A WORLD EXPLORED
Search Results
พบ 86 ผลลัพธ์เมื่อไม่ระบุค่าการค้นหา
- แนะนำ 10 โรงแรมในย่านอุเอโนะ (Ueno) โตเกียว สำหรับเดินทางแบบครอบครัวและกลุ่มเพื่อนเดินทางตั้งแต่ 4 คนขึ้นไป - ที่พักสะอาด และเดินทางสะดวก ใกล้สถานีรถไฟ ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว คุ้มค่าคุ้มราคา
Ueno(อุเอโนะ) เป็นหนึ่งในย่านที่ดีที่สุดสำหรับการพักผ่อนในโตเกียวหากคุณเดินทางมากับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนหลายคน ย่านนี้ตั้งอยู่กลางเมือง ทำให้คุณสามารถเดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ อย่าง Ueno Park, Ueno Zoo และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ได้ง่ายๆ นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมต่อที่ดีด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ทำให้การเดินทางไปที่ต่างๆ ในเมืองสะดวกมาก ไม่ว่าคุณเดินทางพร้อมกับเด็กๆ พร้อมครอบครัว และกลุ่มเพื่อนหลายคน Ueno ก็มีสิ่งที่น่าสนใจสำหรับทุกคน และในครั้งนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ 10 โรงแรมที่ดีที่สุดในย่าน Ueno ที่เหมาะกับการเดินทางแบบครอบครัวและกลุ่มเพื่อนตั้งแต่ 4 คนขึ้นไป โรงแรมทั้งหมดนี้มีห้องพักที่กว้างขวาง ตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันสำหรับการพักผ่อนที่สบายและสนุกสนานกับการมาเที่ยวในครั้งนี้ 1. MONday Apart Premium UENO >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MONday Apart Premium UENO MONday Apart Premium Ueno มีห้องพักขนาดใหญ่พร้อมกับครัวและพื้นที่นั่งเล่น ซึ่งเหมาะสำหรับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนที่เดินทางด้วยกันหลายคน โรงแรมตั้งอยู่ใกล้สถานี Ueno ทำให้สะดวกในการเดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ เช่น Ueno Park และ Asakusa การมีครัวในห้องช่วยให้ครอบครัวสามารถทำอาหารทานเองได้ ทำให้ง่ายขึ้นกับบางช่วงเวลาที่ต้องการพักผ่อนและทานอาหาร >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MONday Apart Premium UENO ระดับดาว : 4 ดาว ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิวใน Agoda : Excellent (8.6) ราคาเฉลี่ยต่อคืน (ห้องสำหรับครอบครัว) : ประมาณ 5,700 - 9,500 บาท ++ สิ่งอำนวยความสะดวกที่มี : Wi-Fi ฟรี, ครัวขนาดเล็ก, เครื่องปรับอากาศ, ทีวีจอแบน, ตู้เย็น ระยะทางไปสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด : Ueno Station (0.9 กม.), Okachimachi Station (0.6 กม.), Ueno-okachimachi Station (1.0 กม.) ระยะทางไปสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง : Ueno Park (1.2 กม.), Ueno Zoo (1.4 กม.), Tokyo National Museum (1.5 กม.) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MONday Apart Premium UENO 2. MIMARU Tokyo Ueno North >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MIMARU Tokyo Ueno North MIMARU Tokyo Ueno North ให้บริการห้องพักขนาดกว้างที่มาพร้อมกับครัวและพื้นที่นั่งเล่นแยกต่างหาก ซึ่งเหมาะสำหรับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนที่เดินทางหลายคน ซึ่งสามารถเข้าพักได้ถึง 6 คน โรงแรมตั้งอยู่ใกล้สถานี Ueno ทำให้สะดวกในการเดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น Ueno Zoo และพิพิธภัณฑ์ โรงแรมยังมีบริการเครื่องซักผ้าและพื้นที่ให้ทุกคนได้ผ่อนคลาย จึงเหมาะสำหรับการเข้าพักระยะยาวหลายวัน >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MIMARU Tokyo Ueno North ระดับดาว : 4 ดาว ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิวใน Agoda : Excellent (8.8) ราคาเฉลี่ยต่อคืน (ห้องสำหรับครอบครัว) : ประมาณ 6,000 - 10,600 บาท ++ สิ่งอำนวยความสะดวกที่มี : Wi-Fi ฟรี, ครัวขนาดเล็ก, เครื่องปรับอากาศ, ทีวี, เครื่องซักผ้า/เครื่องอบผ้า, ตู้นิรภัย, ของใช้ในห้องน้ำ ระยะทางไปสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด : Ueno Station (0.8 กม.), Okachimachi Station (0.5 กม.), Ueno-okachimachi Station (0.9 กม.) ระยะทางไปสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง : Ueno Park (1.0 กม.), Ameyoko Market (0.6 กม.), Tokyo National Museum (1.3 กม.) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MIMARU Tokyo Ueno North 3. Minn Ueno >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Min Ueno Minn Ueno เป็นโรงแรมที่มีการออกแบบสมัยใหม่ที่มีห้องพักแบบอพาร์ตเมนต์ขนาดใหญ่พร้อมครัว ซึ่งเหมาะสำหรับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนที่เดินทางหลายคนที่ต้องการพื้นที่มากขึ้น โรงแรมตั้งอยู่ใกล้กับ Ueno Park และ Ueno Zoo ซึ่งสะดวกในการทำกิจกรรมที่เหมาะกับครอบครัว ราคาก็เหมาะสม และการมีครัวในห้องช่วยให้ครอบครัวสามารถประหยัดโดยการทำอาหารทานเอง >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Min Ueno ระดับดาว : 3 ดาว ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิวใน Agoda : Excellent (8.6) ราคาเฉลี่ยต่อคืน (ห้องสำหรับครอบครัว) : ประมาณ 5,900 - 13,000 บาท ++ สิ่งอำนวยความสะดวกที่มี : Wi-Fi ฟรี, ครัวขนาดเล็ก, เครื่องปรับอากาศ, ทีวีจอแบน, ตู้เย็น, ไมโครเวฟ, ตู้นิรภัย ระยะทางไปสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด : Ueno Station (0.7 กม.), Keisei Ueno Station (0.8 กม.), Ueno-okachimachi Station (0.8 กม.) ระยะทางไปสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง : Ueno Park (1.0 กม.), Ameyoko Market (0.5 กม.), Tokyo National Museum (1.5 กม.) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Min Ueno 4. MIMARU Tokyo Ueno Okachimachi >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MIMARU Tokyo Ueno Okachimachi MIMARU Tokyo Ueno Okachimachi ให้บริการด้วยห้องพักขนาดใหญ่พร้อมครัวและพื้นที่นั่งเล่นที่เหมาะสำหรับครอบครัวและกลุ่มเพื่อนที่เดินทางด้วยกันหลายๆคน โรงแรมตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวที่นิยม เช่น Ameyoko Market และ Ueno Park ทำให้มีสิ่งที่น่าสนใจให้ทำมากมายในบริเวณใกล้เคียง ห้องพักขนาดกว้างและการมีครัวในห้องทำให้สะดวกสะบายในการทำอาหารเอง >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MIMARU Tokyo Ueno Okachimachi ระดับดาว : 4 ดาว ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิวใน Agoda : Exceptional (9.2) ราคาเฉลี่ยต่อคืน (ห้องสำหรับครอบครัว) : ประมาณ 6,200 - 14,500 บาท ++ สิ่งอำนวยความสะดวกที่มี : Wi-Fi ฟรี, ครัวขนาดเล็ก, เครื่องปรับอากาศ, เครื่องซักผ้า/เครื่องอบผ้า, ทีวี, ตู้นิรภัย, ของใช้ในห้องน้ำ ระยะทางไปสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด : Okachimachi Station (0.4 กม.), Ueno Station (0.7 กม.), Ueno-okachimachi Station (0.9 กม.) ระยะทางไปสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง : Ameyoko Market (0.4 กม.), Ueno Park (1.0 กม.), Tokyo Metropolitan Art Museum (1.0 กม.) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MIMARU Tokyo Ueno Okachimachi 5. Nohga Hotel Ueno Tokyo >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Nohga Hotel Ueno Tokyo Nohga Hotel Ueno Tokyo เป็นโรงแรมสไตล์บูทีคที่มีห้องพักกว้างขวางเหมาะสำหรับการเดินทางแบบครอบครัวและกลุ่มเพื่อนหลายคน โรงแรมตั้งอยู่ใกล้กับ Ueno Park และพิพิธภัณฑ์ ทำให้สะดวกในการเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของโตเกียว บรรยากาศของโรงแรมค่อนข้างเงียบสงบและผ่อนคลาย เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการที่พักที่เงียบ แต่ยังใกล้สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญด้วย >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Nohga Hotel Ueno Tokyo ระดับดาว : 4 ดาว ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิวใน Agoda : Exceptional (9.1) ราคาเฉลี่ยต่อคืน (ห้องสำหรับครอบครัว) : ประมาณ 9,500 - 18,700 บาท ++ สิ่งอำนวยความสะดวกที่มี : Wi-Fi ฟรี, เครื่องปรับอากาศ, ร้านอาหาร, บาร์, ฟิตเนส,ของใช้ในห้องน้ำ ระยะทางไปสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด : Ueno Station (1.0 กม.), Keisei Ueno Station (1.0 กม.), Ueno-okachimachi Station (0.8 กม.) ระยะทางไปสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง : Ueno Park (1.1 กม.), Tokyo National Museum (1.3 กม.), Ameyoko Market (0.9 กม.) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Nohga Hotel Ueno Tokyo 6. MIMARU Tokyo Ueno East >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MIMARU Tokyo Ueno East MIMARU Tokyo Ueno East มีห้องพักขนาดใหญ่พร้อมครัวและพื้นที่นั่งเล่น ซึ่งเหมาะสำหรับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนหลายคน โรงแรมตั้งอยู่ใกล้กับสถานี Ueno ทำให้สะดวกในการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่นได้ง่าย เช่น Ueno Zoo และพิพิธภัณฑ์ ห้องพักมีพื้นที่กว้างขวางและการมีครัวในห้องช่วยให้ครอบครัวสามารถทำอาหารทานร่วมกันได้ >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MIMARU Tokyo Ueno East ระดับดาว : 4 ดาว ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิวใน Agoda : Excellent (8.8) ราคาเฉลี่ยต่อคืน (ห้องสำหรับครอบครัว) : ประมาณ 6,000 – 10,300 บาท ++ สิ่งอำนวยความสะดวกที่มี : Wi-Fi ฟรี, ครัวขนาดเล็ก, เครื่องปรับอากาศ, เครื่องซักผ้า/เครื่องอบผ้า, ทีวีจอแบน, ตู้นิรภัย ระยะทางไปสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด : Ueno Station (1.0 กม.), Okachimachi Station (0.7 กม.), Ueno-okachimachi Station (1.1 กม.) ระยะทางไปสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง : Ameyoko Market (0.7 กม.), Ueno Zoo (1.3 กม.), Ueno Park (1.2 กม.) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MIMARU Tokyo Ueno East 7. &Here Tokyo Ueno >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ &Here Tokyo Ueno &Here Tokyo Ueno เป็นโรงแรมที่ออกแบบสมัยใหม่ให้บริการห้องพักแบบอพาร์ตเมนต์พร้อมครัว เหมาะสำหรับเดินทางแบบครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนหลายคนที่ต้องการพื้นที่มากขึ้นและมีห้องครัวในการทำอาหาร โรงแรมตั้งอยู่ใกล้กับ Ueno Park และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ทำให้สะดวกในการทำกิจกรรมที่เหมาะกับครอบครัว ห้องพักและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เหมาะสำหรับการเข้าพักระยะยาวหลายวัน >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ &Here Tokyo Ueno ระดับดาว : 4 ดาว ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิวใน Agoda : Exceptional (9.0) ราคาเฉลี่ยต่อคืน (ห้องสำหรับครอบครัว) : ประมาณ 6,700 - 12,800 บาท ++ สิ่งอำนวยความสะดวกที่มี : Wi-Fi ฟรี, ครัวขนาดเล็ก, เครื่องปรับอากาศ, ทีวีจอแบน, ตู้เย็น ระยะทางไปสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด : Ueno Station (0.7 กม.), Keisei Ueno Station (0.8 กม.), Ueno-okachimachi Station (0.6 กม.) ระยะทางไปสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง : Ueno Park (1.0 กม.), Ameyoko Market (0.5 กม.), Tokyo National Museum (1.2 กม.) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ &Here Tokyo Ueno 8. MONday Apart Premium Ueno Okachimachi >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MONday Apart Premium Ueno Okachimachi MONday Apart Premium Ueno Okachimachi ให้บริการห้องพักขนาดใหญ่พร้อมครัวและพื้นที่นั่งเล่น ซึ่งเหมาะสำหรับการเดินทางแบบครอบครัวและกลุ่มเพื่อนหลายคน โรงแรมตั้งอยู่ใกล้กับสถานี Okachimachi ซึ่งทำให้สะดวกในการไปเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ เช่น Ueno Park และแหล่งช้อปปิ้งต่าง ๆ เช่น Ameyoko การมีห้องพักที่กว้างขวางและครัวสามารถทำอาหารเองได้ >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MONday Apart Premium Ueno Okachimachi ระดับดาว : 4 ดาว ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิวใน Agoda : Exceptional (9.0) ราคาเฉลี่ยต่อคืน (ห้องสำหรับครอบครัว) : ประมาณ 5,500–7,500 บาท สิ่งอำนวยความสะดวกที่มี : Wi-Fi ฟรี, ครัวขนาดเล็ก, เครื่องปรับอากาศ, ทีวี, ตู้เย็น, ไมโครเวฟ ระยะทางไปสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด : Okachimachi Station (0.4 กม.), Ueno Station (0.7 กม.), Ueno-okachimachi Station (0.5 กม.) ระยะทางไปสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง : Ameyoko Market (0.4 กม.), Ueno Park (1.1 กม.), Tokyo National Museum (1.3 กม.) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MONday Apart Premium Ueno Okachimachi 9. Hotel Wing International Select Ueno-Okachimachi >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hotel Wing International Select Ueno-Okachimachi Hotel Wing International Select Ueno-Okachimachi ให้บริการห้องพักที่สะอาดและสะดวกสบายราคาไม่แพง ซึ่งเหมาะสำหรับครอบครัวและกลุ่มเพื่อนที่เดินทางหลายคน โรงแรมตั้งอยู่ใกล้กับ Ueno Park และแหล่งช้อปปิ้ง ทำให้สะดวกในการเดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ห้องพักสำหรับครอบครัวมีขนาดใหญ่พอสำหรับทุกคน และตำแหน่งที่ตั้งใกล้กับระบบขนส่งสาธารณะทำให้การเดินทางไปที่ต่าง ๆ ในโตเกียวได้สะดวกมากขึ้น >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hotel Wing International Select Ueno-Okachimachi ระดับดาว : 3 ดาว ⭐⭐⭐ คะแนนรีวิวใน Agoda : Excellent (8.0) ราคาเฉลี่ยต่อคืน (ห้องสำหรับครอบครัว) : ประมาณ 5,000–6,500 บาท สิ่งอำนวยความสะดวกที่มี : Wi-Fi ฟรี, เครื่องปรับอากาศ, อาหารเช้า, ทีวี, ตู้เย็น, ตู้นิรภัย ระยะทางไปสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด : Okachimachi Station (0.4 กม.), Ueno Station (0.8 กม.), Ueno-okachimachi Station (0.5 กม.) ระยะทางไปสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง : Ameyoko Market (0.5 กม.), Ueno Park (1.1 กม.), Tokyo National Museum (1.3 กม.) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hotel Wing International Select Ueno-Okachimachi 10. MIMARU Tokyo Ueno Inaricho >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MIMARU Tokyo Ueno Inaricho MIMARU Tokyo Ueno Inaricho ให้บริการห้องพักขนาดใหญ่พร้อมครัว เหมาะสำหรับครอบครัวหรือกลุ่มที่ต้องการพื้นที่มากขึ้น โรงแรมตั้งอยู่ใกล้กับสถานี Inaricho และอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวเช่น Ueno Park และพิพิธภัณฑ์ ห้องพักมีขนาดกว้างขวางและโรงแรมมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสำหรับครอบครัว เช่น เครื่องซักผ้า ซึ่งทำให้สะดวกสำหรับการเข้าพักระยะยาวหลายวัน >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MIMARU Tokyo Ueno Inaricho ระดับดาว : 4 ดาว ⭐⭐⭐⭐ คะแนนรีวิวใน Agoda : Excellent (8.5) ราคาเฉลี่ยต่อคืน (ห้องสำหรับครอบครัว) : ประมาณ 6,500–8,500 บาท สิ่งอำนวยความสะดวกที่มี : Wi-Fi ฟรี, ครัวขนาดเล็ก, เครื่องปรับอากาศ, เครื่องซักผ้า/เครื่องอบผ้า, ทีวีจอแบน, ตู้นิรภัย ระยะทางไปสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด : Inaricho Station (0.3 กม.), Ueno Station (1.0 กม.), Asakusa Station (1.2 กม.) ระยะทางไปสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง : Ueno Park (1.2 กม.), Ameyoko Market (0.8 กม.), Tokyo National Museum (1.4 กม.) >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MIMARU Tokyo Ueno Inaricho โรงแรมทั้ง 10 แห่งในย่าน Ueno เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเดินทางในแบบครอบครัวและกลุ่มเพื่อนหลายๆคนที่ต้องการเดินทางมาเยือนเมืองโตเกียว โรงแรมเหล่านี้มีห้องพักที่กว้างขวาง มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสำหรับครอบครัวและกลุ่มเพื่อน เช่น ครัวขนาดเล็กและบริการซักรีด และตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ทำให้การพักผ่อนของคุณสะดวกสบายและสนุกสนาน Ueno เป็นย่านที่เหมาะกับการพักผ่อนเพราะตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก การเดินทางก็ง่าย และมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เช่น Ueno Park, Ueno Zoo และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าคุณจะไปเที่ยวชมเมืองหรือพักผ่อนหลังจากวันท่องเที่ยว Ueno ก็เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนในโตเกียว
- เที่ยวเซี่ยงไฮ้ 15 สถานที่ห้ามพลาด แลนด์มาร์คสุดฮิต ที่คุณต้องเห็นด้วยตาตัวเอง
