James Bond Bungalow บนเ กาะปันหยี จองห้องพักได้ที่ Agoda ( James Bond Bungalow ) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ James Bond Bungalow สถานที่ท่องเที่ยว เนื่องจากเกาะปันหยีเป็นเกาะชาวประมงในท้องถิ่น จะได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนที่นี่ ความเรียบง่ายของการใช้ชีวิต การได้มาทานอาหารซีฟู้ดแบบจัดเต็ม สถานที่ท่องเที่ยวหลัก ๆ ของชาวเกาะและวิถีชีวิตบน เกาะปันหยี การได้ลองประสบการณ์ใหม่ๆในการเดินบนซอยเล็กๆที่ทำจากไม้ ซึ่งระหว่างทางเดินก็จะมี ร้านค้าเล็ก ๆ ที่ขาย อาหารต่างๆมากมาย ให้เราได้ลองชิมกัน และสถานที่บางแห่งที่คุณต้องไปเมื่ออยู่บนเกาะ ได้แก่ สนามฟุตบอลลอยน้ำและมัสยิดปันหยีที่มีโดมสีทอง เกาะปันหยีเป็นสถานที่สวยงาม ได้เห็นวิวทิวทัศน์แบบรอบด้านของอ่างพังงา รวมไปถึงความสวยงามของช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและลงก็งดงามเช่นเดียวกัน แม้ว่าเกาะปันหยีเองจะไม่ได้เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยว แต่เกาะนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการล่องเรือรอบอ่าวพังนาเพื่อเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น เขาม้าจู เขาเขียน (ภาพวาดถ้ำ) เขาพิงกัน เกาะไม้ไผ่ เกาะเจมส์บอนด์ เกาะห้อง และอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา สามารถจองทัวร์ได้โดยตรงผ่าน James Bond Bungalow หากคุณต้องการสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่น สำหรับช่วงเวลาที่มาเที่ยวภาคใต้ของประเทศไทยเราขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้มาเที่ยวที่เกาะปันหยี ผู้คนบนเกาะปันหยียินดีต้อนรับและเป็นมิตรอย่างยิ่งและเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน กับประสบการณ์ใหม่ๆในการท่องเที่ยววิถีชีวิตท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เกาะปันหยีสามารถเยี่ยมชมได้ง่าย ๆ ไม่กี่ชั่วโมงซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางรอบอ่าวพังงาแบบไปเช้าเย็นกลับ แต่ถ้าคุณอยากสัมผัสกับวัฒนธรรมและบรรยากาศของเกาะจริง ๆ เราขอแนะนำให้คุณพักค้างคืนที่ James Bond Bungalow จองทริปตอนนี้เพื่อไปยังหมู่บ้านบนเกาะที่ไม่เหมือนใครซึ่งเต็มไปด้วยเสน่ห์ #เที่ยวพังงา #เที่ยวเมืองไทย #เที่ยวภาคใต้ #พังงา #เที่ยวทั่วไทย #เกาะปันหยี #Pangngathailand #phangnga #aworldexplored #kohpanyi #Thailand
- DIY - ท่องเที่ยวเส้นทาง Norway in a Nutshell
นั่งรถไฟชมวิวภูเขาที่สวยงามดั่งภาพวาดและฟยอร์ดที่ Norway in a Nutshell เป็นวิธีการเดินทางท่องเที่ยวที่ดีเยี่ยมเป็นอย่างมาก ได้เห็นความสวยงามธรรมชาติของนอร์เวย์ เส้นทางการเดินทางเที่ยวนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะผู้ที่มีเวลาจำกัด อย่างไรก็ตามเนื่องจากความนิยมและรูปแบบการเดินทางที่ใช้กันมากจึงอาจทำให้มีราคาที่แพงมาก ดังนั้นเราจึงได้ค้นหารายละเอียดวิธีการเดินทางในแบบของเราที่สามารถสร้างเส้นทางแบบ DIY ได้ในราคาที่ถูกลงมากและเราพร้อมที่จะแบ่งปันกับคุณ! ทำไมเราถึงเลือกที่จะเดินทางท่องเที่ยว Norway in a Nutshell Norway in a Nutshell เป็นทริปหนึ่งวันที่จะทำให้คุณได้เห็นความงามของธรรรมชาติของนอร์เวย์ ซึ่งการเดินทางท่องเที่ยวแบบนี้สามารถดำเนินการได้หลายเส้นทางเริ่มต้นอาจจะเดินทางจาก เส้นทางจาก เมือง Bergen มา Oslo ก็ได้ หรืออาจจะเดินทางจากเมือง Oslo ไปยังเมือง Bergen ก็ได้เหมือนกับเราเดินทางในครั้งนี้เราเลือกเดินทางจาก Oslo ไปยังเมือง Bergen ซึ่งแผนการท่องเที่ยวของเราที่ต้องการจะเที่ยวที่เมือง Bergen ต่อ ดังนั้นจึงทำให้เราเลือกเส้นทางนี้ และการเดินทางส่วนใหญ่จะเป็นในรูปแบบเหมือนกัน คือ นั่งรถไฟ แล้วก็ไปต่อเรือและรถบัส จะขึ้นอยู่กับเส้นทางที่เลือกซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 9-13 ชั่วโมง เวลาอาจจะดูนานมากหลายชั่วโมง แต่ถ้าคุณได้ดื่มด่ำกับวิวทิวทัศน์แล้วคุณจะหายเหนื่อยเลยทันที ราคาเท่าไหร่? การเดินทางในนอร์เวย์แบบสั้น ๆ เช่นเดียวกับสิ่งต่างๆส่วนใหญ่ในนอร์เวย์นั้นไม่ถูก เส้นทางที่แตกต่างกันในราคาขึ้นอยู่กับสถานที่เริ่มต้นสถานที่สิ้นสุดและช่วงเวลาของปีที่คุณต้องการเดินทาง เราต้องการเดินทางในเดือนตุลาคมโดยเริ่มจาก Oslo และเดินทางไป Bergen โดยแวะพักสั้น ๆ ใน Myrdal, Flam, Gudvagen และ Voss สำหรับเส้นทางนี้ถ้าเราจองผ่านทัวร์แล้วราคาอยู่ที่ 2,200 NOK (8,300บาท) ต่อคน อย่างไรก็ตามเราได้หาข้อมูลต่างๆเปรียบเทียบและช่องทางในการจองตั๋วรถไฟ ตั๋วเรือ และรถบัส เราก็สามารถจองการเดินทางในแบบเดียวกันได้ในราคา 1,500 NOK(5,600 บาท) ต่อคน ซึ่งประหยัดได้มากถึง 700NOK ( 2,700 บาท) ต่อคน ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับราคานี้ จะจองได้อย่างไร? เราต้องใช้เวลาและค้นคว้าเพื่อค้นหาแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อจองตั๋วสำหรับแต่ละส่วนของการเดินทางและเราต้องคำนวณเวลาเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถทำได้ และช่วยประหยัดได้เพิ่มอย่างมาก มันคุ้มค่าอย่างยิ่ง การเดินทางของ Norway in Nutshell จาก Oslo ไปยัง Bergen ประกอบด้วยขาไปสี่ขาซึ่งสามารถจองได้ทางออนไลน์ตามที่ระบุไว้ด้านดังนี้ 1. ) Oslo ไปยัง Flam (ผ่าน Myrdal) การเดินทางครั้งนี้เราเริ่มเดินทางโดยรถไฟสองเที่ยวแยกกันครั้งแรกคือจากสถานี Oslo Central ไปยัง Myrdal และครั้งที่สองคือจาก Myrdal ไปยัง Flam การเดินทาง: รถไฟ ระยะเวลาเดินทาง: 6 ชม. เวลาออกเดินทาง: 08:25 น เวลาถึง: 14:25 น ราคาตั๋ว: 679 NOK( 2,550 บาท) ต่อคน (ราคาอาจเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับวันและเวลา) การจอง: ออนไลน์ที่เว็บไซต์ VY 2. ) เดินทางจาก Flam ไปยัง Gudvangen นี่อาจเป็นส่วนที่สวยงามที่สุดของการเดินทางทั้งหมดในช่วงเวลานั้นคุณจะนั่งเรือข้ามฟากจาก Flam ไปยัง Gudvangen ผ่านฟยอร์ดที่สวยงามสองแห่งคือ Aurlandsfjord และ Nærøyfjord การเดินทาง: เรือเฟอร์รี่ ระยะเวลาเดินทาง: 2 ชม เวลาออกเดินทาง: 15:00น เวลาถึง: 17:00 น ราคาตั๋ว: 465 NOK( 1,750 บาท ) ต่อคน (ราคาอาจเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับวันและเวลา) การจอง: ออนไลน์ที่เว็บไซต์ Visit Flam 3. ) จากนั้นเดินทาง Gudvangen ถึง Voss สำหรับการจองตั๋วขึ้นรถบัสจะไม่สามารถจองล่วงหน้าทางออนไลน์ได้ แต่เมือเราลงจากเรือแล้วก็จะมีรถบัสจอดรออยู่แล้ว เราสามารถที่จะซื้อตั๋วบนรถได้เลย รถบัสจะจอดที่ท่าเรือใน Gudvangen เพื่อรอรับผู้เดินทางไปยัง Voss การเดินทาง : รถโดยสารประจำทาง ระยะเวลาเดินทาง: 1ชม. เวลาออกเดินทาง: 17:30 น. เวลามาถึง: 18:30 น. ราคาบัตร: 100NOK ( 380 บาท ) ต่อคน (ราคาอาจเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับวันและเวลา) การจอง: ไม่สามารถจองตั๋วออนไลน์ได้ แต่สามารถดูตารางรถบัสได้ที่เว็บไซต์ Skyss 3. ) เดินทางจาก Voss ถึง Bergen นี่คือรอบสุดท้ายของการเดินทางของเราจะเดินทางจาก Voss ไป Bergen โดยรถไฟรถไฟสะดวกสบายและรวดเร็วช่วยให้คุณมีเวลาพักผ่อนหลังจากท่องเที่ยวมาทั้งวัน การเดินทาง: รถไฟ ระยะเวลาเดินทาง: 1 ชม. 22 นาที เวลาออกเดินทาง: 19:37น. เวลาถึง: 20:59 น. ราคาตั๋ว: 216NOK ( 810 บาท ) ต่อคน (ราคาอาจเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับวันและเวลา) การจอง: ออนไลน์ที่เว็บไซต์ VY Norway in a Nutshell เป็นประเทศที่น่าสนใจหรือไม่? ในการเดินทางท่องเที่ยวในเส้นทาง Norway in a Nutsell ในเวลาสั้น ๆ เพียง 1 วันนั้น เราไม่แน่ใจว่าราคานั้นสูงคุ้มค่าหรือไม่ แต่เมื่อมาพิจารณาดูแล้วว่าเราสามารถเดินทางโดยสารรถไฟสายตรงระหว่างออสโลและเบอร์เกนได้ในราคาที่ถูกกว่ามาก ถึงแม้จะประหยัดได้จากการจองทริปด้วยตัวเอง แต่จ่ายคนละ 1500NOK ก็ยังแพงอยู่ อย่างไรก็ตามเรารู้สึกว่าการเดินทางในครั้งนี้คุ้มค่ากับที่เราจ่ายไป เป็นวิธีที่ดีในการเดินทางข้ามนอร์เวย์และรูปแบบการขนส่งสาธารณะที่ใช้นั้นสะอาด สะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมาก อย่างไรก็ตามสิ่งที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุดคือทิวทัศน์อันน่าทึ่งที่เราเห็นระหว่างทาง ภูมิประเทศที่เราเดินทางไปมีความหลากหลายมากทั้งทุ่งนา ภูเขา เมือง ทะเลสาบ แม่น้ำและฟยอร์ดทั้งหมดนี้มองเห็นได้จากที่นั่งที่สะดวกสบาย หากคุณมีเวลาและงบประมาณในการทำนอร์เวย์โดยสรุปเราขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง คุณสามารถจองการเดินทางได้ตามที่เราได้ระบุไว้ข้างต้นหรือหากคุณยินดีที่จะจ่ายเงินเพิ่มเพื่อความสะดวกคุณสามารถจองการเดินทางทั้งหมดทางออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ Fjord Tours สำหรับเคล็ดลับในการเตรียมตัวสำหรับนอร์เวย์ในการเดินทางสั้น ๆ และสิ่งที่คุณควรรู้เพื่อให้การเดินทางของคุณสะดวกสบายและสนุกสนานยิ่งขึ้นโปรดดู เคล็ดลับสำหรับการเดินทาง ทริป Norway In a Nutshell บล็อกโพสต์สั้น ๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางในสแกนดิเนเวีย โปรดดูที่โพสต์บล็อกอื่นๆ ของเรา: การเดินทาง สแกนดิเนเวีย 9 วัน ด้วยตัวเอง ราคารวมทริปสแกนดิเนเวีย 9 วัน เคล็ดลับสำหรับการเดินทาง ทริป Norway In a Nutshell 8 ที่ท่องเที่ยวเมืองโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก สำรวจเมืองเก่าของสตอกโฮล์ม - Gamla Stan วิธีท่องเที่ยวสแกนดิเนเวีย ด้วยตัวเองแบบถูกๆ ทริปวันเดียวจากโคเปนเฮเกน - เฮลซิงเกอร์ & ฮิลเลอรอด #norwayinanutshell #norway #oslo #bergen #flam #myrdal #gudvangen #voss #scandinavia #aworldexplored #travel #เที่ยวนอร์เวย์ #นอร์เวย์ #สแกนดิเนเวีย
- การเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง ทริปสแกนดิเนเวีย 9 วัน 7 คืน (เดนมาร์ก - นอร์เวย์ - สวีเดน)
เราค้นหาตั๋วเที่ยวบินและได้ราคาสุดคุ้มกับ Skyscanner เป็นราคาที่คุ้มค่ากับการเดินทางในครั้งนี้ เพราะราคาถูกจริงๆ ไม่อาจจะเชื่อได้ว่าราคานี้สามารถเดินทางไปสแกนดิเนเวียได้ เราจึงตัดสินใจจองเที่ยวบินไป-กลับจากประเทศไทยไปสแกนดิเนเวียโดยทันที โดยไม่รู้ว่าที่นั่นจะเป็นยังไง และเป็นครั้งแรกของการเดินทางไปอีกทวีปหนึ่งของโลกเลยที่เดียว เราบินกับสายการบิน Norwegian Airlines จากกรุงเทพไปยังเมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก และขากลับเดินทางจากเมืองสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน กลับมายังประเทศไทย ตื่นเต้นที่สุดกับการจองเที่ยวบินในครั้ง ซึ่งเราต้องวางแผนในการเดินทางทั้งหมด 9 วันในสแกนดิเนเวีย ซึ่งจะมีเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์เต็มในเที่ยวชมในแถบสแกนดิเนเวีย แต่เราตั้งใจว่าถึงแม้ทริปนี้จะเป็นการเดินทางระยะสั้นๆ ก็จะพยายามใช้ให้คุ้มที่สุด หลังจากที่เราได้ค้นหาข้อมูล เราตัดสินใจว่าระหว่างการเดินทาง เราต้องการอยู่ใน 4 เมืองหลักในภูมิภาค ได้แก่ โคเปนเฮเกน(เดนมาร์ก) ออสโล(นอร์เวย์) เบอร์เกน(นอร์เวย์) และสตอกโฮล์ม(สวีเดน) เมืองเหล่านี้จะเป็นเมืองหลักในการเดินทางของเรา และเราใช้เวลาเดินทางระหว่างเมืองเหล่านี้และเลือกทริปท่องเที่ยวใกล้ๆเมืองหลักที่เราเลือกที่พัก แม้ว่าเวลาของเราในสแกนดิเนเวียจะไม่นาน แต่เราสนุกกับการเดินทางของเราและการได้สัมผัสวิธีการเดินทางท่องเที่ยวในแถบสแกนดิเนเวียนี้ กำหนดการเดินทางของเราสำหรับทริปหนึ่งสัปดาห์สู่ เดนมาร์ก นอร์เวย์ และสวีเดน มีดังนี้ วันที่ 1: Bangkok - Copenhagen เราออกจากกรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ - BKK) เวลา 09:10 น. และถึงเมืองโคเปนเฮเกน เวลา 15.30 น.(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11 ชั่วโมง) หลังจากเมื่อเรามาถึงโคเปนเฮเกนแล้ว เราก็ไปรับบัตรโคเปนเฮเกน (บัตรเดินทางท่องเที่ยวในโคเปนเฮเกน) ที่จองไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะใช้ในการเดินทางไปยังตัวเมืองด้วยรถไฟและการเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวได้ฟรี จากนั้นเรานั่งรถไฟจากกสนามบินโคเปนเฮเกนไปยัง Copenhagen Central Station ใช้เวลาเพียง 13 นาทีในระยะทาง 11 กม. เมื่อเรามาถึงสถานี Copenhagen Central Station เราก็เดินไปยังที่พักของเราที่ Danhostel Copenhagen City ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 1 กม. (เดินเพียง 15 นาที) Danhostel Copenhagen City เป็นโฮสเทล/โรงแรมที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโคเปนเฮเกน ให้บริการห้องพักที่สะอาดสะดวกสบายในราคาถูก มีห้องพักหลายประเภททั้งแบบเตียงในหอพักรวมและห้องส่วนตัวที่สามารถพักได้ 2-8 คน เราขอแนะนำ Danhostel Copenhagen City ให้กับทุกคนที่ต้องการที่พักคุณภาพดีในทำเลที่ดีในโคเปนเฮเกนในราคาที่ดี Danhostel Copenhagen City 📍ระดับดาว: ⭐⭐⭐⭐ 📍คะแนนรีวิว: 8.3 - Excellent 📍ราคาห้องพัก: 900 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Danhostel Copenhagen City << >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Danhostel Copenhagen City << หลังจากเช็คอินห้องพักที่ Danhostel Copenhagen City เราก็ไปเดินเล่นสำรวจเมืองใกล้ๆ โรงแรม หาซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้ออาหารก่อนจะกลับห้องไปกินข้าวเย็นและพักผ่อน วันที่ 2: Copenhagen เราตื่นแต่เช้าและใช้เวลาเต็มวันในการสำรวจเมืองโคเปนเฮเกนและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยส่วนใหญ่เราจะใช้วิธีเดินเที่ยว และโดยสารรถไฟใต้ดิน เราได้เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมากมายในเมือง Amalienborg Palace, Nyhavn, Tivoli Gardens, National Gallery of Denmark, Church of Our Savior, Rosenborg Castle และ Copenhagen Botanic Gardens. 📍Amalienborg Palace 📍Rosenborg Castle 📍Nyhavn 📍Church of Our Savior 📍Tivoli Gardens สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวโคเปนเฮเกนสามารถดูที่บล็อกโพสต์อื่นๆ ของเราได้ที่นี่ ⬇️ 📍 >> 8 ที่ท่องเที่ยวเมืองโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก << วันที่ 3: Helsingor & Hillerod เราเดินทางออกไปเที่ยวนอกเมืองโดยรถไฟเดินทางจากโคเปนเฮเกนไปยังเฮลซิงเกอร์และฮิลเลอรอด ซึ่งในเฮลซิงเกอร์ เราได้ไปเยี่ยมชมปราสาทครอนบอร์ก และเดินทางต่อไปยังปราสาทเฟรเดอริกส์บอร์ก ในฮิลเลอรอด 📍Krongborg Castle - Helsingor 📍Frederiksborg Castle - Hillerod สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางจากโคเปนเฮเกนไปเฮลซิงเกอร์ & ฮิลเลอรอด สามารถดูที่บล็อกโพสต์อื่นๆ ของเราได้ที่นี่ ⬇️ 📍 ทริปวันเดียวจากโคเปนเฮเกน - เฮลซิงเกอร์ & ฮิลเลอรอด หลังจากใช้เวลาช่วงเช้าสำรวจฮิลเลอรอดและเฮลซิงเกอร์ เราก็กลับมาที่โคเปนเฮเกนในตอนบ่าย เก็บข้าวของและเดินทางไปยังท่าเรือ เพราะในช่วงบ่ายแก่ๆ เราต้องขึ้นเรือเฟอร์รี่ DFDS จากโคเปนเฮเกนไปออสโล ซึ่งออกเวลา 16:20 น. การเดินทางโดยเรือข้ามฟากใช้เวลาทั้งสิ้น 17 ชั่วโมงครึ่ง และเราได้จองห้องพักบนเรือไว้แล้ว อีกทั้งบนเรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ร้านอาหาร ร้านค้า และร้านกาแฟ 📍DFDS Ferry Copenhagen - Oslo สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางจากโคเปนเฮเกนไปออสโล สามารถดูที่บล็อกโพสต์อื่นๆ ของเราได้ที่นี่ ⬇️ 📍 นั่งเรือ DFDS จากโคเปนเฮเกนไปออสโล วันที่ 4 : Oslo เรือข้ามฟาก DFDS ของเรามาถึงออสโลเวลา 09:45 น. จากนั้นเราเดินไปที่สถานีรถไฟกลางออสโล(Oslo Central station) เพื่อฝากกระเป๋าไว้ในล็อคเกอร์ก่อน แล้วใช้เวลาทั้งวันสำรวจเมืองออสโลและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เราได้เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย รวมทั้ง Akershus Fortress, Vigeland Sculpture Park และ Oslo Opera House 📍Akershus Fortress 📍Vigeland Sculpture Park 📍Oslo Opera House ในตอนเย็นเราเดินกลับไปเอากระเป๋าในล็อกเกอร์และเช็คอินที่พักที่โรงแรม Citybox Oslo หลังจากเช็คอินและเก็บกระเป๋า แล้วนั่งพักสักครู่ก่อนที่เราก็ออกไปทานอาหารเย็น และกลับมาพักผ่อนสำหรับค่ำคืนนี้ Citybox Oslo 📍ระดับดาว: ⭐⭐⭐ 📍คะแนนรีวิว: 8.7 - Excellent 📍ราคาห้องพัก: 2,300 บาท ++ (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Citybox Oslo << >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Citybox Oslo << วันที่ 5 : Norway in a Nutshell วันนี้เราตื่นแต่เช้า เช็คเอาท์ ออกจากโรงแรม(โรงแรมเป็นแบบเช็คอิน-เช็คเอาท์ด้วยตัวเอง) แล้วจากนั้นก็เดินไปที่ Oslo Central Station เพื่อขึ้นรถไฟ รอบรถไฟออกจากออสโลเวลา 8:25 น. เราใช้เวลาทั้งวันสำหรับการท่องเที่ยว DIY Norwegian ใน Nutshell โดยแวะที่ Myrdal,Flam,Gudvangen และ Voss ระหว่างทางเราได้ชมวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามมาก ทั้งภูเขา ทะเลสาบ ฟยอร์ด และน้ำตก ใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 13 ชั่วโมง และเราก็เดินทางมาถึงเมืองเบอร์เกนเวลาประมาณ 21:30 น.