ทำไมต้องมาเที่ยวที่เซี่ยงไฮ้ เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยชีวตชีวาที่ไม่เคยหลับใหลและเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ผสมผสานความเก่าแก่เข้ากับความล้ำสมัยได้อย่างลงตัว โดยมีวัดโบราณและสวนแบบดั้งเดิมตั้งอยู่เคียงข้างกับตึกระฟ้าสูงตระหง่านและอาคารล้ำยุค เมื่อเดินผ่านถนนในเซี่ยงไฮ้ คุณจะสัมผัสได้ถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมือง และได้เห็นสไตล์แบบใหม่ที่ทันสมัย ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบวัฒนธรรม สายประวัติศาสตร์ สายช้อปปิ้ง สายกิน สายอาร์ต เซี่ยงไฮ้ก็มีสิ่งที่ตอบโจทย์ทุกคน เมืองนี้ยังมีสถานที่มากมายให้เราได้เดินทางท่องเที่ยว ทำให้เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์ ศิลปะ ธรรมชาติ และความตื่นเต้น สถานที่ท่องเที่ยว 15 แห่งในเซี่ยงไฮ้ที่ห้ามพลาดและเป็นแลนด์มากสำคัญที่เมื่อใครมาเที่ยวที่เซี่ยงไฮ้ต้องมาให้ได้ และสถานที่ท่องเที่ยวในเซี่งไฮ้หลายแห่งสามารถจองได้อย่างง่ายๆผ่านเว็บไซต์และแอป เช่น Klook และ Trip.com เพื่อให้การเดินทางของคุณในเซี่ยงไฮ้สนุกสนานอย่างเต็มที่ 1.เดอะบันด์(The Bund) 外滩 The Bund (เดอะบันด์) เที่ยวเซี่ยงไฮ้เดอะบันด์ เป็นพื้นที่ริมแม่น้ำที่มีชื่อเสียงซึ่งเรียงรายไปด้วยอาคารเก่าแก่ที่สวยงามจากยุคอาณานิคม เมื่อเดินไปตามทางเดินเลียบแม่น้ำ คุณจะได้ชมทิวทัศน์อันสวยงามของตึกระฟ้าในแบบที่ทันสมัยที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำในผู่ตง โดยจะยิ่งสวยงามเป็นพิเศษในช่วงพระอาทิตย์ตกหรือตอนกลางคืนที่แสงไฟจากเมืองส่องประกายบนผิวน้ำ การเดินทางมาเที่ยวที่เดอะบันด์เซี่ยงไฮ้ 📍 ที่ตั้ง: ถนน Zhongshan East 1st เขต Huangpu 🕒 เวลาเปิดทำการ: เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ขอแนะนำว่าช่วงพระอาทิตย์ตกหรือกลางคืน จะสวยมาก 🤑 ค่าเข้าชม: ฟรี ⛴️ แต่ถ้าต้องการค่าล่องเรือ จะมีค่าบริการราคาประมาณ 120-200 หยวน (660-1,100 บาท) ℹ️ เคล็ดลับ: จองล่องเรือแม่น้ำ Huangpu ตอนกลางคืนกับ Klook เพื่อจะได้ชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองจากที่สท้อนภาพบนแม่น้ำ 2.สวนหยู่ ( Yu Garden) 豫园 Yu Garden (สวนหยู่) เป็นสวนจีนที่สวยงามและเงียบสงบใจกลางเมือง ภายในสวนมีบ่อน้ำที่สวยงาม หินรูปร่างแปลกตา สะพานแบบดั้งเดิม และร้านน้ำชาเก่าแก่ที่คุณสามารถพักผ่อนได้ การเดินผ่านสวนแห่งนี้ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปในอดีต ทำให้ที่นี่เป็นสวนที่เงียบสงบและหลีกหนีจากความวุ่นวายในเมือง 📍 ที่ตั้ง: 218 ถนน Anren เขต Huangpu 🕒 เวลาเปิดทำการ: 08:30 – 17:30 น. 🤑 ค่าเข้าชม: ประมาณ 40 หยวน (220 บาท) สามารถซื้อบัตรได้ที่ Klook ℹ️ เคล็ดลับ: ควรมาแต่เช้าเพราะคนจะไม่ค่อยเยอะ และเดินเที่ยวตลาดเมืองเก่าที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อซื้อขนมและของฝาก ของที่ระลึกท้องถิ่น 3.เซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์ (Shanghai Disneyland) 上海迪士尼乐园 Shanghai Disneyland (เซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์) เป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเครื่องเล่น ขบวนพาเหรด และการแสดงที่น่าตื่นเต้น สวนสนุกแห่งนี้ผสมผสานความมหัศจรรย์ของดิสนีย์คลาสสิกเข้ากับวัฒนธรรมจีนเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครและสนุกสนานสำหรับผู้เยี่ยมชมทุกวัย มีรถไฟเหาะที่น่าตื่นเต้นและปราสาทเจ้าหญิงอันมหัศจรรย์ ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการผจญภัยและความสนุกสนาน 📍 ที่ตั้ง: เขตผู่ตงใหม่ ใกล้กับเมืองชวนซา 🕒 เวลาเปิดทำการ: 09.00 – 20.00 น. (เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล) 🤑 ค่าเข้าชม: ประมาณ 399 หยวน (2,195 บาท) สามารถจองตั๋วได้ทาง Klook ℹ️ เคล็ดลับ: ซื้อตั๋วล่วงหน้าทาง Klook แนะนำให้ไปในวันธรรมดาคนจะไม่เยอะมาก 4. เซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์ ( Shanghai Tower) 上海中心大厦 Shanghai Tower (เซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์) เป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศจีนและสูงเป็นอันดับสองของโลก จากจุดชมวิว คุณสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันน่าทึ่งของเมืองได้ 360 องศา หรือแม้แต่สถานที่ห่างไกลสำหรับในวันที่ท้องฟ้าเปิดอากาศแจ่มใส การออกแบบอาคารนี้บิดขึ้นไปด้านบนเหมือนเกลียว ทำให้เป็นสถาปัตยกรรมอันมหัศจรรย์ในยุคใหม่ 📍 ที่ตั้ง: 501 Yincheng Middle Rd, Lujiazui, Pudong 🕒 เวลาเปิดทำการ: 09:00 – 21:00 น. 🤑 ค่าเข้าชม: ประมาณ 180 หยวน (990 บาท) สามารถซื้อบัตรได้ที่ Klook ℹ️ เคล็ดลับ: ควรมาในช่วงบ่ายแก่ๆ เพื่อชมพระอาทิตย์ตกและชมเมืองที่สว่างไสวในยามค่ำคืน 5. เถียนซีฟาง ( Tianzifang) 田子坊 Tianzifang (เถียนซีฟาง) เป็นย่านศิลปะและงานฝีมือที่มีชีวิตชีวาซึ่งซ่อนตัวอยู่ในเขตการปกครองฝรั่งเศสเก่า มีตรอกซอกซอยแคบๆ ที่เต็มไปด้วยร้านค้าสีสันสดใส แกลเลอรี และร้านกาแฟบรรยากาศอบอุ่น คุณจะพบกับของที่ระลึกงานแฮนด์เมด งานศิลปะท้องถิ่น และเพลิดเพลินกับการแสดงริมถนนขณะสำรวจส่วนที่มีเสน่ห์แห่งนี้ของเมือง 📍 ที่ตั้ง: ถนน Taikang เขต Huangpu 🕒 เวลาเปิดทำการ: 10.00 – 22.00 น. 🤑 ค่าเข้าชม: ฟรี ℹ️ เคล็ดลับ: ควรมาเยี่ยมชมในช่วงเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่บริเวณนี้จะคึกคักไปด้วยดนตรี แผงขายอาหาร และบรรยากาศที่สนุกสนาน 6. ซินเทียนตี้ ( Xintiandi ) 新天地 Xintiandi (ซินเทียนตี้) เป็นย่านถนนคนเดินที่มีสไตล์ซึ่งเต็มไปด้วยบ้านเรือนสไตล์ เซี่ยงไฮ้เก่าๆ รวมถึงร้านค้า บาร์ และร้านอาหารสุดเก๋ไก๋ ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การเพลิดเพลินกับอาหารอร่อย ช้อปปิ้งเสื้อผ้าสุดเก๋ หรือเพียงแค่ใช้เวลาช่วงเย็นอย่างผ่อนคลายกับเพื่อนๆ ย่านนี้มีบรรยากาศที่คึกคักแต่ยังคงมีความรู้สึกถึงประวัติศาสตร์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว 📍 ที่ตั้ง: Lane 181, Taicang Rd, Huangpu District 🕒 เวลาเปิดทำการ: ร้านค้า 11.00 – 22.00 น. 🤑 ค่าเข้า: ฟรี ℹ️ เคล็ดลับ: ลองไปที่บาร์บนดาดฟ้าเพื่อชมวิวเมืองอันสวยงามและบรรยากาศผ่อนคลายหลังจากทานอาหารเย็นแล้ว 7. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเซี่ยงไฮ้ ( Shanghai Ocean Aquarium ) 上海海洋水族馆 Shanghai Ocean Aquarium เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียและมีอุโมงค์ใต้น้ำที่ยาวมาก คุณสามารถมองเห็นสัตว์ทะเลหลายชนิดว่ายน้ำอยู่เหนือและรอบๆ ตัวคุณ รวมถึงฉลาม ปลากระเบน และปลาในเขตร้อนที่มีสีสันสดใส เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับครอบครัวหรือผู้ที่สนใจชีวิตใต้ท้องทะเล 📍 ที่ตั้ง: 1388 Lujiazui Ring Rd, Pudong 🕒 เวลาเปิดทำการ: 09.00 – 18.00 น. 🤑 ค่าเข้าชม: ประมาณ 160 หยวน (880 บาท) สามารถซื้อบัตรได้ที่ Klook ℹ️ เคล็ดลับ: ควรไปเยี่ยมชมในวันธรรมดาเพราะคนจะไม่ค่อยเยอะ 8. ถนนนานจิง ( Nanjing Road ) 南京路 Nanjing Road (ถนนหนานจิง) เป็นถนนช้อปปิ้งที่มีผู้คนพลุกพล่านและมีชื่อเสียงที่สุดในเซี่ยงไฮ้ มีตั้งแต่ห้างสรรพสินค้าหรูหราขนาดใหญ่ไปจนถึงร้านค้าท้องถิ่นขนาดเล็กและแผงขายอาหารริมถนน ถนนสายนี้คึกคักทั้งกลางวันและกลางคืน ทำให้เหมาะสำหรับการจับจ่ายซื้อของ ลิ้มลองรสชาติอาหารที่หลากหลายและได้เจอผู้คนที่ออกมาเดินเล่นกัน 📍 ที่ตั้ง: ถนนเริ่มตั้งแต่ People’s Square ไปจนถึง The Bund 🕒 เวลาเปิดทำการ: 10.00 – 22.00 น. 🤑 ค่าเข้าชม: ฟรี ℹ️ เคล็ดลับ: ควรมาเยี่ยมชมเดินในตอนกลางคืน เมื่อแสงไฟหลากสีสันทำให้ถนนสว่างไสวและบรรยากาศจะน่าตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น 9. จัตุรัสประชาชน ( People's Square ) 人民广场 People's Square (จัตุรัสประชาชน) เป็นพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ในใจกลางเมือง รายล้อมไปด้วยสวนสาธารณะ พิพิธภัณฑ์ และศูนย์การค้า เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับทั้งคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อน ถ่ายรูป หรือเยี่ยมชมสถานที่ทางวัฒนธรรมในบริเวณใกล้เคียง บริเวณนี้เหมาะสำหรับการเดินเล่นและดื่มด่ำกับชีวิตในเมืองที่พลุกพล่านของเซี่ยงไฮ้ 📍 ที่ตั้ง: เขตหวงผู่ 🕒 เวลาเปิดทำการ: เปิดตลอด 24 ชั่วโมง 🤑 ค่าเข้าชม: ฟรี ℹ️ เคล็ดลับ: หลังจากเยี่ยมชมจัตุรัสแล้ว ลองไปเดินเล่ยนที่ศูนย์การค้าอันหรูหราใกล้เคียง เช่น Plaza 66 10. วัดจิ้งอัน ( Jing’an Temple ) 静安寺 Jing'an Temple (วัดจิ้งอัน) เป็นวัดพุทธที่สวยงามและเงียบสงบ ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ ภายในมีรูปปั้นที่วิจิตรบรรจง ตกแต่งด้วยทองคำ และมีสวนที่เงียบสงบซึ่งผู้มาเยือนสามารถนั่งสมาธิและผ่อนคลาย วัดแห่งนี้เป็นสถานที่ทางจิตวิญญาณที่สำคัญและเป็นสถานที่สงบเงียบท่ามกลางความวุ่นวายของเมือง 📍 ที่ตั้ง: 1686 Nanjing W Rd, Jing’an District 🕒 เวลาเปิดทำการ: 07:00 – 17:00 น. 🤑 ค่าเข้าชม: ประมาณ 50 หยวน (275 บาท) ℹ️ เคล็ดลับ: ควรมาเยี่ยมชมในช่วงสวดมนต์ตอนเช้าเพื่อสัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่พิเศษ 11. วัดและเจดีย์หลงหัว ( Longhua Temple and Pagoda ) 龙华寺 Longhua Temple (วัดหลงหัว) เป็นวัดที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในเซี่ยงไฮ้ มีชื่อเสียงจากเจดีย์ที่สวยงามและอาคารแบบดั้งเดิม วัดแห่งนี้ทำให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับชีวิตทางศาสนาและประวัติศาสตร์ของจีน ในช่วงเทศกาล วัดแห่งนี้จะคึกคักไปด้วยการตกแต่งและมีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาด้วย 📍 ที่ตั้ง: 2853 Longhua Rd, Xuhui District 🕒 เวลาเปิดทำการ: 07:30 – 17:00 น. 🤑 ค่าเข้าชม: ประมาณ 20 หยวน (110 บาท) ℹ️ เคล็ดลับ: มาเที่ยวในช่วงตรุษจีนเพื่อชมการตกแต่งตามเทศกาลและประเพณีท้องถิ่น 12. เซี่ยงไฮ้ เซอร์คัส เวิลด์ ( Shanghai Circus World ) 上海马戏城 เซี่ยงไฮ้ เซอร์คัส เวิลด์ (Shanghai Circus World) เป็นสถานที่จัดการแสดงกายกรรมอันน่าทึ่งที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมด้วยการแสดงผาดโผนและศิลปะจีนแบบดั้งเดิม การแสดงประกอบด้วยการตีลังกา การทรงตัว และดนตรีสด ทำให้เป็นประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่น่าตื่นเต้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการออกไปเที่ยวกับเพื่อนหรือครอบครัว 📍 ที่ตั้ง: 2266 Gonghexin Rd, Putuo District 🕒 เวลาเปิดทำการ: เวลาการแสดงอาจแตกต่างกัน ตรวจสอบตารางเวลาได้ 🤑 ค่าเข้าชม: 160-300 หยวน (880-1,650 บาท) ซื้อบัตรได้ที่ Klook ℹ️ เคล็ดลับ: จองตั๋วได้ที่ Klook ล่วงหน้าเพื่อให้ได้ที่นั่งที่ดีที่สุด เพราะถ้าไปซื้อที่จัดแสดงตั๋วอาจจะเต็มก่อนอาจจะพลาดไม่ได้ชมการแสดง 13. หอไข่มุกตะวันออก (The Oriental Pearl Tower) 东方明珠电视塔 หอไข่มุกตะวันออก (The Oriental Pearl Tower) เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่มีชื่อเสียงที่สุดของเซี่ยงไฮ้ ตั้งอยู่ในย่านหลู่เจียจุ่ยอันล้ำยุคของผู่ตง หอคอยแห่งนี้มีความสูง 468 เมตร และมีจุดชมวิวหลายจุด รวมถึงทางเดินลอยฟ้าพื้นกระจกอันน่าตื่นตาตื่นใจ นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร และห้องอาหารหมุนที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองได้แบบพาโนรามา 📍 ที่ตั้ง: หอไข่มุกตะวันออก, 1 Century Ave, เขตผู่ตง, เซี่ยงไฮ้ 🕒 เวลาเปิดทำการ: 09.00 – 21.00 น. (เข้าชมรอบสุดท้ายเวลา 20.30 น.) 🤑 ค่าเข้าชม: 160–220 หยวน ขึ้นอยู่กับระดับจุดชมวิวที่เลือก ℹ️ เคล็ดลับ: ไปช่วงก่อนพระอาทิตย์ตกเพื่อชมวิวทั้งกลางวันและกลางคืน แนะนำให้หลีกเลี่ยงวันหยุดสุดสัปดาห์เพราะคนอาจจะเยอะมาก 14. เมืองโบราณฉีเป่า ( Qibao Ancient Town ) 七宝古镇 เมืองโบราณฉีเป่า ( Qibao Ancient Town) เป็นเมืองอันมีเสน่ห์ในเซี่ยงไฮ้ที่มีถนนเก่า คลอง และร้านค้าเล็กๆ คุณสามารถลิ้มรสขนมท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง เช่น เค้กข้าวเหนียว และเพลิดเพลินกับการล่องเรือผ่านคลองอันเงียบสงบ ให้ความรู้สึกเหมือนก้าวเข้าไปในหมู่บ้านเก่าๆและเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ 📍 ที่ตั้ง: เมือง Qibao เขต Minhang 🕒 เวลาเปิดทำการ: 09.00 – 18.00 น. 🤑 ค่าเข้าชม: ฟรี ℹ️ เคล็ดลับ: ควรไปแต่เช้าเพื่อหลีกเลี่ยงผู้คนที่อาจจะมาเยอะ และลองชิมอาหารริมทางเพื่อลิ้มลองรสชาติอาหารท้องถิ่นแท้ๆ 15. วัดพระหยก ( Jade Buddha Temple ) 玉佛禅寺 Jade Buddha Temple (วัดพระหยก) เป็นวัดพุทธชื่อดังในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องพระพุทธรูปหยกแกะสลักอันงดงามจากพม่าสององค์ ภายในวัดมีบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับการทำสมาธิและการเยี่ยมชมทางศาสนา โครงสร้างสถาปัตยกรรมแบบจีนดั้งเดิมผสมผสานกับรายละเอียดที่ประณีต เป็นหนึ่งในจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสวัฒนธรรมและศาสนาในเซี่ยงไฮ้ได้อย่างลึกซึ้ง 📍 ที่ตั้ง: 170 Anyuan Road, Jing’an District, Shanghai 🕒 เวลาเปิดทำการ: 8:00 AM – 4:30 PM 🤑 ค่าเข้าชม: 20–30 หยวน (ประมาณ 100–150 บาท) ℹ️ เคล็ดลับ: แต่งกายสุภาพและให้เงียบในระหว่างเยี่ยมชมวัด เพื่อให้เกียรติสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และสามารถซื้อเครื่องรางนำโชคจากร้านค้าภายในวัดได้ สรุป เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม ความเป็นมาทางด้านประวัติศาสตร์ และความแตกต่างในแต่ละพื้นที่และได้มีการผสมผสานอย่างลงตัว ตั้งแต่สวนและวัดเก่าแก่ไปจนถึงถนนช้อปปิ้งอันคึกคักและหอคอยล้ำยุคล้ำสมัย เมืองนี้มีสิ่งพิเศษบางอย่างสำหรับนักเดินทางทุกคน คุณสามารถจองสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเหล่านี้ได้อย่างง่ายดายผ่าน Klook และ Trip.com ทำให้การเยี่ยมชมของคุณราบรื่น ไม่ต้องเครียดและไม่ต้องกังวล ไม่ว่าคุณจะต้องการเพลิดเพลินกับสถานที่ทางวัฒนธรรม ลองชิมอาหารท้องถิ่น ร้านค้า หรืออยากช้อปปิ้ง ทุกอย่างก็จะทำให้ง่ายมากยิ่งขึ้น การเดินทางในเซี่ยงไฮ้ เที่ยวได้ง่ายๆด้วยตัวคุณเอง
- เดินทางท่องเที่ยวประเทศฟิลิปปินส์ 10 วัน 9 คืน - เที่ยว 3 เกาะ >เที่ยวเกาะ Bohol > เที่ยวเกาะ Cebu >เที่ยวเกาะ Boracay
ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่สวยงาม ประกอบด้วยเกาะมากกว่า 7,000 เกาะ มีสิ่งที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยวในทุกแบบ ไม่ว่าคุณจะอยากพักผ่อนบนชายหาดที่สวยงาม เที่ยวภูเขาอันเขียวขจี หรือดำดิ่งสู่โลกใต้น้ำ สวรรค์เขตร้อนแห่งนี้มีทุกสิ่งที่คุณต้องการ ด้วยวัฒนธรรมอันหลากหลาย คนท้องถิ่นที่เป็นมิตร และทิวทัศน์ที่สวยงาม ฟิลิปปินส์จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่จะทำให้คุณไม่มีวันลืม ถ้าพร้อมแล้วเราไปสำรวจประเทศอันสวยงามแห่งนี้กัน ทริปของเราไปเที่ยวประเทศฟิลิปปินส์รวม 10 วัน 9 คืน โดยเราไปเยี่ยมชมเกาะ 3 เกาะ ได้แก่ Bohol, Cebu และ Boracay Day 1 (BKK - MNL -TAG) เดินทางจากกรุงเทพไปยังประเทศฟิลิปปินส์ เราเริ่มการเดินทางด้วยเที่ยวบินเช้าตรู่ของสายการบินไทยจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปยัง Ninoy Aquino International Airport ใน Manila เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ เที่ยวบินของเราออกเดินทางเวลา 07:40 น. และมาถึงในเวลา 12:00 น. โดยใช้เวลาบินทั้งหมด 3 ชั่วโมง 20 นาที หลังจากมาถึง Ninoy Aquino International Airportแล้ว เราต้องผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร ก่อนจะต่อเครื่องบินภายในประเทศกับสายการบิน Cebu Pacific Airlines ไปยัง Tagbilaran International Airport ใน Bohol เคล็ดลับการเดินทาง: หากคุณมีเที่ยวบินต่อเครื่องที่มะนิลา เราขอแนะนำให้คุณเผื่อเวลาอย่างน้อย 4 ชั่วโมงระหว่างเที่ยวบิน เนื่องจากคิวตรวจคนเข้าเมืองอาจยาวมาก และบางครั้งคุณอาจต้องขึ้นรถบัสระหว่างอาคารผู้โดยสารซึ่งห่างกันประมาณ 10-15 นาที ตรวจสอบรายละเอียดเที่ยวบินและ Terminal ของสนามบินให้ถูกต้อง และสำหรับการเดินทางมาที่ประเทศฟิลิปปินส์นักท่องเที่ยวต้องลงทะเบียน e-Travel ก่อน 72 ชั่วโมง ที่จะเดินทางเข้าประเทศฟิลิปปินส์ หลังจากเที่ยวบินที่ล่าช้า เราก็ออกเดินทางจาก Ninoy Aquino International Airport เวลา 19:55 น. และมาถึง Tagbilaran International Airport (Bohol) เวลา 21:30 น. หลังจากใช้เวลาบินไป 1 ชั่วโมง 35 นาที หลังจากมาถึง Tagbilaran International Airport ใน Bohol แล้ว เราก็จอง Grab Taxi เพื่อไปที่ที่พักของเราที่ Villa Kasadya ค่ารถ Grab เพียง 140 PHP (ประมาณ 84 บาท) และใช้เวลาเดินทางเพียง 10 นาทีเท่านั้น เคล็ดลับการเดินทาง: หากคุณติดตั้งแอป Grab ไว้ในโทรศัพท์แล้ว คุณสามารถเริ่มใช้แอปได้ทันทีเมื่อเดินทางมาถึงฟิลิปปินส์ มีรถ Grab มากมายและเป็นวิธีการเดินทางระหว่างจุดหมายปลายทางในราคาถูกมาก ระหว่างที่เราอยู่ที่เมืองโบโฮล เราได้จองที่พักไว้ 3 คืน และเราพักกันที่นี่ Villa Kasadya อันสวยงาม ซึ่งอยู่ห่างจาก Tagbilaran International Airport โดยใช้เวลาขับรถเพียง 10 นาที และห่างจาก Alona Beach ชายหาดและทะเลอันสวยงามของที่นี่และใช้เวลาเดินไปชายหาดเพียง 5 นาที Villa Kasadya >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Villa Kasadya Day 2 เที่ยวเกาะ Bohol Island Tour เราเริ่มต้นวันที่สองของการเดินทางด้วยอาหารเช้าแสนอร่อยที่ Isis Thai Restaurant หนึ่งในร้านอาหารมากมายที่ตั้งอยู่บนชายหาด Alona ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักของเราที่ Villa Kasadya โดยใช้เวลาเดินเพียง 5 นาที หลังรับประทานอาหารเช้า เราใช้เวลาเพลิดเพลินไปกับลมทะเลและทิวทัศน์อันสวยงามที่ Alona Beach ก่อนที่เราจะกลับไปที่ Villa Kasadya เพื่อเตรียมตัวสำหรับทัวร์ส่วนตัวของเราที่เกาะ Bohol เนื่องจากเราเดินทางเป็นกลุ่ม 6 คน เราจึงตัดสินใจว่าทางเลือกที่ดีที่สุดคือจองรถตู้พร้อมคนขับเพื่อพาเราไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ บนเกาะ Bohol ราคา 2,000 เปโซฟิลิปปินส์ต่อคน (ประมาณ 1,200 บาท) และทัวร์ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 9 ชั่วโมง เคล็ดลับการเดินทาง : หากคุณเดินทางท่องเที่ยวฟิลิปปินส์กับครอบครัวหรือเป็นกลุ่ม เราขอแนะนำให้คุณเข้าไปที่ Klook ซึ่งคุณจะพบกับทัวร์และประสบการณ์ต่างๆ มากมายในราคาไม่แพง ใน Bohol สถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งอยู่ห่างไกลกัน ดังนั้นการจองรถตู้พร้อมคนขับจึงเป็นวิธีที่สะดวกสบายในการเดินทางท่องเที่ยว คนขับรถมารับเราที่ Villa Kasadya เวลา 10.00 น. และพาเราไปรอบๆ เกาะเพื่อเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ก่อนจะส่งเรากลับที่พักในเวลาประมาณ 19.00 น. ในระหว่างทัวร์เกาะ Bohol เราได้ไปเยี่ยมชม Baclayon Church (โบสถ์ปะการัง), Blood Compact Shrine, แม่น้ำ Loboc, Tarsier Sanctuary, Bilar Man-Made Forest และ Chocolate Hills. Baclayon Church (Coral Church) The Blood Compact Shrine Loboc River Tarsier Sanctuary Bilar Man-Made Forest Sevilla Twin Hanging Bridge Chocolate Hills หลังจากที่เราใช้เวลาทั้งวันในการเดินทางท่องเที่ยวในสถานที่ต่างใน Bohol เราก็กลับมาถึงที่พักของเราวิลล่าคาซาดยาและไปทานอาหารเย็นที่ "ร้าน HAYAHAY Resort and Restaurant" บน Alona Beach ก่อนจะพักผ่อนสำหรับค่ำคืนนี้ Day 3 เดินทางเที่ยวเกาะ Balicasag Island Tour เราเริ่มวันใหม่อีกครั้งด้วยอาหารเช้าแสนอร่อยที่ "ร้าน Pyramid Beach Resort" บน Alona Beach ก่อนที่เราจะออกเรือไปกับทัวร์ที่เราจองไว้ เพื่อไปเที่ยวเกาะในท้องถิ่นที่อยู่ไม่ไกล ดำน้ำดูปลาและเต่า ขณะเดินไปทานอาหารเช้า เราได้พูดคุยกับไกด์ท้องถิ่นซึ่งเสนอทัวร์ให้เรานั่งเรือ Bangka (เรือแบบดั้งเดิมของฟิลิปปินส์) ไปยัง Balicasag Island