และเดินทางเข้าที่พักในคืนแรกที่เมืองเบอร์เกน ประเทศนอร์เวย์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทาง "Norway in a Nutshell" สามารถดูที่บล็อกโพสต์อื่นๆ ของเราได้ที่นี่ ⬇️ 📍 DIY - ท่องเที่ยวเส้นทาง Norway in a Nutshell 📍 เคล็ดลับสำหรับการเดินทาง ทริป Norway In a Nutshell วันที่ 6 : Bergen เช้าของวันนี้ เราเดินทางไปยังศูนย์ข้อมูลเพื่อซื้อบัตรเบอร์เกน แบบ 24 ชั่วโมง เพื่อใช้ในการเดินทางและเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จากนั้นใช้เวลาทั้งวันสำรวจท่องเที่ยวรอบๆเมืองเบอร์เกน ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่เราไปเยี่ยมชมนั้นจะอยู่รอบๆในเมือง เช่น Bryggen, Mt Floyen, Mt Ulriken และย่านเมืองเก่าของ Bergen เราใช้เวลาตอนเย็นเดินไปรอบๆ ท่าเรือแล้วทานอาหารเย็น เดินเล่นรอบๆท่าเรือ บรรยากาศดีมาก 📍Mt. Ulriken 📍Mt. Floyen 📍Bergen Old Town วันที่ 7 : Bergen เราใช้เวลาในวันที่สองเดินเที่ยวชมไปรอบ ๆ เมืองเบอร์เกนและเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น Bergen Aquarium, Bergen Catherdral, Market Square และ Bergen Fish Market ที่ซึ่งเราชอบมากกับการได้ลองชิมอาหารทะเลสดพร้อมทิวทัศน์ที่สวยงามของท่าเรือ จากนั้นเราใช้เวลาตอนเย็นซื้อของฝากที่ Bryggen ซึ่งเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ในเมือง Bergen ที่มีอาคารไม้สีสันสดใสริมน้ำ 📍Bergen Cathedral 📍Bryggen สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเบอร์เกน สามารถดูที่บล็อกโพสต์อื่นๆ ของเราได้ที่นี่ ⬇️ 📍 10 สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเบอร์เกน - นอร์เวย์ วันที่ 8: Bergen - Stockholm เราใช้เวลาในช่วงเช้าเดินสำรวจเมืองอีกครั้งซึ่งเราเดินไปตามถนนในเบอร์เกนและเยี่ยมชม Saint John's Church ก่อนที่เราจะนั่งรถไฟเพื่อเดินทางไปสนามบินเบอร์เกนเพื่อบินไปประเทศสวีเดนในช่วงบ่าย เที่ยวบินออกจากเบอร์เกนเวลา 15:00 น. และถึงสตอกโฮล์ม(สวีเดน) เวลา 16:20 น.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที 📍Saint John's Church 📍Bergen Airport หลังจากมาถึงสนามบินสตอกโฮล์ม Arlanda แล้ว เราก็ขึ้นรถไฟ Arlanda Express เพื่อเข้าไปยังใจกลางเมือง จากนั้นก็เดินไปยังที่พักของเราที่ Malardrottningen Yach Hotel Malardrottningen Yacht Hotel อยู่บนเรือชื่อ Lady Hutton ซึ่งเป็นเรือยอทช์หรูเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในปี 1924 ในเมือง Kiel ประเทศเยอรมนี ในปี 1982 เรือยอทช์ได้จอดทอดสมออยู่ที่ทะเลสาบมาร์ลีนบนชายฝั่งเกาะริดดาร์โฮลเมนในสตอกโฮล์ม และดัดแปลงเป็นโรงแรมและร้านอาหารซึ่งยังคงเปิดดำเนินการมาจนถึงทุกวันนี้ Malardrottningen Yacht Hotel 📍ระดับดาว: ⭐⭐⭐ 📍คะแนนรีวิว: 8.8 - Excellent 📍ราคาห้องพัก: โลว์ซีซั่น 1,800 - 3,500 บาท, กลางซีซั่น 3,500 - 5,000 บาท, ไฮซีซั่น 5,000 - 6,500 บาท ราคาจะแตกต่างกันไปตามช่วงเวลาของปี งานกิจกรรม และจำนวนห้องว่าง >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Malardrottningen Yacht Hotel << >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Malardrottningen Yacht Hotel << >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Malardrottningen Yacht Hotel << สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Malardrottningen Yach Hotel สามารถดูที่บล็อกโพสต์อื่นๆ ของเราได้ที่นี่ ⬇️ 📍 >> แนะนำที่พัก โรงแรมบนเรือ Malardrottningen Yacht Hotel ในท่าเรือย่านเมืองเก่า - สตอกโฮล์ม สวีเดน << หลังจากเช็คอินที่โรงแรมและเก็บกระเป๋าแล้ว เราก็ใช้เวลาช่วงบ่ายเดินไปตามถนนในย่านเมืองเก่าของสตอกโฮล์ม กัมลา สแตน (Gamla Stan) เราแวะที่ร้านอาหารท้องถิ่นเพื่อทานลูกชิ้นสวีเดนและเบียร์สำหรับมื้อค่ำ จากนั้นเราก็ใช้เวลายามเย็นซื้อของฝากที่ร้านค้าท้องถิ่นในพื้นที่ ก่อนกลับโรงแรม 📍Gamla Stan วันที่ 9 : Stockholm - Bangkok นี่เป็นวันสุดท้ายของเราในสแกนดิเนเวีย ดังนั้นเราจึงขอตื่นแต่เช้าเพื่อดูสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงในสตอกโฮล์มเพิ่มเติม รวมทั้ง Nobel Prize Museum, Royal Palace และ Storkyrkan Church ก่อนที่เราจะกลับไปที่โรงแรมตอนเที่ยงเพื่อจัดกระเป๋า แล้วนั่งรถไฟ Arlanda Express กลับไปที่สนามบินเพื่อขึ้นเครื่อง เที่ยวบินของเราออกจากสนามบินสตอกโฮล์มอาร์แลนด์ เวลา 14:55 น. มุ่งหน้าสู่สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย สรุป ระหว่างการเดินทางไปสแกนดิเนเวีย เรามีเวลาเพียง 7 วันเต็ม ในการเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จึงเป็นทริปที่เราได้ไปเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายในทั้ง 3 ประเทศในสแกนดิเนเวีย เราโชคดีที่ได้พักใน 4 เมืองหลักในภูมิภาคนี้ ได้แก่ โคเปนเฮเกน(เดนมาร์ก) ออสโล(นอร์เวย์) เบอร์เกน(นอร์เวย์) และสตอกโฮล์ม(สวีเดน) พร้อมทริปท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับเพิ่มเติมที่เดินทางไปยังเมืองเล็กๆ ในพื้นที่ ซึ่งภูมิภาคของสแกนดิเนเวียเป็นสถานที่มีความหลากหลายทั้งวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติที่สวยงาม ในการเยี่ยมชมเมืองต่างๆ ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์ ทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่สวยงามอย่างยิ่ง และผู้คนก็ช่วยเหลือดีและเป็นมิตร แม้ว่าสแกนดิเนเวียเป็นภูมิภาคที่มีราคาแพงในการเดินทาง แต่ทริปของเรากลับถูกกว่าที่เราคาดไว้มาก และคุ้มค่าทุกบาทที่เราใช้ไป เราขอแนะนำสแกนดิเนเวียและเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เราแทบจะรอไม่ไหวที่อยากจะกลับไปอีกครั้ง! ℹ️ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางในสแกนดิเนเวีย สามารถดูที่บล็อกโพสต์อื่นๆ ของเราได้ที่นี่ ⬇️⬇️ 📍 DIY - ท่องเที่ยวเส้นทาง Norway in a Nutshell 📍 เคล็ดลับสำหรับการเดินทาง ทริป Norway In a Nutshell 📍 8 ที่ท่องเที่ยวเมืองโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก 📍 สำรวจเมืองเก่าของสตอกโฮล์ม - Gamla Stan 📍 วิธีท่องเที่ยวสแกนดิเนเวีย ด้วยตัวเองแบบถูกๆ 📍 ทริปวันเดียวจากโคเปนเฮเกน - เฮลซิงเกอร์ & ฮิลเลอรอด 📍 นั่งเรือ DFDS จากโคเปนเฮเกนไปออสโล 📍 แนะนำที่พัก โรงแรมบนเรือ Malardrottningen Yacht Hotel ในท่าเรือย่านเมืองเก่า - สตอกโฮล์ม สวีเดน 📍 10 สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเบอร์เกน - นอร์เวย์ #สแกนดิเนเวีย #นอร์เวย์ #เดนมาร์ก #สวีเดน #เบอร์เกน #ออสโล #โคเปนเฮเกน #สตอกโฮล์ม #scandinavia #aworldexplored #denmark #norway #sweden
- ราคารวมทริปเที่ยวสแกนดิเนเวีย 9 วัน 7 คืน เดินทางเที่ยวด้วยตัวเอง (เดนมาร์ก - นอร์เวย์ - สวีเดน)