ที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อดำน้ำตื้น เนื่องจากเราไม่มีแผนอะไร เราจึงตัดสินใจว่านี่จะเป็นกิจกรรมที่น่าสนุกและผ่อนคลายในวันนี้ เมื่อเราทานข้าวเช้าเสร็จเราก็กลับไปเตรียมกระเป๋าและของสิ่งจำเป็นเพื่อออกเรือไปเที่ยวเกาะกัน เราออกเดินทางประมาณ 11.00 น. และการนั่งเรือจาก Alona Beach ไปยัง Balicasag Island ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง และเมื่อเรามาถึง เราก็พบสถานที่พักผ่อนบนชายหาดก่อนที่จะออกไปดำน้ำตื้นกับไกด์ท้องถิ่น หลังจากใช้เวลาช่วงเช้าไปกับการดำน้ำตื้นแล้ว เราก็ทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารท้องถิ่นบน Balicasag Island และใช้เวลาว่ายน้ำและพักผ่อนบนชายหาดสักพัก ก่อนจะกลับมายัง Alona Beach ในเวลาประมาณ 15.00 น. สำหรับในคืนสุดท้ายของเราใน Bohol โดยเดินเข้าไปดูในตัวเมืองหลัก Panglao ซึ่งเต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร คาเฟ่ และบาร์มากมาย เราได้เลือกทานอาหารเย็นกันที่ร้านอาหาร Kajun Bohol อาหารอร่อยมีเมนูให้เลือกที่หลากหลาย และเมื่ออิ่มอร่อยแล้วเราก็กลับไปที่ Villa Kasadya เพื่อพักผ่อนสำหรับค่ำคืนนี้ที่ Bohol Day 4 เดินทางไปเมืองเซบู Boat to Cebu ในวันที่สี่ของทริปฟิลิปปินส์ของเรา วันนี้เราเดินเข้าไปในตัวเมืองเพื่อทานอาหารเช้า ที่ร้าน Comoda restaurant และแวะซื้อของฝาก ก่อนที่จะเก็บกระเป๋าเพื่อเตรียมออกเดินทางจาก Bohol ไปยังจุดหมายปลายทางถัดไปของเราที่ Cebu เราจองรถตู้เพื่อมารับจากที่พัก Villa Kasadya เพื่อเดินทางไปยัง Tagbilaran Pier ในราคาประมาณ 600 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที เราซื้อตั๋วเรือเฟอร์รี่ Ocean Jet ชั้น Tourist Class (ปรับอากาศ) ล่วงหน้าในราคาประมาณ 530 บาทต่อคน เรือเฟอร์รี่ออกเดินทางจากโบโฮลเวลา 13:00 น. และมาถึงเซบูประมาณ 15:00 น. หลังจากเดินทางอย่างสะดวกสบายเป็นเวลา 2 ชั่วโมง จาก Cebu Pier 1 เราจองรถตู้ส่วนตัวเพื่อไปที่พักของเราที่ Costabella Tropical Beach Hotel ซึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,000 บาท ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร แต่เนื่องจากรถติดมากในเซบู ทำให้การเดินทางใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง หลังจากเดินทางมาถึง Costabella Tropical Beach Hotel แล้ว เราก็เช็คอินห้องพักซึ่งเราจะพักที่นี่ทั้งหมด 3 คืน ที่ Cebu จากนั้นในช่วงบ่ายผ่อนคลายริมสระว่ายน้ำ Costabella Tropical Beach Hotel >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Costabella Tropical Beach Hotel สำหรับมื้อค่ำ เราได้ทานอาหารเย็นที่ La Marina Restaurant ซึ่งเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในบริเวณของ Costabella Tropical Beach Hotel บรรยากาศดี อาหารอร่อย Day 5 เที่ยวรอบเมืองเซบู Cebu City Tour ในวันที่ห้าของการเดินทางท่องเที่ยวในฟิลิปปินส์ เราเริ่มต้นวันใหม่ด้วยบุฟเฟต์อาหารเช้ามื้อใหญ่ที่ร้านอาหาร La Marina ก่อนที่เราจะออกเดินทางไปสำรวจเมือง Cebu และสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ เนื่องจากเราต้องการไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ หลายแห่งในเมือง Cebu เราจึงตัดสินใจว่าควรจองรถตู้พร้อมคนขับอีกครั้ง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 2,400 บาท และเราใช้เวลากับรถตู้และคนขับประมาณ 8 ชั่วโมงโดยรวม เราได้เยี่ยมชม SM Seaside City Mall (ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดใน Cebu ) Fort San Pedro, National Museum of the Philippines และ Temple of Leah SM Seaside City Mall Fort San Pedro National Museum of the Philippines Temple of Leah หลังจากการเดินทางท่องเที่ยวรอบๆกับสถานที่อันน่าสนใจในเมือง Cebu เราก็กลับไปยังที่พักของเราที่ Costabella Tropical Beach Hotel ซึ่งเราได้ทานอาหารเย็นกันที่ ร้านอาหาร Brisa Pan-Asian Restaurant ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณโรงแรม บรรยากาศดี อาหารก็อร่อยด้วย Day 6 ทริปทัวร์ Oslob & Kasawan Falls วันที่หกของการเดินทางในฟิลิปปินส์ของเรา เป็นวันที่เราใช้เวลาทั้งวันในการเดินทางและท่องเที่ยว แต่ก็เป็นวันที่สนุกสนานที่สุดวันหนึ่งเช่นกัน โดยมีกิจกรรมมากมายที่น่าสนใจ เราจองทัวร์กับ Klook เพื่อไปดำน้ำตื้นกับฉลามวาฬและทำกิจกรรมแคนยอนเนียริ่ง ซึ่งมีค่าใช้จ่าย 3,300 บาทต่อคนสำหรับกิจกรรมทั้งหมด ไกด์ รถรับส่งส่วนตัว และอาหารกลางวัน เราตื่นแต่เช้าตรู่ตอนตีสองเพื่อขึ้นรถตู้ส่วนตัวทัวร์ที่เราจองไว้พาเราไปยังเมืองเล็กๆ ชื่อ Oslob ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมของเราไปประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที เมื่อมาถึง Oslob แล้ว เราก็เข้าคิวเพื่อจองตั๋วไปดำน้ำกับฉลามวาฬ จากนั้นเราก็รอให้เรียกคิวกลุ่มของเรา ก่อนจะใช้เวลา 30 นาที กับการได้ไปว่ายน้ำกับฉลามวาฬที่ตัวใหญ่มาก ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ได้ลองทำและคุ้มค่าจริงๆที่เลือกมาในครั้งนี้ หลังจากว่ายน้ำกับฉลามวาฬแล้ว เราก็นั่งพักเพื่อทานอาหารเช้าและซื้อของที่ระลึกก่อนจะเดินทางต่อไปยังจุดหมายถัดไป จากเมืองออสลอบ เราขับรถประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาทีไปยัง Badian Canyoneering ซึ่งเราแต่งตัวให้พร้อมสำหรับการผจญภัยในหุบเขาเป็นเวลา 4 ชั่วโมง ซึ่งจะมีทั้งกิจกรรมที่เป็นการเดินป่า กระโดดหน้าผา ว่ายน้ำ และสไลด์ โดยจะสิ้นสุดที่น้ำตก Kasawan Falls ที่สวยงาม จาก Kasawan Falls เราขึ้นรถตู้อีกครั้งเพื่อเดินทางกลับที่พักของเราที่ Costabella Tropical Beach Hotel เป็นเวลา 3 ชั่วโมง 30 นาที หลังจากที่เราเดินทางมาทั้งวัน เราก็เลือกทานอาหารเย็นอีกครั้งที่ La Marina Restaurant อาหารอร่อย บรรยากาศดี วันนี้มีนักร้องด้วย ร้องเพลงเพราะมากๆ Day 7 เดินทางจาเมือง Cebu ไปยัง Boracay หลังจากใช้เวลา 3 วัน เที่ยวและกิจกรรมแบบเต็มที่ในเมือง Cebu ก็ถึงเวลาบินไปยัง Boracay Island เพื่อพักผ่อนบนชายหาดและผ่อนคลายอย่างเต็มที่ หลังจากเช็คเอาท์จากห้องพักที่โรงแรม Costabella Tropical Beach Hotel แล้ว เราก็ขึ้นรถรับส่งส่วนตัวไปยัง Mactan-Cebu International Airport ในราคาประมาณ 700 บาท หลังจากเราเดินทางมาถึง Mactan-Cebu International Airport แล้ว เราได้เช็คอินเที่ยวบินไป Boracay กับสายการบิน Cebu Pacific Airlines ก่อนที่เราจะใช้เวลาสำรวจสนามบินและช้อปปิ้งของที่ระลึกสักพัก เที่ยวบินของเราออกเดินทางจาก Mactan-Cebu International Airport เวลา 11:05 น. และมาถึง Caticlan International Airport เวลา 12:10 น. หลังจากนั่งเครื่องบินมาประมาณ 1 ชั่วโมง 5 นาที สนามบินแห่งนี้ตั้งอยู่บน Panay Island ดังนั้นเราจะต้องนั่งเรือต่อไปยัง Boracay Island จาก Caticlan International Airport เราได้จองรถรับส่งส่วนตัวกับ My Boracay Guide ไว้ล่วงหน้าเพื่อช่วยเราไปยังที่พักของเราบน Boracay Island โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 550 บาทต่อคน ซึ่งรวมรถตู้รับจากสนามบินไปยังท่าเรือ นั่งเรือไปยัง Boracay Island และรถตู้จากท่าเรือไปยังที่พักของเรา การเดินทางทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และมีคนคอยช่วยเหลือเราในทุกขั้นตอน เราขอแนะนำรถรับส่งอันสะดวกสบาย และอีกอย่างคือที่ท่าเรือคนจะเยอะมาก พอเราเลือกให้บริการนี้ทำให้เราเดินทางได้เร็วขึ้น หลังจากเดินทางมาถึง Boracay แล้ว เราก็เช็คอินที่พักของเรากันที่ Diniview Villas Resort ซึ่งเราจะใช้เวลาพักที่นี่ทั้งหมด 3 คืน ด้วยกัน และเป็นช่วงท้ายของการเดินทางในฟิลิปปินส์ เราอยากพักผ่อนแบบเต็มที่หลังจากที่เราเดินทางท่องเที่ยวหลายวันกับกิจกรรมแบบสุดๆไปแล้ว >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Diniview Villas Resort หลังจากที่เราได้เช็คอินและเก็บกระเป๋าไว้ที่ห้องพักของเราเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินไปยังชายหาดที่อยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ทที่พักของเรา จาดรีสอร์ทจะมีทางเดินสำหรับเดินไปยังชายหาดที่สะดวกและเป็นส่วนตัวมาก และเราได้ไปทานมื้อกลางวันที่ร้านอาหาร Dinibeach bar and restuarant ซึ่งร้านอาหารเป็นเจ้าของเดียวกันกับรีสอร์ทที่เราพัก ช่วงบ่ายเราจึงได้พักผ่อนริมชายหาดกับวิวอันสวยงาม ตอนเย็น เราเดินเล่นไปตามชายฝั่งไปยัง White Sand Beach ซึ่งเป็นชายหาดหลักของ Boracay โดยอยู่ห่างจากที่พักของคุณที่ Diniview Villas Resort เพียง 10 นาทีเมื่อเดินไป สำหรับมื้อเย็น เราแวะที่ Al Fresco Restaurant ซึ่งตั้งอยู่บน White Sand Beach โดยเราได้อิ่มอร่อยกับมื้อเย็น ซึ่งวันนี้ที่เราไปทานข้าว ได้ชมโชว์การเต้นรำและการแสดงโชว์เต้นไฟ Day 8 เที่ยว Boracay > Dini Beach ในวันที่แปดของการเดินทางของเรา วันนี้ขอเราตื่นสายๆหน่อยและเรานั่งรถสามล้อไฟฟ้าในราคา 300 PHP (ประมาณ 180 บาท) สำหรับ 6 คน จาก Diniview Villas Resort ที่พักของเรา ไปยัง D Mall ซึ่งเป็นถนนคนเดินที่ตั้งอยู่ใกล้กับ White Sand Beach ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านกาแฟและร้านอาหาร สำหรับอาหารมื้อสาย เราทานอาหารแสนอร่อยที่ Lemoni Cafe ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกันกับ Diniview Villas Resort รีสอร์ที่เราพัก ซึ่งเราได้ส่วนลดค่าอาหารด้วยจากคูปองที่รีสอร์ทให้เรามา หลังรับประทานอาหารเช้าแล้ว เราก็ใช้เวลาช่วงเช้าเดินเล่นในร้านต่างๆที่ D Mall และซื้อของที่ระลึก ก่อนจะกลับไปยังที่พัก Diniview Villas Resort เพื่อใช้เวลาช่วงบ่ายในการพักผ่อนริมสระน้ำ ในตอนเย็นเรากลับไปยัง Dini Beach ซึ่งเราได้ทานอาหารเย็นกันที่ Dinibeach Bar & Restaurant และชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม เคล็ดลับการเดินทาง: ระหว่างที่เราอยู่บน Boracay island เราแค่อยากจะพักผ่อนและเพลิดเพลินไปกับชีวิตที่ช้าลง แต่ถ้าคุณมาเที่ยวที่เกาะแห่งนี้และต้องการทำกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นมากกว่า เช่น ล่องเรือ เจ็ตสกี ซิปไลน์ ขับรถเอทีวี ขี่เฮลิคอปเตอร์ ฯลฯ สามารถเลือกกิจกรรมที่อยากทำผ่าน Klook เพื่อทำการจองในราคาสุดคุ้มได้ Day 9 เที่ยว White Sand Beach & D MALL ในวันที่เราไม่ได้เดินทางและไม่มีกิจกรรมใดๆเพิ่มเติม เราตื่นสายอีกวันที่ Boracay Island และนั่งรถสามล้อไฟฟ้าในราคา 300 PHP (ประมาณ 180 บาท) จาก Diniview Villas Resort เพื่อทานอาหารเช้าที่ Cafe de Sol ใกล้กับหาดทรายขาว หลังจากที่เราได้ทานอาหารเช้าแล้ว เราก็ใช้เวลาสำรวจ White Sands Beach และช้อปปิ้งต่อที่ D Mall เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายของเราในฟิลิปปินส์ เราจึงอยากลองชิมไก่ทอดที่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดชื่อดังของประเทศฟิลิปปินส์ ที่ร้าน Jollibee's เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ก่อนจะกลับไปยังที่พักของเราที่ Diniview Villas Resort ในตอนเย็น เราเดินจากชาย Dini Beach ไปยัง White Sands Beach และเพลิดเพลินกับพระอาทิตย์ตกครั้งสุดท้ายบน Boracay Island Dini Beach White Sands Beach สำหรับมื้อเย็น เราไปที่ร้าน The Hobbit Tavern ซึ่งเราได้เพลิดเพลินไปกับอาหารและเครื่องดื่มแสนอร่อยหลากหลายเมนู ก่อนจะกลับไปยังที่พักของเราที่ Diniview Villas Resort สำหรับคืนสุดท้ายของเราในฟิลิปปินส์ Day 10 เดินทางกลับประเทศไทย (MPH - CRK - BKK) หลังจากรับประทานอาหารเช้าอย่างรวดเร็วที่ Diniview Villas Resort และก็ถึงเวลาที่เราต้องเดินทางกลับกันแล้วและเช็คเอาท์จากที่พักของเรา เราตัดสินใจจองบริการรับส่งกับ My Boracay Guide อีกครั้งเพื่อช่วยเราเดินทางจาก Boracay Island กลับไปยัง Caticlan International Airport ราคาประมาณ 550 บาทต่อคน ซึ่งรวมรถตู้จาก Diniview Villas Resort ไปยังท่าเรือ นั่งเรือไป Panay Island และรถตู้จากท่าเรือไปยัง Caticlan International Airport การเดินทางใช้เวลาทั้งหมดไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง บริการนี้สะดวกสบายมากเราขอแนะนำ หลังจากมาถึง Caticlan International Airport แล้ว เราได้เช็คอินเที่ยวบินของเราด้วยสายการบิน Cebu Pacific Airlines และไปที่ประตูขึ้นเครื่องเพื่อช้อปปิ้งและดื่มกาแฟในขณะที่เรารอเที่ยวบินของเรา สนามบินที่นี่มีขนาดเล็กแต่คนเยอะ เราจึงขอแนะนำให้มาก่อนเวลา 1-2 ชั่วโมง เที่ยวบินของเราออกเดินทางจาก Caticlan International Airport เวลา 15:15 น. และมาถึง Clark International Airport (ฟิลิปปินส์) เวลา 16:20 น. หลังจากบินประมาณ 1 ชั่วโมง 5 นาท หลังจากมาถึง Clark International Airport แล้ว เรามีเวลารอเปลี่ยนเครื่องประมาณ 3 ชั่วโมง ดังนั้นเราจึงใช้เวลาในช่วงนี้เดินเล่น ซื้อของฝากและหาอะไรทานก่อนที่เราจะเดินทาง เที่ยวบินของเรากับสายการบิน Cebu Pacific Airlines ออกเดินทางจาก Clark International Airport เวลา 20:30 น. และมาถึงสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ เวลา 23:05 น. หลังจากใช้เวลาบินประมาณ 3 ชั่วโมง 30 นาที
- ครบทุกรสชาติแห่งอันดามัน : เที่ยวเขาหลัก ดำน้ำหมู่เกาะสิมิลัน ล่องอ่าวพังงา สัมผัสวิถีชีวิตชาวเกาะปันหยี พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ และแวะเที่ยวภูเก็ต
พังงาเป็นจังหวัดชายฝั่งทะเลที่ตั้งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศไทย โดยมีอ่าวพังงาและทะเลอันดามันตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันตก พังงามีพรมแดนติดกับ 4 จังหวัด โดยติดกับจังหวัดระนองอยู่ทางทิศเหนือ ทางทิศใต้จะติดกับภูเก็ต ส่วนทางทิศตะวันออกจะติดกับจังหวัดสุราษฎร์ธานีและกระบี่ พังงามีชื่อเสียงด้านความงามทางธรรมชาติ ซึ่งรวมถึงเกาะที่สวยงาม หาดทรายสีขาว หน้าผาหินปูนสูงตระหง่าน และป่าไม้เขียวชอุ่ม พังงาเป็นจังหวัดที่น่าไปเที่ยวพักผ่อนและสัมผัสความงามของธรรมชาติ ระยะทางจากกรุงเทพฯ ถึง พังงา ประมาณ 760 กม. ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมงสำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ และใช้เวลาประมาณ 11-12 ชั่วโมง สำหรับการนั่งรถประจำทาง วิธีที่เร็วที่สุดในการเดินทางไปพังงาจากกรุงเทพฯ หรือจากจังหวัดอื่นๆก็คือ เครื่องบิน แต่จังหวัดพังงาไม่มีสนามบิน ดังนั้นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะนั่งเครื่องไปยังสนามบินภูเก็ต (ห่างจากจังหวัดพังงาประมาณ 63 กม.) หรือสนามบินกระบี่ (ห่างจากจังหวัดพังงาประมาณ 87 กม.) ซึ่งให้บริการโดยเที่ยวบินรายวันจากทั้งท่าอากาศยานดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ในราคาประมาณ 1,000-3,000 บาท ไป-กลับ Day 1 หลังจากนั่งเครื่องบินของสายการบิน Nok Air ตอนเช้าจากสนามบินบุรีรัมย์ไปสนามบินดอนเมืองแล้ว เราก็ต่อเครื่องไปภูเก็ตโดยออกเดินทางจากดอนเมือง เวลา 13:40 น. และมาถึงภูเก็ต เวลา 15:00 น. เราจองเที่ยวบินของเราผ่านสายการบิน Nok Air ในราคา 2,200 บาทต่อคน สำหรับเที่ยวบินไป-กลับ สนามบินภูเก็ต - เขาหลัก เรามาถึงสนามบินภูเก็ตเวลา 15:00 น. และเดินออกไปที่ลานจอดรถซึ่งเราได้นัดกับคนขับรถซึ่งเราได้โทรจองไว้ก่อนที่เราจะมาถึงสนามบินภูเก็ต เพื่อเดินทางไปยังที่พักของเราที่โรงแรมคาลิมาที่เขาหลัก ระยะทางจากสนามบินภูเก็ตถึงคาลิมารีสอร์ท (เขาหลัก)ระยะทางประมาณ 70 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง รถสะอาด คันใหญ่นั่งสบายและสะดวกสบายมากและอีกทั้งคนขับรถที่พาเราไปส่งที่โรงแรมได้ให้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับพังงาและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมากมายซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเราในการวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวที่พังงา สำหรับราคารถแท๊กซี่จากสนามบินภูเก็ตไปยังโรงแรมคาลิมารีสอร์ท (เขาหลัก) 1,300 บาท หากคุณสนใจสามารถติดต่อพวกเขาได้ที่ห Facebook Phuket Private Taxi Service เบอร์โทรติดต่อ 091-8210959 , 088-0991596 Kalima Resort and Villas Khao Lak เรามาถึงที่คาลิมารีสอร์ท วิลล่า เขาหลัก หลัง 16:00 น. เช็คอินเข้าห้องของเรา จากนั้นใช้เวลาช่วงเย็นเดินสำรวจบริเวณโรงแรมที่สวยงามและชายหาด ก่อนรับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารมะลูก้าของรีสอร์ท ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคาลิมา รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า เขาหลัก สามารถอ่านรีวิวและบล็อกโพสต์ Kalima Resort and Villas Khao Lak เพื่อดูห้องและทำการจองห้องพักคุณสามารถเยี่ยมชมได้ที่ Agoda ที่ Kalima Resort and Villas Khao Lak . Komol's Restaurant & Motorcycle Rental หลังอาหารเย็นเราได้เดินไปที่ร้านค้าใกล้ๆกับโรงแรม เพื่อเช่ามอเตอร์ไซค์ เพราะเราต้องการใช้ในวันรุ่งขึ้นเพื่อขับรถไปชมเมืองรอบ ๆ เขาหลักและไปยังอำเภอตะกั่วป่า เจ้าของร้านเป็นกันเองและช่วยเหลือดีมาก เราเช่ารถ Honda Click ในราคา 250 บาท/24 ชม. รถค่อนข้างใหม่และอยู่ในสภาพดี และเพื่อความปลอดภัยก็จะมีหมวกกันน็อคสองใบให้เราอีกด้วย ให้ติดต่อเช่ารถมอเตอร์ไซค์ไว้ในช่วงเย็นไว้ได้เลย ถ้าหากเราวางแผนเดินทางตั้งแต่เช้า เพราะช่วงนี้ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์จะเปิดให้บริการประมาณ 10.00 น. เมื่อเราเช่ารถมอเอตร์ไซค์ไว้แล้วเราสามารถนำรถมาจอดไว้ที่ลานจอดรถของโรงแรมได้ หากคุณพักที่โรงแรมคาลิมาหรือบริเวณใกล้เคียง เราขอแนะนำร้านให้เช่ามอเตอร์ไซค์แห่งนี้ คุณสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ทางหน้า Facebook Komol's Restaurant . Day 2 เช้าวันรุ่งขึ้นเราตื่นแต่เช้าไปรับประทานอาหารเช้าแสนอร่อยที่คาลิมารีสอร์ทแอนด์วิลล่าเขาหลักจากนั้นออกจากโรงแรมด้วยมอเตอร์ไซค์เพื่อท่องเที่ยวสำรวจเขาหลักและตะกั่วป่า เราไม่มีแผนที่จะไปจริงๆ เลย ก็เลยขับรถไปตามถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านห้าแยก แล้วแวะที่ชายหาดระหว่างทาง หาดเมมโมรี่ & หาดบางสัก เราแวะที่หาดเมมโมรี่(Memories Beach) (17 กม. จาก คาลิมา รีสอร์ท) เพื่อดูนักเล่นเซิร์ฟ ส่วนหาดเมมโมรี่ยังมีร้านอาหารเล็กๆ สำหรับซื้ออาหารและเครื่องดื่ม และร้านขายเสื้อผ้าและอุปกรณ์โต้คลื่น หาดเมมโมรี่ไม่ใช่หาดที่สวยที่สุดในเขาหลักแต่มีบรรยากาศที่เย็นสบายเหมาะแก่การถ่ายรูปบนชิงช้าชายหาดหรือไปเรียนโต้คลื่น หลังจากเยี่ยมชม Memories Beach แล้ว เราก็เดินทางต่อและแวะที่หาดบางสัก (22 กม. จาก คาลิมา รีสอร์ท) เพราะได้ยินมาว่าเป็นหาดยาวที่เงียบมาก