ภูมิภาคของสแกนดิเนเวีย มี 3 ประเทศ คือ เดนมาร์ก นอร์เวย์ และสวีเดน เป็นสถานที่ที่เราอยากไปมาเป็นเวลานาน แต่เราได้ยินมาเสมอว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีราคาแพงมากและไม่ใช่จุดหมายปลายทางสำหรับนักเดินทางที่มีงบประมาณที่จำกัด เนื่องจากเราเป็นนักเดินทางที่ชอบเที่ยวแต่ไม่แพงมาก เราคิดว่าเราจะไม่สามารถไปเที่ยวที่สแกนดิเนเวียได้ เนื่องจากเราไม่สามารถที่จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากในการเดินทาง อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ได้เปลี่ยนไปเมื่อเราค้นพบเที่ยวบินลดราคาอย่างมากของสายการบิน Norwegian Air และเราได้ตัดสินใจที่จะเที่ยวในครั้งนี้ ความตั้งใจที่จะลองเดินทางแบบประหยัดในพื้นที่ที่แพงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ดูว่าเราทำได้อย่างไรและมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ และในการกำหนดค่าใช้จ่ายหลักสำหรับการเดินทางของเราในครั้งจะไม่ได้รวมการช็อปปิ้งและของฝาก ราคาตั๋วเครื่องบิน หลังจากดูเที่ยวบินไปยังเมืองต่างๆ ในสแกนดิเนเวียแล้ว ดีลที่ถูกที่สุดที่เราหาได้คือ 14,000 บาทต่อคน โดยบินจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกรุงเทพฯ ไปยังโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก และเดินทางกลับจากสตอกโฮล์ม สวีเดน ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ในฐานะสายการบินราคาประหยัด ราคาเที่ยวบินนี้ไม่รวมอาหารหรือสัมภาระ อย่างไรก็ตาม เราสามารถซื้อขนมราคาถูกบนเครื่องได้และเดินทางโดยสัมภาระถือขึ้นเครื่องเท่านั้น จึงไม่เป็นปัญหาสำหรับเรา หลังจากวางแผนเส้นทางการเดินทางแล้ว เราจองเที่ยวบินระดับภูมิภาคของ Norwegian Air จากเบอร์เกน นอร์เวย์ไปยังสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน อีก 2,000 บาทต่อคน *ทำให้ราคารวมสำหรับเที่ยวบินทั้งหมดสำหรับสองคนรวมเป็น 32,000บาท ค่าวีซ่า เนื่องจากเรามาจากสองประเทศที่แตกต่างกัน นโยบายการขอวีซ่าสำหรับสแกนดิเนเวียไม่เหมือนกัน พลเมืองนิวซีแลนด์สามารถเข้าสู่ภูมิภาคโดยไม่ต้องขอวีซ่าและเข้าเมืองได้ 90 วัน แต่สำหรับคนไทยต้องยื่นขอวีซ่าเชงเก้นล่วงหน้า การสมัครสามารถทำได้ทางออนไลน์และจากนั้นต้องไปยื่นเอกสารจริงที่สถานทูตเดนมาร์กในกรุงเทพฯ *ค่าวีซ่าทั้งหมด 3,000 บาท ราคาที่พัก หลังจากที่เราจองเที่ยวบินแล้ว ก็ถึงเวลาจองที่พักในสี่เมืองหลักที่เราจะไปเยือน ได้แก่ โคเปนเฮเกน ออสโล เบอร์เกน และสตอกโฮล์ม 1.) ครั้งแรกที่เราพัก 2 คืนในโคเปนเฮเกน โดยที่เราจองห้องธรรมดาที่ Danhostel Copenhagen City โรงแรมราคาประหยัด 5,600 บาท สำหรับ 2 คืน โรงแรมสะอาด ตั้งอยู่ใจกลางเมือง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการที่ดี >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Danhostel Copenhagen City << 2.) เราได้จองที่พักที่ออสโล นอร์เวย์ อีกหนึ่งคืนที่โรงแรม Citybox Oslo ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ Oslo Central ด้วยห้องพักที่ทันสมัย ห้องครัวส่วนกลางและเช็คอินแบบบริการตนเองในราคา 2,600 บาทต่อคืน >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Citybox Oslo 3.) สำหรับสองคืนในเบอร์เกน เราจองห้องสตูดิโอใน SG Apartments ผ่าน Agoda Homes ห้องพักกว้างขวาง สะอาด และมีครัวขนาดเล็กและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับทำอาหาร ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 5,800 บาท สำหรับสองคืน (ดูข้อมูลล่าสุดที่พักไม่อยู่ใน Agoda แล้ว ) 4.) สำหรับคืนสุดท้ายของเราในสตอกโฮล์ม เราได้จองห้องพักที่ไม่เหมือนใครบนเรือยอทช์ Malardrottningen Yacht Hotel ซึ่งจอดอยู่ในท่าเรือใกล้กับเมืองเก่าของสตอกโฮล์ม แม้ว่าห้องของอาจจะเล็ก แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีที่ได้นอนบนเรือยอทช์เก่า ห้องพักสะอาดและสะดวกสบาย รวมอาหารเช้าในราคา 2,500 บาทต่อคืน >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Malardrottningen Yacht Hotel *รวมค่าที่พักทั้งหมด 6 คืน 16,500 บาท (สำหรับ 2 คน) ค่าใช้จ่ายการเดินทาง โดยค่าเดินทางส่วนใหญ่ของเราจะรวมอยู่ใน City Cards ที่เราซื้อ (รายละเอียดจะเพิ่มเติมในภายหลัง) แต่เรายังคงมีค่าใช้จ่ายที่สำคัญบางอย่างดังนี้: 1.) ในการเดินทางจากโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก ไปยัง ออสโล นอร์เวย์ เราตัดสินใจใช้บริการเรือข้ามฟากข้ามคืนที่ดำเนินการโดย DFDS ซึ่งใช้เวลาประมาณ 17 ชั่วโมง ออกจากโคเปนเฮเกนเวลา 16:30 น. และถึงออสโลในวันถัดไปเวลา 09:45 น.ตั๋วราคา 4,800 บาท สำหรับ 2 ท่าน รวมห้องพัก 1 คืน และบนเรือมีสถานที่ช้อปปิ้ง Duty Free ร้านอาหาร จุดชุมวิว สระว่ายน้ำ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ได้ประสบการณ์ใหม่ๆในการนั่งเรือข้ามฟาก 2.) ค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทาง Norway in a Nutshell โดยขึ้นรถไฟ 4 ขบวนต่อเรือและรถบัสผ่านทิวทัศน์ธรรมชาติจากออสโลไปเบอร์เกนใช้เวลา 9-13 ชั่วโมง ซึ่งเมื่อจองเป็นแพ็คเกจราคาประมาณ 8,200 บาทต่อคน แต่เราสามารถจองตั๋วทั้งหมดเองได้ในราคาเพียง 5,600 บาทต่อคน 3.) เมื่อเราเดินมาถึงสนามบิน Arlanda ในสตอกโฮล์มซึ่งเดินทางจากเมืองเบอร์เกน เราต้องการวิธีที่รวดเร็วเพื่อไปยังตัวเมือง สตอกโฮล์ม เราจึงได้เลือกรถไฟ Arlanda Express ซึ่งใช้เวลาประมาณ 20 นาที ค่าเดินทางไปกลับสำหรับสองคน 3,000 บาท *รวมค่าเดินทางเพิ่มเติมทั้งหมด 19,000 บาท ราคา สถานที่ท่องเที่ยว สำหรับจุดหมายปลายทางสองแห่งที่เราจะใช้เวลามากที่สุดในระหว่างการเดินทางคือโคเปนเฮเกนและเบอร์เกน เราจึงตัดสินใจซื้อบัตรในการเดินทาง 1.) Copenhagen Card เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย บัตรโคเปนเฮเกน 48 ชม. ราคา 2,700 บาทต่อคน และรวมค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ในเมือง รวมทั้งการโดยสารรถประจำทางและรถไฟได้ไม่จำกัดทั่วโคเปนเฮเกนและบริเวณโดยรอบ 2.) Bergen Card ตลอด 24 ชม. ราคา 1,050 บาทต่อคน และรวมการเข้าใช้ฟรีหรือส่วนลดสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ ตลอดจนการโดยสารระบบขนส่งสาธารณะรอบเมืองและรถไฟไปสนามบินได้ไม่จำกัด 3.) เมืองออสโลและสตอกโฮล์มยังมีบัตรเดินทางในแบบเดียวกันด้วย ( Oslo Pass ) แต่เนื่องจากเราอยู่ในแต่ละเมืองเพียงวันเดียว จึงคิดว่าไม่น่าจะคุ้มถ้าเราซื้อเพิ่ม เราจึงสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวฟรีของเมือง ซึ่งรวมถึงสวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ และอาคารประวัติศาสตร์โดยส่วนใหญ่ใช้เวลาเดินสั้นๆ และการเดินทางบนรถไฟใต้ดินและรถรางราคาไม่แพง *รวมค่าสถานที่ท่องเที่ยว คือ Copenhagen card และ Bergen Card 7,500 บาท สำหรับ 2 คน ค่าอาหาร ร้านอาหาร คาเฟ่ และบาร์มีราคาแพงมากในเดนมาร์ก นอร์เวย์และสวีเดน ดังนั้นเราซื้ออาหารส่วนใหญ่จากซูปเปอร์มาร์เก็ต ของว่าง อาหารกลางวัน และได้ซื้ออาหารจากซุปเปอร์มาร์เก็ตมาปรุงเป็นอาหารเย็นโดยใช้อุปกรณ์ในครัวของที่พัก สิ่งที่ดีอีกอย่างเกี่ยวกับซูปเปอร์มาร์เก็ตในสแกนดิเนเวียคือมีอาหารอร่อยและดีต่อสุขภาพให้เลือกมากมายในราคาถูก ซูปเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อหลายแห่งขายกล่องอาหารกลางวันสำเร็จรูปพร้อมสลัด เนื้อ ขนมปังและชีสในราคา 150 บาทขึ้นไป ขณะที่เรากำลังเดินทางรอบเมือง เราแวะซื้อของว่างและเครื่องดื่มที่เบเกอรี่ ร้านสะดวกซื้อ และร้านขายกาแฟราคาถูก ขนมและฮอทดอกมากมาย ระหว่างทริปเรานั่งทานอาหารที่ร้านอาหารแค่ 4 ครั้ง ซึ่งช่วยให้เราประหยัดค่าอาหารและเครื่องดื่มที่ปกติราคาไม่ถึง 1,000 บาทต่อวัน *รวมค่า อาหาร ของว่าง ค่าอาหารทุกมื้อที่ร้านอาหารและเครื่องดื่มราคาประมาณ 12,000 บาท สำหรับตลอดทั้งสัปดาห์ของเราในสแกนดิเนเวีย ราคารวม ทริปสแกนดิเนเวียของเรามีทั้งหมด 9 วัน ค่าตั๋วเครื่องบิน (32,000 บาท) วีซ่า (3,000 บาท) ค่าที่พัก (16,500 บาท) ค่าเดินทาง(19,000 บาท) สถานที่ท่องเที่ยว (7,500 บาท) และอาหาร (12,000 บาท) ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของการเดินทางไม่รวมของที่ระลึกและของฝาก รวมทั้งหมดแล้ว 90,000 บาท หรือ 45,000 บาทต่อคน เมื่อเทียบกับค่าเดินทางในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ค่าใช้จ่ายอาจดูแพง แต่เมื่อพิจารณาว่าเราใช้เวลา 1 สัปดาห์เต็มๆ ในการเดินทางผ่าน 3 ประเทศในสแกนดิเนเวีย เราคิดว่าคุ้มสุดๆกับค่าใช้จ่ายโดยรวมของการเดินทางในครั้งนี้ ℹ️ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางในสแกนดิเนเวีย โปรดดูที่โพสต์บล็อกอื่นๆ ของเรา ⬇️ 📍 DIY - ท่องเที่ยวเส้นทาง Norway in a Nutshell 📍 เคล็ดลับสำหรับการเดินทาง ทริป Norway In a Nutshell 📍 8 ที่ท่องเที่ยวเมืองโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก 📍 สำรวจเมืองเก่าของสตอกโฮล์ม - Gamla Stan 📍 วิธีท่องเที่ยวสแกนดิเนเวีย ด้วยตัวเองแบบถูกๆ 📍 ทริปวันเดียวจากโคเปนเฮเกน - เฮลซิงเกอร์ & ฮิลเลอรอด 📍 แนะนำที่พัก โรงแรมบนเรือ Malardrottningen Yacht Hotel ในท่าเรือย่านเมืองเก่า - สตอกโฮล์ม สวีเดน
- วิธีการเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง ทริป Norway In a Nutshell ที่ประเทศนอร์เวย์
Norway in Nutshell เป็นทริปที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและเป็นเส้นทางการเดินทางที่สวยที่สุดด้วยความงามทางธรรมชาติของนอร์เวย์ แต่การเดินทางนั้นใช้เวลานานเกือบทั้งวัน เว้นแต่เลือกอยากจะพักค้างคืนในเมืองเล็ก ๆ ระหว่างทาง แม้ว่าจะมีจุดแวะพักมากมายระหว่างการเดินทาง แต่ละครั้งจึงควรเตรียมตัวให้พร้อม เราได้รวบรวมเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์ซึ่งจะทำให้ประสบการณ์ในการเดินทางครั้งนี้ประทับใจมากที่สุด 1. ) เตรียมตัวให้พร้อมก่อนกับอาหารมื้อเช้า การเดินทางในนอร์เวย์ เป็นเวลาหนึ่งวันเต็มๆนั้น ควรเติมพลังงานให้กับร่างกาย สำหรับอาหารเช้ามื้อใหญ่ก่อนออกเดินทาง แต่ถ้าไม่มีเวลาทานอาหาเช้าก่อนเดินทาง ก็สามารถซื้อกาแฟและขนมปังที่สถานีรถไฟได้ตลอดเวลาระหว่างนั่งรถไฟไปยัง Myrdal เนื่องจากที่นั่งทั้งหมดมีโต๊ะถาดพับได้ นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่เล็ก ๆ บนรถไฟที่คุณสามารถซื้อแซนวิชขนมต่างๆและกาแฟได้ 2. ) เตรียมของว่างไว้ให้พร้อมในระหว่างการเดินทาง ตลอดการเดินทางมีสถานที่หลายแห่งที่คุณสามารถหาของกินได้เช่น รับประทานอาหารบนรถไฟและร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่สถานีรถไฟ แต่สถานที่เหล่านี้มีราคาค่อนข้างแพงและมักจะแออัดไปด้วยนักเดินทางจากหลายๆที่ ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นและควรเตรียมไว้ด้วยก็คือการซื้ออาหารกล่องหรือผลไม้ ขนมและของว่างอื่น ๆ เก็บไว้ในกระเป๋าเป้เผื่อเวลาหิวก็สามารถกินได้ตลอด ซึ่งที่เราได้เตรียมเสบียงไว้ในกระเป๋าแล้วนั้นจะทำให้คุณได้ใช้เวลาในการถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม 3.) เสื้อผ้า ชุดสำหรับการเดินทาง เราได้ไปนอร์เวย์ในช่วงกลางเดือนตุลาคมและอากาศค่อนข้างเย็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งออกจากฟยอร์ด ระหว่างนั่งเรือเฟอร์รี่ หากคุณเดินทางในช่วงเดือนที่อากาศหนาวกว่าอย่าลืมนำเสื้อแจ็คเก็ตที่อุ่นๆหมวกและถุงมือไปด้วยเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นเพื่อที่คุณจะได้ใช้เวลาข้างนอกเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ นอร์เวย์ขึ้นชื่อเรื่องสภาพอากาศที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ดังนั้นอย่าลืมแพ็คเสื้อกันฝนไว้ด้วย เพราะช่วงระหว่างการเดินทางอาจจะมีฝนตก และอีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือรองเท้าบู๊ตหรือรองเท้ากันน้ำสักคู่ ก็จะทำให้เราสามารถเดินทางท่องเที่ยวในสภาพอากาศแบบนี้ได้ดีขึ้น 4.) เตรียมให้พร้อมสำหรับการชาร์ทกล้องและมือถือ ทิวทัศน์ที่จะได้เห็นระหว่างการเดินทางในนอร์เวย์ นั้นสวยมากและเป็นโอกาสที่ดีในกาถ่ายภาพบรรยากาศธรรมชาติอันสวย ตั้งแต่ต้นจนจบดังนั้นตรวจสอบให้แน่ใจว่าแบตเตอรี่กล้องเต็มแล้วในคืนก่อนการเดินทาง หากคุณมีแบตเตอรีสำรองหรือพาวเวอร์แบงค์ต้องพกพาไปด้วย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีพื้นที่เพียงพอสำหรับจัดเก็บรูปภาพในหน่วยความจำเพื่อเพิ่มพื้นที่หรือนำการ์ด SD สำรองมาด้วย 5. ) การเตรียมเงินเพื่อไว้ใช้จ่ายในระหว่างการเดินทาง แม้ว่าสถานที่ส่วนใหญ่ตลอดเส้นทางจะรับบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตสำหรับการชำระเงิน แต่คุณควรติดเงินสดไว้ด้วย ในกรณีที่ระบบขัดข้อง และการเดินทางในครั้งนี้ตอนที่เราเดินทางจากเรือแล้วจะไปขึ้นรถบัสต่อนั้น จำเป็นที่จะต้องจ่ายตั๋วรถบัสด้วยเงินสด เพื่อชำระค่ารถบัสจาก Gudvangen ไปยัง Voss เนื่องจากไม่รับทั้งบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ซึ่งเราจะต้องต้องแลกเงินสดมาเป็นแบงก์ย่อยๆเพื่อง่ายต่อการจ่ายและไม่ต้องรอคิวนาน คุณก็จะเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ Norway in a Nutshell เป็นอีกวิธีการเดินทางที่ยอดเยี่ยมที่จะได้ชมวิวทิวทัศน์ธรรมชาติอันหลากหลายของนอร์เวย์ภายในวันเดียว แม้ว่าการเดินทางจะใช้เวลานาน แต่หากคุณเตรียมพร้อมการเดินทางอย่างเหมาะสมการเดินทางจะทั้งสะดวกสบายและสนุกสนานทำให้คุณได้สัมผัสกับความงามของธรรมชาติที่นอร์เวย์ คุณสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ Fjord Tours เพื่อซื้อการเดินทางเป็นแพ็คเกจเต็มรูปแบบหรือหากคุณต้องการประหยัดเงินคุณสามารถจองตั๋วได้ด้วยตนเองตามที่อธิบายไว้ใน DIY - ท่องเที่ยว Norway in a Nutshell โพสต์บล็อก. สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางในสแกนดิเนเวีย โปรดดูที่โพสต์บล็อกอื่นๆ ของเรา: การเดินทาง สแกนดิเนเวีย 9 วัน ด้วยตัวเอง DIY - ท่องเที่ยวเส้นทาง Norway in a Nutshell 8 ที่ท่องเที่ยวเมืองโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก สำรวจเมืองเก่าของสตอกโฮล์ม - Gamla Stan วิธีท่องเที่ยวสแกนดิเนเวีย ด้วยตัวเองแบบถูกๆ ทริปวันเดียวจากโคเปนเฮเกน - เฮลซิงเกอร์ & ฮิลเลอรอด #norwayinanutshell #norway #oslo #bergen #flam #myrdal #gudvangen #voss #scandinavia #europe #เที่ยวนอร์เวย์ #นอร์เวย์ #ประเทศนอร์เวย์ #เที่ยวสแกนดิเนเวีย #เที่ยวนอร์เวย์ด้วยตัวเอง #เที่ยวยุโรป #เที่ยวยุโรปด้วยตัวเอง
- การเดินทางจากประเทศเดนมาร์กไปประเทศนอร์เวย์ โดยนั่งเรือ DFDS จากเมืองโคเปนเฮเกน(เดนมาร์ก)ไปเมืองออสโล(นอร์เวย์)
การวางแผนเดินทางไปสแกนดิเนเวีย เราได้รู้มาว่าภูมิภาคประเทศในแถบนี้มีโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งสาธารณะที่ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น เที่ยวบิน รถไฟ รถบัส และเรือที่เชื่อมต่อไปเมืองใหญ่ทั้งหมดรวมทั้งเมืองเล็กอีกด้วย ใรครั้งนี้เรารู้ว่าเราจะมีตัวเลือกมากมายสำหรับการเดินทางจากโคเปนเฮเกนไปยังออสโล ระหว่างทริปสแกนดิเนเวียของเรา เลยต้องหาข้อมูลเพื่อหาทางเลือกที่ดีที่สุด และได้รับประสบการณ์ใหม่ๆในการเดินทางให้เป็นที่น่าจดจำ อันดับแรกเราค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับดูเที่ยวบินสำหรับการเดินทางจากโคเปนเฮเกนไปออสโล ราคาค่าตั๋วจะอยู่ประมาณ 2,000-4,000 บาท สำหรับตั๋วเที่ยวเดียว โดยใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ต่อไปเรามาดูทางเลือกในการนั่งรถไฟจากโคเปนเฮเกนไปออสโลผ่านโกเธนเบิร์ก (สวีเดน) คนละ 2,800 บาท และใช้เวลาเดินทางประมาณ 8-9 ชั่วโมง สุดท้ายเราดูว่าเดินทางจากโคเปนเฮเกนไปออสโลโดยเรือ และมีบริษัทเรือข้ามฟากชื่อ DFDS ซึ่งดำเนินการล่องเรือทุกวันระหว่างสองเมืองซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะยังไม่เคยนั่งเรือข้ามฟากขนาดใหญ่แบบนี้มาก่อน หลังจากเปรียบเทียบราคา เวลาเดินทาง และความสะดวกของแต่ละตัวเลือกเหล่านี้แล้ว ในที่สุด เราก็ตัดสินใจจองเรือเฟอร์รี่ DFDS จากโคเปนเฮเกนไปยังออสโล ในโพสต์บล็อกนี้ เราจะแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการจองตั๋วกับ DFDS ประสบการณ์ของเราเกี่ยวกับ การล่องเรือ DFDS และเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์เมื่อคุณเดินทาง 1.) เกี่ยวกับเส้นทางเดินเรือ DFDS โคเปนเฮเกน-ออสโล ปัจจุบัน เรือข้ามฟาก DFDS Seaways เป็นบริการผู้โดยสารเพียงแห่งเดียวที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปใช้เส้นทางโคเปนเฮเกนไปออสโล ทริปนี้ในปี 2019 เรือออกจากโคเปนเฮเกนเวลา 16:30 น. เดินทางในช่องแคบ Øresund