คนไม่เยอะ เลยคิดว่าน่าจะเป็นที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและเก็บภาพโดรน หาดบางสักเงียบสงบมาก มีรีสอร์ทและร้านอาหารไม่กี่แห่งบนชายฝั่งและแทบไม่มีคนเลย ชายหาดยาวและสะอาด ทะเลและหาดทรายสวยกว่าหาดเมมโมรี่มาก เมืองเก่าตะกั่วป่า หลังจากใช้เวลาสำรวจชายหาดของเขาหลักแล้ว เราก็ขับรถต่อไปยังเมืองเก่าตะกั่วป่า (23 กม. จากเขาหลัก) ซึ่งเราแวะดื่มกาแฟที่ร้าน Seen Cafe @ Takua-Pa และรับประทานอาหารกลางวันที่ Kopi Kuapa (โกปี้ กั่วป่า) เราใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการสำรวจตะกั่วป่าซึ่งเป็นเมืองเก่าที่มีสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากมายให้เยี่ยมชม รวมถึงอาคารที่สวยงามมากมายที่สร้างขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส หากคุณสนใจประวัติศาสตร์หรือการถ่ายภาพในเมืองเก่าที่สวยงามและเงียบสงบ เราขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้คุณไปที่ตะกั่วป่าเพราะเป็นเมืองที่มีเสน่ห์มาก The Little Amazon Takuapa หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ เราก็ออกจากเมืองเก่าตะกั่วป่าไปยังเดอะลิตเติ้ลอเมซอนซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 8 กม. ซึ่งเราทั้งสองคนชอบท่องเที่ยวธรรมชาติอยู่แล้วและ The Little Amazon เป็นสถานที่ที่เราทั้งคู่อยากไปมากในขณะที่อยู่ในพังงา Little Amazon เป็นสถานที่ล่องเรือแคนูพร้อมไกด์ผ่านลำธารธรรมชาติที่มีป่าล้อมรอบเพื่อชมสัตว์ป่า การเดินทางใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และระหว่างทางคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ใกล้ชิดกับพืชพรรณที่สวยงามและสัตว์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ระหว่างการเดินทาง เราเห็นลิงจำนวนมากและ งู 4 ตัว นกหลายชนิด และรังผึ้งขนาดใหญ่ ไกด์มีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับสัตว์และพืชที่เราเห็นและเขายังแนะนำมุมถ่ายภาพสวยๆให้กับเรา ค่านั่งเรือ The Little Amazon ราคา 500 บาท ต่อเรือ 1 ลำ นั่งได้ 2 คน ตลอดทริป 1 ชั่วโมง หากคุณสนใจ คุณสามารถได้ที่หน้า Facebook ของพวกเขา The Little Amazon Takuapa ล่องแพไม้ไผ่วังเคียงคู่ Komol's Corner Bamboo Rafting หลังจากเพลิดเพลินกับการล่องเรือของเราที่ The Little Amazon ก็ประมาณ 15:00 น. เราจึงตัดสินใจขับรถกลับไปที่รีสอร์ทของเรา ก่อนจะไปหาที่ทานอาหารเย็น เราตัดสินใจแวะที่โกมล คอร์เนอร์ ซึ่งให้บริการล่องแพไม้ไผ่ ใช้เวลาในการล่องแพประมาณ 40 นาที ในราคาเพียง 500 บาทสำหรับสองคน แม่น้ำสะอาดมาก น้ำใสมากและล้อมรอบด้วยป่าไม้สูงใหญ่ เป็นสถานที่เงียบสงบเหมาะแก่การใช้เวลายามบ่าย คนควบคุมล่องแพยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับต้นไม้และสัตว์ที่น่าสนใจ เรายังไปดูงูสองสามตัวนอนอยู่บนต้นไม้เราโชคดีที่มีแพให้บริการในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนี้ ในบางช่วงอาจมีคนเยอะมาก เราขอแนะนำให้คุณโทรจองแพไม้ไผ่ล่วงหน้าสำหรับวันและเวลาที่คุณต้องการ ต้องการติดต่อ Komol Corner คุณสามารถไปที่หน้า Facebook ของพวกเขาได้ ล่องแพไม้ไผ่วังเคียงคู่ Komol's Corner Bamboo Rafting บ้านเขาหลักซีฟู้ด กว่าเราจะล่องแพไม้ไผ่เสร็จก็ประมาณ 17:30 น. และเริ่มหิวแล้วหลังจากที่เดินทางท่องเที่ยวมาทั้งวัน เราก็ได้ไปกินข้าวเย็นที่ร้านอาหาร บ้านเขาหลักซีฟู้ด ร้านอาหารตั้งอยู่ริมทะเลสาบขนาดเล็ก บริการที่นี่ยอดเยี่ยมมาก และอาหารก็อร่อย อาหารทะเลที่นี่ก็สดและอร่อยกับน้ำจิ้มซีฟู้ด สามารถเยี่ยมชมเพจ Facebook ของร้านอาหารได้ที่ Baan Khao Lak Seafood Day 3 เมื่อคุณได้มาเที่ยวจังหวัดพังงาแล้ว และพักที่เขาหลัก สิ่งที่ห้ามพลาดสำหรับทริปการท่องเที่ยวในเขตโซนนี้ก็คือ การเดินทางไปหมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสิมิลันขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะที่สวยที่สุดในประเทศไทย มีหาดทรายสีขาว น้ำใส ดำน้ำตื้นและดำน้ำลึก หมู่เกาะสิมิลัน หากต้องการเยี่ยมชมหมู่เกาะสิมิลัน ทางเลือกที่ดีที่สุดคือจองทริปหนึ่งวันกับหนึ่งในสองผู้ให้บริการหลักคือ Love Andaman และ Seastar Happy Journey เราจองทริปหนึ่งวันกับ Seastar ซึ่งเริ่มตั้งแต่ เวลา 08.00-16.00 น. ทริปนี้รวมบริการรับจากโรงแรม อาหารเช้าที่ท่าเรือ ผ้าเช็ดตัวและอุปกรณ์ดำน้ำตื้น บริการรับส่งด้วยเรือเร็วโดยหยุดที่ 4 จุดในหมู่เกาะสิมิลัน อาหารกลางวัน เครื่องดื่ม และของว่างยามบ่าย ทริปนี้ยังมีไกด์ที่พูดภาษาไทยและอังกฤษสองคนซึ่งให้ข้อมูลด้านความปลอดภัยและข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับสถานที่ที่เราไปเยี่ยมชม รวมค่าเดินทางคนละ 2,250 บาท เกาะปันหยี หลังจากเที่ยวหมู่เกาะสิมิลันเสร็จแล้ว เราก็กลับมาที่ท่าเรือซีสตาร์ (Tub Lamu) เวลาประมาณ 16:30 น. เราอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วก่อนจะขึ้นรถตู้ส่วนตัวไปท่าเรือท่าด่านเวลาประมาณ 17:00 น. จากท่าเรือทับละมุถึงท่าเรือท่าด่าน ระยะทางประมาณ 60 กม. ใช้เวลาขับรถประมาณ 50 นาที เราจองรถตู้ผ่าน Seastar ในราคา 1,500 บาท เมื่อเราไปถึงท่าเรือ เราก็นั่งเรือหางยาวไปเกาะปันหยี ซึ่งเราต้องจองเรือลำนี้ล่วงหน้าผ่านที่พักบนเกาะ ซึ่งทางที่พักได้บอกว่าเรือสาธารณะเที่ยวสุดท้ายไปเกาะปันหยีคือเวลา 16:00 น. ซึ่งเรามาถึงท่าเรือช้าดังนั้นเราจึงให้เรือจากที่พักบนเกาะปันหยีมารับเรา เนื่องจากเราจองห้องในแบบรวมทัวร์อ่าวพังงาไว้ด้วย นั่งเรือหางยาวจากท่าเรือท่าด่านไปเกาะปันหยีเพียง 20 นาที และเราถูกลงที่หน้าที่พักของเราที่ James Bond Bungalow (เจมส์ บอนด์ บังกะโล) หากนั่งเรือสาธารณะก่อนเวลา ราคาประมาณ 100 บาท James Bond Bungalow - เกาะปันหยี James Bond Bungalow เป็นที่พักแห่งเดียวสำหรับนักท่องเที่ยวบนเกาะปันหยี ประกอบด้วยห้องแยกกัน 9 ห้องซึ่งเชื่อมต่อกันในอาคารเดียว บังกะโลค่อนข้างเก่าแต่สะอาดมาก เราประทับใจมากกับการบริการและความสะอาดของสถานที่ เราจ่ายเงิน 1,200 บาทสำหรับสองคนและได้รับห้องพักขนาดใหญ่มากและพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมด แต่ที่พักบนเกาะนี้ไม่มีเครื่องปรับอากาศและ James Bond Bungalow ก็เป็นที่พักที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศแต่จะมีพัดลมไว้ให้ เนื่องจากบังกะโลนี้สร้างเหนือน้ำจึงไม่ร้อนเกินไป เนื่องจากที่นี่เป็นที่พักแห่งเดียวบนเกาะ จึงควรจองห้องล่วงหน้าให้ดีเพราะจะเต็มเร็ว คุณสามารถ จองห้องพักกับอโกด้าที่ James Bond Bungalow เราขอแนะนำให้พักที่นี่ 1 คืนเพื่อสัมผัสประสบการณ์เกาะปันหยีและวัฒนธรรมอย่างแท้จริง ร้านอาหารเกาะปันหยี หลังจากเช็คอินที่ James Bond Bungalow เราก็ไปทานอาหารเย็นที่ร้านอาหาร เรือแพจ๊ะจ๋าซีฟู้ด ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสนามฟุตบอลลอยน้ำ ปกติร้านอาหารส่วนใหญ่จะปิดประมาณ 17:00 น. เนื่องจากนักท่องเที่ยวออกจากเกาะแล้ว แต่ที่พักของเราขอให้พวกเขาเปิดให้เราได้ทานอาหารเย็น เมื่อเราไปเที่ยวในเดือนเมษายนและเกาะปันหยีเป็นเกาะมุสลิม ร้านอาหารและผู้ขายอาหารบางแห่งมีเวลาเปิดที่แตกต่างกัน เนื่องจากคนในท้องถิ่นกำลังถือศีลอด Day 4 หลังจากตื่นเช้ามาเพลิดเพลินกับพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามจากเกาะปันหยี เราใช้เวลาช่วงเช้าเดินเล่นรอบหมู่บ้านเพื่อชมวิถีชีวิตท้องถิ่น ในตอนเช้าเกาะปันหยีเงียบมากเนื่องจากนักท่องเที่ยวที่แวะพักที่นี่แบบไปเช้าเย็นกลับ จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เยี่ยมชมมัสยิดในท้องถิ่นและสนามฟุตบอลลอยน้ำที่มีชื่อเสียง อ่าวพังงา เวลาประมาณ 10.00 น. เราเช็คเอาท์จากบังกะโลเจมส์ บอนด์ และมีเรือหางยาวมารับเราสำหรับทัวร์รอบอ่าวพังงาและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เราจองคนขับเรือและทัวร์ผ่านที่พักบนเกาะ ในทัวร์เราไปเยี่ยมชมถ้ำลอด ถ้ำค้างคาว เขาม้าชู เกาะเจมส์บอนด์ และเขาพิงกันในราคา 2,000 บาท (ไม่รวมค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติพังงา 40 บาท สำหรับคนไทย และ 300 บาท สำหรับชาวต่างชาติ) เราไปเที่ยวรอบอ่าวพังงาเพื่อ ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งก่อนเรือจะมาส่งเราที่ท่าเรือท่าด่านสำหรับทริปต่อไป เกาะยาวน้อย จากท่าเรือท่าด่าน เรานั่งเรือหางยาวสาธารณะไปยังท่าเรือมะเนาะบนเกาะยาวน้อย เรือออกเวลา13:00 น. และใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที ก็มาถึงเกาะยาวน้อย ค่าตั๋ว 200 บาท ต่อคน เรือลำนั้นค่อนข้างเล็กและคับแคบ คลื่นทะเลก็แรงด้วย ดังนั้นการนั่งเรือจึงไม่ค่อยสบายนัก อย่างไรก็ตาม มันเป็นทางเลือกเดียวที่เรามีสำหรับเวลานั้น แต่มีเรือเร็วแบบ Speedboat ระหว่างท่าเรือท่าด่านไปยังเกาะยาวน้อยซึ่งใช้เวลาเพียง 40 นาทีและค่าตั๋ว 350 บาทต่อคน แต่มีเพียงหนึ่งเที่ยวต่อวันเวลา 16:00 น. บังลี เช่ารถมอเตอร์ไซค์ หลังจากมาถึงท่าเรือมะเนาะบนเกาะยาวน้อย เราก็โทรไปเช่ามอเตอร์ไซค์เพื่อขับไปยังโรงแรมและเดินทางรอบๆเกาะ เจ้าของเป็นกันเองมากและให้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับเกาะและวิธีการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เราเช่า Honda Click 250 บาท 24 ชม. สภาพรถดีและมีหมวกกันน็อคให้กับเรา