ผ่านเฮลซิงเกอร์ (เดนมาร์ก) และเฮลซิงบอร์ก (สวีเดน) เวลาประมาณ 07:00 น. เช้าวันรุ่งขึ้น เรือแล่นผ่านออสโลฟยอร์ดและมาถึงท่าเรือเฟอร์รี่ DFDS ที่เมืองออสโล เวลา 09:15 น. การเดินทางทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึง 17 ชั่วโมง เส้นทางเรือข้ามฟาก DFDS ระหว่างโคเปนเฮเกนและออสโลได้รับการปรับปรุงโดยมีการหยุดเพิ่มเติมเพื่อรับผู้โดยสารในเฟรเดอริคชาว์นทางเหนือของเดนมาร์กเวลาประมาณ 23:00 น. จุดแวะที่เพิ่มขึ้นนี้ทำให้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ 19 ชั่วโมง เรือข้ามฟากให้บริการทุกวันระหว่างโคเปนเฮเกนและออสโลด้วย เรือที่เดินทางในแต่ละทิศทาง เวลาออกเดินทางและเส้นทางอาจมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น โปรดตรวจสอบแผนการเดินทางของคุณอย่างรอบคอบเมื่อจองตั๋ว 2.) วิธีการจองตั๋ว สามารถจองตั๋วเรือข้ามฟาก DFDS ได้ง่ายๆ ผ่านเว็บไซต์ DFDS เพียงเข้าไปที่เว็บไซต์ เลือก Return หรือ One-Way จากนั้นเลือกเส้นทาง และยานพาหนะอื่นๆที่คุณจะนำขึ้นเรือ (ถ้ามี) จำนวนผู้โดยสาร วันออกเดินทาง แล้วคลิก "จอง" หลังจากกรอกรายละเอียดการเดินทางของคุณแล้ว ระบบจะนำคุณไปยังหน้า "การเลือกห้องโดยสาร" ซึ่งคุณสามารถดูราคาและรายละเอียดประเภทห้องโดยสารบนเครื่องได้ (ห้องมาตรฐาน (ไม่มีหน้าต่าง) ห้องวิวทะเล และห้องพรีเมียม) หลังจากเลือกห้องโดยสารของคุณแล้ว คุณจะถูกนำไปยังหน้าสำหรับการจองสำหรับ "อาหาร" และ "ส่วนเสริม ส่วนเพิ่มอื่นๆ" ซึ่งคุณสามารถเลือกเพิ่มได้ตามความต้องการ เมื่อคุณกรอกข้อมูลทั้งหมดของคุณครบถ้วนแล้ว คุณจะต้องสร้างบัญชีกับ DFDS ซึ่งคุณสามารถยืนยันการเดินทางและรายละเอียดส่วนบุคคลของคุณ จากนั้นจึงดำเนินการชำระเงิน คุณจะได้รับอีเมลแจ้งรายละเอียดการเดินทาง การจอง และการชำระเงินของคุณ คุณสามารถเข้าถึงและจัดการการจองของคุณโดยลงชื่อเข้าใช้เว็บไซต์ DFDS ด้วยรายละเอียดบัญชีที่คุณสร้างขึ้น 3.) ราคาตั๋ว ราคาตั๋วจะแตกต่างกันไปตามวันเดินทางและห้องที่เลือกห้อง Standard สำหรับ 2 คน ราคา 3,800-7,000 บาท ห้อง Sea View ราคา 8,000-10,000 บาท และห้อง Premium ราคา 13,000-18,000 บาท แนะนำให้จองตั๋วดีๆ เราจองล่วงหน้าหนึ่งเดือนก่อนการเดินทางและเดินทางในวันอังคาร เราได้ราคาดีเพียง 3,800 บาทสำหรับห้องมาตรฐานสำหรับสองคน ห้องซีวิวและห้องพรีเมียมมีวิวจากหน้าต่างและมีพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้น เราจองห้องสแตนดาร์ดซึ่งเป็นห้องภายในที่ไม่มีหน้าต่าง อย่างไรก็ตาม เราใช้เวลาส่วนใหญ่สำรวจเรือและออกไปที่ดาดฟ้า เนื่องจาก การล่องเรือข้ามคืนดูเหมือนจะไม่ค่อยคุ้มค่าที่จะใช้จ่ายเงินเพิ่มเพื่อให้มีห้องที่มีหน้าต่างเพราะราคาจะแพงขึ้นมาก ในเมื่อการเดินทางส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงกลางคืน 4.) อาหารและร้านอาหาร อาหารบนเครื่องอาจมีราคาแพง อย่างไรก็ตาม คุณสามารถนำอาหารของคุณเองขึ้นเครื่องได้ แม้ว่าจะไม่มีอุปกรณ์ทำอาหาร เรานำขนมปังพาสต้าสลัดและผลไม้มาด้วยในระหว่างการเดินทางเพื่อประหยัดเงิน หากคุณต้องการกิน อาหารค่ำที่ร้านอาหารบนเรือคุณสามารถจองออนไลน์ล่วงหน้าได้ ร้านอาหาร 7 Seas มีราคาสลัดอาหารค่ำราคาจะประมาณ 1,400 บาทต่อคน ในร้านอาหาร Explorer มีอาหาร 2 คอร์สประมาณ 1,500 บาทและอาหาร 3 คอร์สประมาณ 1,700 บาท บุฟเฟ่ต์อาหารเช้าราคาประมาณ 700 บาท นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารอิตาเลียนชื่อ "ลิตเติ้ลอิตาลี" ซึ่งค่าอาหารจะอยู่ระหว่าง 300-800 บาท นอกจากนี้ยังมีร้านกาแฟชื่อ "Coffee Crew" ซึ่งขายเครื่องดื่มและขนมอร่อยๆอีกด้วย 5) ที่พักบนเรือ เราพักห้องสแตนดาร์ดบนเรือข้ามฟาก DFDS และพบว่าเป็นห้องที่คุ้มค่าคุ้มราคา สำหรับการการพักบนเรือสำหรับ 2 คน ห้อพักก็เพียงพอด้วยพื้นที่สำหรับเก็บสัมภาระ ชั้นวางสำหรับเก็บของชิ้นเล็ก ๆ รวมถึงราวตะขอสำหรับแขวนเสื้อผ้า แม้ว่าเตียงจะแคบกว่าเตียงเดี่ยวมาตรฐาน แต่ก็นุ่ม สบาย ห้องน้ำมีขนาดเล็กมาก แต่มีห้องน้ำ เครื่องทำน้ำอุ่น ฝักบัว และอ่างเล็ก ๆ ทุกสิ่งที่คุณต้องการสำหรับคืนหนึ่งบนเรือ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ขาดไปก็คือตู้เย็นถึงแม้จะจำเป็นแต่ก็สะดวกที่จะเก็บเครื่องดื่มและอาหารให้เย็น โดยรวมแล้ว ห้องพักสบายและสะอาดมาก ส่วนใหญ่เราจะใช้เวลาส่วนใหญ่บนดาดฟ้าเรือเพื่อชมวิวและสำรวจรอบๆเรือ เราไม่คิดว่ามันคุ้มค่าที่จะจ่ายสำหรับห้องที่แพงกว่านี้เพราะคุณจะใช้มันเพื่อนอนเท่านั้นและความสะดวกสบายแล้วห้องพรีเมียมอาจ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ แต่สำหรับเรา ห้องสแตนดาร์ดนั้นสมบูรณ์แบบและราคาไม่แพงมากจนเกินไปเมื่อแลกกับประสบการณ์ครั้งใหม่ในการเดินทางด้วยเรือขนาดใหญ่แบบนี้ ด้วยราคาเพียง 3,800 บาท สำหรับห้องเตียงแฝดสำหรับการเดินทางทั้งหมด 17 ชั่วโมง 6.) สิ่งอำนวยความสะดวกบนเรือ สิ่งที่ยอดเยี่ยมในการโดยสารเรือข้ามฟาก DFDS จากโคเปนเฮเกนไปยังนอร์เวย์คือความจริงที่ว่าคุณรู้สึกเหมือนกำลังสำรวจเมืองใหม่ขณะอยู่บนเรือ และเมื่อคุณไปถึงจุดหมายปลายทางด้วยความรู้สึกผ่อนคลายและสดชื่น แม้จะใช้เวลาเดินทาง 17 ชั่วโมงก็ตาม บนเรือเฟอร์รี่ DFDS มีร้านอาหาร 3 แห่งที่เปิดให้บริการสำหรับผู้โดยสาร (7 Seas, Explorer และ Little Italy) ร้านกาแฟขนาดเล็ก (Coffee Crew) และบาร์ 2 แห่ง โดยมีบาร์ด้านในและด้านนอกอีก 1 แห่งบนดาดฟ้า บนเรือ DFDS ยังมี Bubble Zone ซึ่งเป็นพื้นที่สระที่มีสระขนาดต่างๆ 1-2 สระ และจากุซซี่ 1-2 สระ (ขึ้นอยู่กับเรือแต่ละลำ) สำหรับผู้ที่เดินทางพร้อมเด็ก สโมสร Pirates Club ที่มีกิจกรรม เกม และความบันเทิงสำหรับเด็กขณะอยู่บนเรือ เรือข้ามฟาก DFDS ยังมี Sea Shop ซึ่งเป็นโซนช้อปปิ้งขนาดเล็กที่จำหน่ายสินค้าปลอดภาษี เช่น อาหาร เสื้อผ้า เครื่องสำอาง แอลกอฮอล์ และของที่ระลึก นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่นั่งเล่นมากมายทั่วทั้งเรือ ซึ่งคุณสามารถผ่อนคลายและชมวิวอันสวยงาม บนดาดฟ้าเรือมีโซนต่างๆ มากมายให้คุณได้นั่งสูดอากาศบริสุทธิ์ขณะชมพระอาทิตย์ตกและเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มจากบาร์บนดาดฟ้าของเรือ 7.) เคล็ดลับสำหรับการเดินทางโดยเรือเฟอร์รี่ DFDS 1.) หากคุณต้องการประหยัดเงิน ให้นำอาหารและเครื่องดื่มมาเองบนเรือ (ห้ามนำอาหารที่จำเป็นต้องปรุง) 2.) นำเสื้อแจ็กเก็ตอุ่นๆ มาใส่ เพราะอากาศจะหนาวมากบนดาดฟ้าเรือ โดยเฉพาะในตอนเย็น 3.) อย่าอยู่แต่ในห้องพักบนเรือ ให้ใช้เวลาของคุณในการสำรวจพื้นที่บนเรือ เนื่องจากมีสถานที่ต่างๆ มากมายให้นั่งและชมวิวที่น่าตื่นตาตื่นใจ 4.) หากคุณมีอาการเมารถ ให้นำยามารับประทาน เนื่องจากการเดินทางบนเรืออาจจะมีคลื่นที่แรงและอาจทำให้เมาเรือได้ 5.) จองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าเพราะจะถูกกว่ามาก หลีกเลี่ยงการเดินทางในวันหยุดหรือวันหยุดสุดสัปดาห์เพราะราคาจะแพงขึ้นและจำนวนผู้เดินทางก็จะมากขึ้นด้วย การขึ้นเรือเฟอร์รี่ DFDS จากโคเปนเฮเกนไปออสโลเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับเรา เรือนั้นสะอาดและสะดวกสบายพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการบนเรือที่ยอดเยี่ยม เราขอแนะนำวิธีนี้เป็นวิธีการเดินทางหากคุณต้องการเดินทางระหว่างเมืองโคเปนเฮเกนและออสโล ส่วนที่ดีที่สุดคือเรือข้ามฟาก DFDS ช่วยให้คุณเดินทางระหว่างสองประเทศได้อย่างง่ายดายในขณะที่คุณกิน นอน และเพลิดเพลินกับเวลาบนเรือ #denmark #copenhagen #norway #oslo #DFDS #scandinavia #โคเปนเฮเกน #ออสโล #นั่งเรือDFDS #นั่งเรือจากเดนมาร์กไปนอร์เวย์ #นอร์เวย์ #เดนมาร์ก #เที่ยวออสโล #เที่ยวโคเปนเฮเกน
- เดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองที่ประเทศศรีลังกา 7 วัน ที่พัก ที่เที่ยวในเมือง Negombo,Damballa,Kandy,Ella,Yala,Tangelle,Galle
ประเทศศรีลังกาที่เป็นเกาะเล็ก ๆ ตั้งอยู่กลางมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งประเทศนี้ไม่ได้อยู่ในลิสต์ประเทศที่เราอยากจะไปมากนัก จนกระทั่งเราได้เจอตั๋วราคาดีไม่แพง ช่วงโปรโมชั่นราคาถูกใจ และหลังจากนั้นเราจึงเริ่มทำการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศศรีลังกาและเราได้ค้นพบว่าประเทศศรีลังกามีความสวยงามทั้งด้านธรรมชาติและวัฒธรรม รวมไปถึงความหลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองต่างๆ ดังนั้นเราจึงจองเที่ยวบินไปกลับเพื่อไปสำรวจและท่องเที่ยวประเทศศรีลังกาด้วยตัวเอง รวมเวลาทั้งสิ้น 7 วัน ในบล็อกโพสต์นี้ เราจะขอแนะนำแผนการเดินทางของเรา สำหรับการเดินทางแบบรอบๆของศรีลังกาเพื่อเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ ของ เมือง Negombo ,เมือง Damballa ,เมือง Kandy ,เมือง Ella,เมือง Yala เมือง Tangelle และ เมือง Galle ในช่วงระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ การเดินทาง Bangkok to Colombo ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้า การตัดสินใจของเราที่จะเดินทางไปศรีลังกานั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากหลังจากที่เราได้เจอเที่ยวบินราคาโดนใจบน Sky Scanner เที่ยวบินของเราจากไทยไปศรีลังกาเป็นของสาย การบินไทย ค่าตั๋วไปกลับ 2 ใบ ในชั้นประหยัด ราคา 9,216 บาท (4,608 บาทต่อคน) เที่ยวบินของเราออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) ในกรุงเทพฯ เวลา 22:15 น. และถึงสนามบิน Bandaranaike ใน Negombo (40 กม. นอกเมืองหลวง Colombo) เวลา 00:10 น. ใช้เวลาบินทั้งหมดประมาณ 3 ชั่วโมง 25 นาที โดยเวลาในประเทศไทยนั้นจะเร็วกว่าประเทศศรีลังกา 1 ชั่วโมง 30 นาที ถึงสนามบิน Bandaranaike แล้ว ตอนแรกตั้งใจว่าจะนอนที่สนามบินจนเช้าแล้วขึ้นรถบัสไป Dambulla แต่พอไปถึงก็เห็นว่าไม่มีที่นั่งหรือที่พักผ่อน ก็เลยนั่งแท็กซี่ไปโรงแรมใกล้ๆกันสำหรับคืนนี้ Day 1: Negombo - Kurunegala - Dambulla หลังจากค่ำคืนอันยาวนาน เราตื่นแต่เช้าเพื่อรับประทานอาหารเช้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงเดินไปที่สถานีขนส่ง Negombo เพื่อขึ้นรถบัสท้องถิ่นไปยัง เมือง Dambulla เวลาประมาณ 8:00 น. สถานีขนส่งนั้นวุ่นวายเป็นอย่างมากและทำให้เราสับสนในการไปขึ้นรถ อย่างไรก็ตาม ชาวศรีลังกาเป็นมิตรและพูดภาษาอังกฤษได้ดี ดังนั้นเราจึงสามารถหารถบัสที่ถูกต้องได้ เนื่องจากไม่มีรถบัสตรงจาก Negombo ไป Dambulla เราจึงต้องเดินทางไป Kurunegala ก่อนแล้วจึงเปลี่ยนรถโดยสาร จาก Negombo ถึง Kurunegala นั่งรถบัสใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที ราคา 100 LKR (ประมาณ 10.08 บาท) หลังจากมาถึง Kurunegala เราก็ทานอาหารกลางวันกันอย่างรวดเร็วที่สถานีขนส่ง ก่อนขึ้นรถบัสคันถัดไปเพื่อไป Dambulla นั่งรถบัส ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ราคา 95LKR (ประมาณ 9.57 บาท) เวลาเดินทางทั้งหมดจาก Negombo ถึง Dambulla รวมเวลาแวะพักทานอาหารกลางวันแล้วประมาณ 5 ชั่วโมงกว่า ค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่ 195 LKR (ประมาณ 19.65 บาท) รถเมล์ก็ถูกมากแต่คนก็จะแน่นมาก ไม่มีเครื่องปรับอากาศและไม่มีห้องน้ำบนรถ หลังจากมาถึง Dambulla ในตอนบ่ายแก่ๆ เราก็รีบเช็คอินห้องพักของเราที่ Milano Grand Hotel ซึ่งตั้งอยู่ติดกับสถานีขนส่ง Dambulla จากนั้นเราก็เดินไปตามถนนเพื่อรับประทานอาหารกลางวันก่อนจะมุ่งหน้าไปยัง Dambulla Cave Temple ซึ่งห่างออกไปประมาณ 2 กม. ค่าเข้า Dambulla Cave Temple 1,500LKR (ประมาณ 151 บาทต่อคน) หลังจากใช้เวลาสำรวจ Dambulla Cave Temple ไม่กี่ชั่วโมง เราก็เดินกลับมาที่เมือง Dambulla เพื่อพักผ่อนที่โรงแรมก่อน และช่วงเย็นจึงค่อยออกไปหาอาหารเย็นทานกัน Day 2: Dambulla - Sigiriya - Kandy เช้าวันรุ่งขึ้นเราตื่นแต่เช้า กินอาหารเช้าที่โรงแรม แล้วนั่งรถตุ๊กตุ๊กจาก Dambulla ไปที่ป้อมปราการหิน Sigiriya รวมระยะทางประมาณ 18 กม. ใช้เวลาประมาณ 25 นาที ค่าเดินทางเที่ยวเดียวสำหรับ 2 คน 2,500LKR (ประมาณ 252 บาท) หลังจากมาถึง Sigiriya เราใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการท่องเที่ยวสำรวจป้อมปราการหิน ตั๋วสำหรับ Sigiriya มีราคาค่อนข้างแพง 30 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1,030 บาทต่อคน) แต่ราคาก็คุ้มค่า การไต่ขึ้นสู่ยอด Lion Rock ใน Sigiriya มีทั้งหมด 1,270 ขั้นที่แบ่งออกเป็นส่วนๆ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที-1 ชั่วโมงในการขึ้นไปบนยอดเขา ทางขึ้นสูงชันและร้อนมาก แต่วิว 360 องศาจากด้านบนก็คุ้มค่าสวยงามมาก หลังจากสำรวจ Sigiriya เสร็จแล้ว เราก็ไปทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารใกล้ๆ กันก่อนจะไปขึ้นรถบัสกลับไปที่ Dambulla รถเมล์ระหว่าง Sigiriya ไปยัง Dambulla ถูกมาก ราคาเพียง 40LKR (ประมาณ 4.03 บาท) ใช้เวลาเดินทาง 45นาที-1ชม. เนื่องจากรถจอดระหว่างทาง รถบัสคันแรกออกจาก Dambulla เวลาประมาณ 06:30 น. และรถบัสเที่ยวสุดท้ายออกจาก Sigiriya เวลาประมาณ 17:00 น. เมื่อเรากลับมาถึง Dambulla เราก็เก็บกระเป๋าเช็คเอาท์จากโรงแรม Milano Grand Hotel และกลับไปที่สถานีขนส่งเพื่อเดินทางจาก Dambulla ไป Kandy จาก สถานีขนส่ง Dambulla เรานั่งรถมินิบัสมาที่ Kandy ระยะทางประมาณ 75 กม. แต่เนื่องจากรถวิ่งช้าและถนนมีคนเดินค่อนข้างพลุกพล่าน การเดินทางจึงใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ค่าบริการ 400LKR (39บาท) ต่อคน รถมินิบัสจะจอดที่จุดต่างๆ ใน Kandy เพื่อให้คุณสามารถบอกชื่อที่พักของคุณกับคนขับได้ และคุณสามารถลงที่ป้ายใกล้เคียง เมื่อเรามาถึง Kandy เราลงที่ สถานีรถไฟ Kandy เนื่องจากเราต้องไปรับตั๋วโดยสารรถไฟไป Ella ในวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เราได้ตั๋วแล้ว เราก็เดินไปที่ที่พักและเช็คอินที่ห้องของเราที่ Kandy City Hotel by Earl's จากนั้นเราก็ใช้เวลาช่วงเย็นเดินสำรวจเมืองเก่า Kandy และตลาด Kandy ก่อนรับประทานอาหารค่ำ แกงกะหรี่แสนอร่อย ก่อนที่จะกลับเข้าที่พักและนอนเก็บแรงในวันต่อไป Day 3: Kandy - Ella เนื่องจากรถไฟของเราจาก Kandy ไป Ella จะออกเดินทางเวลา 11:10 น. เราจึงตัดสินใจตื่นแต่เช้า เพื่อเราจะได้มีเวลาสำรวจ Kandy มากขึ้น และเราไปเยี่ยมชม The Temple of the Sacred Tooth Relic (Sri Dalada Maligawa/วัดพระเขี้ยวแก้ว) เวลาประมาณ 6:00 น. (วัดเปิดตั้งแต่ 05:30 น. - 20:00 น.) เนื่องจากเป็นช่วงเช้าตรู่วัดจึง เงียบสงบ นักท่องเที่ยวน้อยมาก เป็นโอกาสที่ดี ได้ไหว้พระและทำบุญ และมีคนในท้องถิ่น มาสวดมนต์และทำบุญด้วยเช่นกัน ค่าเข้า The Temple of the Sacred Tooth Relic 1,500LKR (ประมาณ 149 บาท) หลังจากทำบุญที่วัดพระเขี้ยวแก้วแล้ว เราก็ซื้อของฝากจากตลาดหน้าวัด แล้วไปทานอาหารเช้าที่ร้านเบเกอรี่ในเมืองเก่าก่อนจะเดินเล่นรอบทะเลสาบ Kandy หลังจากเดินไปรอบ ๆ ทะเลสาบ เราก็กลับไปที่พัก Kandy City Hotel by Earl's เพื่อเช็คเอาท์ จากนั้นเราไปที่สถานีรถไฟ Kandy เพื่อรอรถไฟของเราไป Ella รถไฟออกจากแคนดี้เวลา 11:10 น. เราจองตั๋วชั้นหนึ่งล่วงหน้าประมาณหนึ่งเดือนบนเว็บไซต์ Visit Sri Lanka Tours เนื่องจากบริษัทตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักร เราจึงจ่ายเงิน 14 ปอนด์ต่อคน (ประมาณ 605 บาท) สำหรับตั๋วเที่ยวเดียว การจองล่วงหน้าจะมีราคาแพงกว่าการจองที่สถานีรถไฟ แต่เป็นวิธีเดียวที่จะรับประกันได้ว่าคุณจะได้ที่นั่งบนรถไฟอย่างแน่นอน เราขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง ตั๋วชั้นสองและชั้นสามก็มีขายเช่นกัน แต่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ และตู้โดยสารมักเต็มไปด้วยผู้คนที่ยืนอยู่ตรงทางเดิน การเดินทางทั้งหมดจาก Kandy ไปยัง Ella ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง และเรามาถึง สถานีรถไฟ Ella หลังเวลา 18:00 น. จากสถานีรถไฟ Ella เราเดินไปที่พักที่ Ella Mount View Guest Inn ซึ่งห่างออกไป 1.2 กม. จากนั้นเราใช้เวลายามเย็นเดินไปตามถนนสายหลักใน Ella แวะทานอาหารเย็น ดื่มเครื่องดื่มเย็นๆและซื้อของที่ระลึก ก่อนที่เราจะกลับไปที่ Ella Mount View Guest Inn เพื่อพักผ่อนเตรียมตัวเที่ยวในวันต่อไป Day 4: Ella - Yala เป็นอีกครั้งที่เราตื่นแต่เช้าก่อนจะออกไปปีนเขา Little Adam's Peak เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น เมื่อมาถึงที่พัก เราได้บอกเจ้าของที่พัก Ella Mount View Guest Inn ว่าเราต้องการไปที่ Little Adam's Peak เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงตื่นแต่เช้าและจองรถตุ๊กตุ๊กไปที่ทางขึ้นของภูเขาซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 3 กม. จากจุดเริ่มต้นของเส้นทางเดินป่าที่รถตุ๊กตุ๊กมาส่งเราใช้เวลาประมาณ 40 นาทีก็ถึงยอด Little Adam's Peak วิวจากยอดเขาสวยงามมาก เราใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงบนภูเขาเพื่อชมวิวและถ่ายรูป เก็บภาพแห่งความประทับใจ หลังจากไต่เขาขึ้นไปบนยอดเขา Little Adam's Peak แล้ว เราก็ใช้เวลาช่วงเช้าสำรวจไร่ชาต่างๆ ระหว่างเดินกลับเข้าไปในเมือง Ella เราไปเยี่ยมชมร้านชาเพื่อซื้อชาท้องถิ่น จากนั้นเราก็รับประทานอาหารกลางวันก่อนเวลา และกลับไปที่ Ella Mount View Guest Inn เพื่อเช็คเอาท์ หลังจากเช็คเอาท์ที่พักแล้ว เราก็นั่งรถส่วนตัวไป Yala แชร์รถกับนักท่องเที่ยวอีกสองคนที่เดินทางไปที่เดียวกัน ระยะทางจาก Ella ถึง Yala ประมาณ 130 กม. และใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า เรามาถึงประมาณ 16:00 น. รถยนต์ส่วนตัวราคา 2,500LKR ต่อคน (ประมาณ 241 บาท) เช็คอินที่ห้องของเราที่ Hotel Camorich จากนั้นใช้เวลาช่วงเย็นเดินเล่นรอบเมือง ทะเลสาบ Yoda และ ทะเลสาบ Tissa ก่อนรับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารท้องถิ่นแห่งหนึ่งก่อนเข้านอนเร็วขึ้นกว่าเดิม เพราะวันรุ่งขึ้นเราวางแผนจะไปซาฟารีที่ Yala National Park เริ่มเวลา 05:00 น. Day 5: Yala - Tangalle หลังจากตื่นนอนแต่เช้า เราก็ไปรับอาหารเช้าแบบแพ็คกล่องจาก Hotel Camorich และขึ้นรถ Jeep เพื่อออกเดินทางไปยัง Yala National Park เวลา 05:00 น. วันก่อนเราติดต่อไกด์ทัวร์ท้องถิ่นเพื่อขอราคา และหลังจากต่อรองกัน เราก็สามารถจองซาฟารีสำหรับ 4 คนได้ในราคา 7,500LKR ต่อคน (ประมาณ 725 บาท) ซึ่งถูกกว่าบริษัททัวร์อื่นมาก ที่ชาร์จ 9,000LKR ต่อคน (ประมาณ 870) ค่าธรรมเนียมรวมคนขับซึ่งเป็นมัคคุเทศก์ที่มีประสบการณ์ รถ Jeep แปดที่นั่งพร้อมช่องเปิดสำหรับดู กล้องส่องทางไกล 4 ชุด อาหารกลางวัน และเครื่องดื่ม ซาฟารี สวยงาม ธรรมชาติมากๆและเราเห็นสัตว์ป่ามากมาย มันคุ้มค่ามากเพราะเราใช้เวลาตั้งแต่ 05:00 น. - 18:00 น. (13 ชั่วโมง) หลังจากเที่ยวซาฟารีเสร็จแล้ว เราก็ไปรับกระเป๋าจากโรงแรม แล้วเช่ารถส่วนตัวพร้อมคนขับจาก Yala ไป Tangalle เดิมทีเราต้องการเดินทางจาก Yala ไป Galle โดยตรง แต่เนื่องจากซาฟารีเสร็จช้า เราจึงตัดสินใจว่าการเดินทางนั้นยาวเกินไป และควรแวะพักที่ Tangalle เพื่อพักผ่อนสักคืนดีกว่า รวมระยะทางประมาณ 120 กม. ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 3 ชั่วโมง ค่ารถ 7,000LKR (ประมาณ 677 บาท) แต่เมื่อเราแชร์กับอีกสองคน เราจ่ายแค่ 1,750LKR ต่อคน (ประมาณ 170 บาท) เรามาถึง Tangalle เวลาประมาณ 21:00 น. และเช็คอินที่ห้องของเราที่ Kings Villa ทานอาหารเย็นอย่างรวดเร็วแล้วเข้านอน Day 6: Tangalle to Galle เนื่องจากเราไม่มีแผนสำหรับตอนเช้า เราจึงไม่ได้ตื่นเช้ามาก และช่วงเช้าจึงเดินไปตามชายหาดที่ Tangalle เพื่อหาที่ทานอาหารเช้า หลังจากใช้เวลาสองสามชั่วโมงสำรวจชายหาดของ Tangalle เราก็กลับมาที่ห้องของเราที่ Kings Villa เพื่อเช็คเอาท์แล้วไปที่ ป้ายรถเมล์ Tangalle เพื่อขึ้นรถบัสไปที่ Matara ซึ่งเราจะเปลี่ยนเป็นรถไฟ เพื่อไปต่อที่ Galle ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 45 กม. เมื่อเรามาถึง ป้ายรถเมล์ Matara เราสังเกตว่ามันตั้งอยู่ใกล้ชายหาด เราเลยตัดสินใจไปดู เราใช้เวลาสองสามชั่วโมงเดินไปตาม หาด Matara ชื่นชมทิวทัศน์และสำรวจบริเวณใกล้เคียง วัด Parewi Duwa ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ด้วยสะพาน เวลาประมาณ 14:00 น. เราไปที่ สถานีรถไฟ Matara เพื่อขึ้นรถไฟไปยัง Galle จุดหมายสุดท้ายของเราในทริปศรีลังกา เมื่อเรามาถึงที่ สถานีรถไฟ Matara เราจองตั๋วรถไฟขบวนแรกจาก Matara ถึง Galle เราโชคดีเพราะมีรถไฟรอออกหลังจากที่เรามาถึง ตั๋วราคา 80LKR ต่อคน (ประมาณ 8 บาท) และใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีเพื่อเดินทางไปยัง Galle ซึ่งอยู่ห่างจาก Matara ประมาณ 43 กม. เมื่อเรามาถึง Galle เราเช็คอินที่ห้องของเราที่ Pedlars Inn Hostel จากนั้นใช้เวลาช่วงบ่ายและเย็นเดินไปรอบ ๆ Galle เยี่ยมชมร้านกาแฟและร้านขายของฝากมากมาย รวมทั้ง Dutch Fort และ Galle Lighthouse Day 7: Galle to Colombo หลังจากที่พักผ่อนเต็มอิ่มแล้ว เราก็ออกจากโรงแรมเพื่อสำรวจท่องเที่ยวรอบ เมือง Galle เพื่อซื้อของฝาก เราไปเยี่ยมชม Dutch Reformed Church, Galle Clock Tower, และ National Maritime Museum จากนั้นไปรับประทานอาหารกลางวันที่เราชอบก็คือแกงกระหรี่ ที่ร้านอาหาร Mama's Galle Fort ซึ่งเราได้เมนูแกงกระหรี่ 10 อย่าง เราขอแนะนำให้คุณแวะร้านอาหารนี้ ในเมือง Galle หากคุณต้องการที่จะลิ้มลองรสชาติอาหารท้องถิ่นแบบโฮมเมด อยากจะบอกว่าอร่อยมาก หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ เราก็กลับไปที่ Pedlars Inn Hostel เพื่อเช็คเอาท์ จากนั้นเราก็เดินไปที่ สถานีรถไฟ Galle เพื่อขึ้นรถไฟไป Colombo เราจองตั๋วรถไฟสำหรับ Galle ไปยัง Colombo ล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ Visit Sri Lanka Tours เนื่องจากเราได้ยินมาว่าในเส้นทางนี้ รถไฟจะเต็มเร็วมาก แต่เมื่อเราขึ้นรถไฟแล้วมีที่นั่งว่าง เนื่องจากบริษัทนี้ตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักร เราจึงชำระค่าตั๋วเป็นเงินปอนด์ ตั๋วชั้นหนึ่งจาก Galle ถึง Colombo ราคา 11 ปอนด์ต่อคน (ประมาณ 472 บาท) รถไฟออกเดินทางเวลา 15:35 น. และเรามาถึงโคลัมโบหลังเวลา 18:00 น. ดังนั้นเวลาเดินทางทั้งหมดประมาณสองชั่วโมงครึ่ง หลังจากมาถึง สถานีรถไฟ Fort Colombo เราข้ามถนนและเดินไปที่ สถานี Bastian Mawatha ซึ่งมีรถประจำทางไปยัง สนามบิน Bandaranaike สถานีขนส่งวุ่นวายและสับสนยิ่งนัก แต่คนในท้องถิ่นเป็นมิตรมากและเต็มใจที่จะช่วยค้นหารถบัสที่ถูกต้อง เราได้รับแจ้งว่ารถบัสไปสนามบินมีทุก ๆ 30 นาที แต่ดูเหมือนว่าจะออกเดินทางเมื่อรถบัสเต็มเท่านั้น และสุดท้ายเราก็รอประมาณหนึ่งชั่วโมง ตั๋วราคา 130LKR ต่อคน (ประมาณ 13 บาท) และใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็ถึง สนามบิน Bandaranaike เนื่องจากช่วงนี้รถติดมาก เรามาถึงสนามบินเวลาประมาณ 20:00 น. เช็คอินเที่ยวบิน ผ่านการรักษาความปลอดภัย จากนั้นรับประทานอาหารเย็นและซื้อของฝาก และผ่อนคลายในสนามบินสองสามชั่วโมงเนื่องจากเที่ยวบินของเรายังอยู่ไม่ถึง เราบินกลับเมืองไทย เวลา 01 :30 น. การออกเดินทาง: Colombo - Bangkok เที่ยวบินของเรากับบินกับ สายการบินไทย ออกจาก สนามบิน Bandaranaike เวลา 01:30 น. เที่ยวบินใช้เวลา 3 ชั่วโมง 25 นาทีและเรามาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 06:25 น. จบทริปสำหรับ 7 วัน ในการเที่ยวศรีลังกาด้วยตัวเอง ครั้งแรกกับการที่เรากล้าที่จะหาเส้นทางใหม่ๆในการเดินทาง การค้นหาความชอบในการเดินทางท่องเที่ยว และเมื่อเรารู้เป้าหมายในการเดินทางของเราเป็นแบบไหนและเตรียมข้อมูลให้ละเอียดก็จะทำให้เราได้พบเจอกับสิ่งใหม่ๆ ประสบการณ์การเดินทางในแบบใหม่ ได้พบเจอเพื่อนใหม่ๆ ได้พบกับคนท้องถิ่นที่ใจดีและช่วยเหลือเราไปในทุกที่ ในการเดินทางครั้งนี้ เราดีใจเป็นอย่างมากที่เราเลือกประเทศศรีลังกา เพราะที่นี่ทำให้เราหลงรัก ทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรมและผู้คนที่ต้อนรับเราเป็นอย่างดี และหวังว่าเราจะกลับมาชมความสวยงามของที่นี่อีกครั้ง #srilanka #travelsrilanka #negombo #sigiriya #dambulla #kandy #ella #yala #yalanationalpark #tangalle #matara #galle #colombo #thaiairways #ศรีลังกา #เที่ยวศรีลังกา #เที่ยวเอง #เที่ยวศรีลังกาด้วยตัวเอง #แคนดี้ #เอลลา #กอลล์ #อุทยานแห่งชาติยะลา #โคลอมโบ #สิกิริยา #การบินไทย