หากคุณไม่ต้องการเช่ารถมอเตอร์ไซต์ ที่นี่ก็จะมีบริการรถเที่ยวรอบเกาะซึ่งราคาก็ขึ้นอยู่กับระยะทางที่เราเดินทางไป หากคุณพักที่รีสอร์ทใกล้ชายหาด คุณควรถามพวกเขาว่ามีเรือรับส่งหรือไม่ เพราะถนนที่เราขับมอไซต์ไปนั้นค่อนข้างลำบากและทางชัน หากท่านสนใจเช่ามอเตอร์ไซค์ขณะอยู่บนเกาะยาวน้อย สามารถโทรเช่ามอเตอร์ไซค์บังลีได้ที่ 089-654-5354 หรือ 080-539-8918 เราขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง จากท่าเรือมะเนาะไปยังที่พักของเราที่ Paradise Koh Yao Resort ขับมอเตอร์ไซค์ไปประมาณ 11 กม. เนื่องจากท่าเรืออยู่ทางใต้ของเกาะและพาราไดซ์เกาะยาวรีสอร์ทอยู่ทางเหนือของเกาะ การขับรถใช้เวลาประมาณ 40 นาที เนื่องจากสภาพถนนในช่วงสองสามกิโลเมตรสุดท้ายเดินทางลำบากมากเนื่องจากเป็นถนนลูกรังที่มีเนินเขาสูงชัน ทางโค้งหักศอก หินและดิน ซึ่งเราไม่ทราบสภาพถนนและเส้นทางมาก่อน แต่ทางร้านที่เช่ามอไซต์ก็แจ้งเราไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้วว่าถนนจะไม่ค่อยดี และเราไม่แนะนำให้ขี่มอเตอร์ไซค์เว้นแต่ถ้าคุณมีประสบการณ์ในการเดินทางแบบนี้ เนื่องจากอาจเป็นอันตรายได้ เจ้าของร้านมอเตอร์ไซค์บอกเราว่านักท่องเที่ยวจำนวนมากประสบอุบัติเหตุบนถนนสายนี้เนื่องจากสภาพถนนไม่ดี หากคุณพักใน Paradise Koh Yao Resort หรือ Treehouse Villas ในบริเวณใกล้เคียง ทางที่ดีควรนั่งเรือออกจากท่าเรือหรือสอบถามรีสอร์ทเกี่ยวกับแพ็คเกจรับส่งจากภูเก็ตโดยทางเรือ Paradise Koh Yao Resort หลังจากมาถึง Paradise Koh Yao Resort เวลาประมาณ 15:30 น. เราก็เช็คอินเข้าห้องพักและใช้เวลาสำรวจรีสอร์ทและชายหาดส่วนตัว Paradise Koh Yao Resort เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับคู่รักและครอบครัวที่ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวาย รีสอร์ทแห่งนี้เป็นส่วนตัวมาก จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพักในที่เดียวและมีบริการต่างๆภายในโรงแรมที่ครบถ้วน ห้องพักของเราที่ Paradise Koh Yao Resort นั้นสะดวกสบายและสะอาดมาก พนักงานของรีสอร์ทบริการและช่วยเหลือดีมาก รีสอร์ทมีบรรยากาศที่สงบมากท่ามกลางธรรมชาติรวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่เตรียมพร้อมไว้ให้กับคุณได้พักผ่อนแบบเต็มที่ หากคุณต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Paradise Koh Yao Resort สามารถดูโพสต์บล็อกของเราได้ที่ Paradise Koh Yao Resort and Sp a หรือจองห้องพัก กับ Agoda ที่ Paradise Koh Yao Resort หากคุณกำลังมองหาที่พักที่หรูหราในวิลล่าบ้านต้นไม้ที่ไม่เหมือนใคร เราขอแนะนำ Treehouse Villas ซึ่งใช้พื้นที่และชายหาดร่วมกับพาราไดซ์ เกาะยาว รีสอร์ท Day 5 หลังจากรับประทานอาหารเช้าแสนอร่อยแล้ว เราใช้เวลาช่วงเช้าที่ Paradise Koh Yao Resort สำรวจชายหาด พักผ่อนริมสระน้ำ ดูนกเงือกและสัตว์ป่าอื่นๆ ก่อนถึงเวลาเช็คเอาท์และออกเดินทางต่อ ร้านอาหารสวัสดีเกาะยาว ระหว่างทางกลับท่าเรือมะเนาะ เราแวะทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหาร สวัสดีเกาะยาว เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมน้ำบรรยากาศดี อาหารที่นี่อร่อยมากและการบริการก็รวดเร็ว เป็นกันเอง หากต้องการอยากลิ้มลองชิมรสชาติอาหารท้องถิ่นและอาหารทะเลสดๆอร่อย เราขอแนะนำที่ร้านนี้ ร้านอาหารสวัสดีเกาะยาวอยู่ห่างจากท่าเรือมาเนาะไม่ถึง 3 กม. และตั้งอยู่ในทำเลที่สวยงามเหนือน้ำ เวลาเปิดทำการอาจแตกต่างกันไปโดยเฉพาะในช่วงเดือนรอมฎอนหรือในบางช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากถ้าจะให้ดีโทรจองไว้ก่อนล่วงหน้าก็ได้ หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หน้า Facebook ของพวกเขาที่ ร้านอาหารสวัสดีเกาะยาว เพื่อจอง เกาะยาวน้อย ไป เกาะยาวใหญ่ หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลามุ่งหน้าไปยังเกาะยาวใหญ่ปลายทางของเรา เรากลับมาที่ท่าเรือมะเนาะ และจากที่นี่ เราก็นั่งเรือหางยาวข้ามไปยังท่าเรือช่องหลาด ใช้เวลาเดินทางเพียง 10 นาที ค่าใช้จ่ายท่านละ 100 บาท พอมาถึงที่ท่าเรือแล้ว เราก็ได้มาเจอกับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปที่โรงแรมในโซนเดียวกัน เราจึงได้แขร์รถสองแถวด้วยกัน เพื่อที่จะไปส่งเราที่สันธิญารีสอร์ท ราคา 200 บาทต่อคน จากท่าเรือช่องหลาดถึงสันธิญารีสอร์ท ระยะทางประมาณ 20 กม. เมื่อเรามาถึงรีสอร์ท เราเช็คอินเข้าห้องพักแล้วใช้เวลาช่วงเย็นสำรวจรีสอร์ทและชายหาด Day 6 Santhiya Resort Koh Yao Yai Santhiya Resort Koh Yao Yai เราจองพูลวิลล่าวิวทะเลซึ่งกว้างขวางและสะอาดมากพร้อมวิวที่น่าตื่นตาตื่นใจของอ่าวพังงาไปยังภูเก็ต สันธิญา รีสอร์ท สร้างขึ้นในสไตล์ไทยดั้งเดิม โดยมีวิลล่าและห้องพักตั้งอยู่บนเนินเขาท่ามกลางป่าธรรมชาติ รีสอร์ทมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายสำหรับแขกรวมถึงร้านอาหารที่คัดสรรมาอย่างดี การบริการที่สันธิญารีสอร์ทนั้นยอดเยี่ยมและบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นกันเอง เราขอแนะนำโรงแรมนี้เป็นอย่างยิ่งหากคุณกำลังจะวางแผนมาเที่ยวที่พังงาหรือภูเก็ต หากคุณต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สันธิญา รีสอร์ท เกาะยาวใหญ่ คุณสามารถอ่านบล็อกโพสต์ Santhiya Koh Yao Yai Resort & Spa สันธิญา รีสอร์ท แอนด์ สปาเกาะยาวใหญ่ หรือจองห้องพักกับ Agoda ที่ Santhiya Resort Koh Yao Yai เกาะยาวใหญ่ View Point หลังจากรับประทานอาหารเช้าที่รีสอร์ทแล้ว เราก็ตัดสินใจว่าเราอยากจะสำรวจเกาะให้มากกว่านี้ เลยเดินไปตามหาดด้านหน้าของโรงแรมเข้าไปในหมู่บ้านใกล้ๆ ซึ่งเราเจอร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ราคา 300 บาทต่อวัน จากนั้นเราขับรถไปจุดชมวิวเกาะยาวใหญ่ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 17 กม. จุดชมวิวเกาะยาวตั้งอยู่ริมถนนสายหลักของเกาะ เดินทางสะดวกมาก จากบริเวณที่จอดรถเดินขึ้นเขาเพียง 5 นาที บนเนินเขามีกระท่อมเล็กๆ และจุดชมวิวมากมาย ซึ่งคุณสามารถถ่ายภาพสวยๆ และสามารถขับชมความสวยๆงามรอบๆเกาะได้ระยะทางอาจจะไกลหน่อย แต่ถนนเดินทางสะดวกสบาย แหลมหาด จากจุดชมวิวเกาะยาวใหญ่ เราเดินทางต่อไปตามถนนสายหลักไปยังหาดแหลมหาดซึ่งอยู่ห่างออกไป 5 กม. แหลมหาดเป็นหาดทรายสีขาวสวยงามที่มีต้นมะพร้าวซึ่งมีทรายทอดตัวลงสู่ทะเลมีน้ำสองข้างทาง เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญบนเกาะที่มีผู้คนจำนวนมากมาที่นี่เพื่อถ่ายรูป ว่ายน้ำ และพักผ่อนบนชายหาด หากคุณอยู่บนเกาะยาวใหญ่ สถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปให้ได้ ซึ่งอยู่ห่างจากท่าเรือช่องหลาดเพียง 2 กม. Baan Rim Nam Restaurant หลังจากเล่นน้ำและใช้เวลาพักผ่อนบนหาดแหลมหาดแล้ว เราก็หิวจึงขับรถไปร้านอาหารยอดนิยมบนเกาะยาวใหญ่ บ้านริมน้ำ เป็นร้านอาหารเล็กๆ ริมทะเล ห่างจากแหลมหาดเพียง 5 กม. และห่างจากท่าเรือช่องหลาด 4 กม. ห้องอาหารให้บริการอาหารทะเลสดหลากหลายรูปแบบที่ปรุงในหลากหลายสไตล์ รวมทั้งเครื่องดื่มเย็นๆ และของหวานแบบไทยๆ บริการดีและรวดเร็ว บรรยากาศสงบมากเมื่อมองวิวทะเลก็จะพบกับเรือหางยาวที่จอดอยู่ใกล้ชายหาด อาหารที่บ้านริมน้ำนั้นอร่อยและสดใหม่พร้อมเมนูให้เลือกมากมาย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook ของร้านอาหาร Baan Rim Nam หลังจากรับประทานอาหารกลางวันแสนอร่อยแล้ว เราก็มุ่งหน้ากลับไปที่สันธิญารีสอร์ทเพื่อใช้เวลาช่วงบ่ายและเย็นที่สระว่ายน้ำและชายหาด ในวันรุ่งขึ้นเราจะออกจากเกาะยาวใหญ่เพื่อเดินทางกลับบ้าน Day 7 เกาะยาวใหญ่ ไป ภูเก็ต วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเดินทาง ดังนั้นหลังจากรับประทานอาหารเช้าที่รีสอร์ทแล้ว เราก็เก็บกระเป๋าและเช็คเอาท์เวลา 11:00 น. วันก่อนเราจองเรือรับส่งกับสันธิญารีสอร์ทซึ่งจะพาเราจากท่าเรือสันธิญารีสอร์ทไปยังอ่าวปอแกรนด์มาร์เนียในภูเก็ตเวลา 12:00 น. บริการรับส่งนี้มีค่าใช้จ่าย 600 บาทต่อคน สำหรับการเดินทางโดยเรือเร็ว 20 นาทีจากสันธิญาไปยังอ่าวปอแกรนด์มารีน่า จากอ่าวปอแกรนด์มารีน่า เรานั่งรถส่วนตัวไปเมืองเก่าภูเก็ตเพื่อสำรวจพื้นที่ก่อนบินกลับกรุงเทพในเย็นวันนั้น เราจองการดูแลส่วนตัวของเราผ่านเวเคย์ภูเก็ต ค่าบริการ 510 บาท จากอ่าวปอมารีน่าไปเมืองเก่าภูเก็ต ระยะทางประมาณ 30 กม. คนขับตรงเวลาและบริการดีมาก รถนั่งสบายและสะอาด เราประทับใจมากที่เราจองรถรับส่งไปสนามบินภูเก็ตในเย็นวันนั้นกับบริษัทเดียวกัน อีกทั้งยังได้ราคาถูกกว่ารถแท๊กซี่โดยทั่วไป สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือทำการจอง คุณสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ Vecay Phuket Chino Town Gallery Alley เมื่อเรามาถึงเมืองเก่าภูเก็ตเวลาประมาณ 14:00 น. และเที่ยวบินกลับของเราเวลา 20:50 น. เย็นวันนั้นเราจึงตัดสินใจว่าควรจองโรงแรมราคาถูกเพื่อเก็บกระเป๋าไว้ในขณะที่เรากำลังสำรวจเมืองภูเก็ตกัน ดังนั้นเราจึงจอง ห้องพั กที่ Chino Town Gallery Alley โรงแรมขนาดเล็กแห่งนี้ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองเก่าภูเก็ต ห้องพักเรียบง่าย แต่สะอาด มีเครื่องทำน้ำอุ่นและเครื่องปรับอากาศ นี่เป็นที่พักที่ดีเยี่ยมหากคุณต้องการสำรวจสถานที่ท่องเที่ยว ร้านค้า คาเฟ่ หรือร้านอาหารในบริเวณใกล้เคียง หากต้องการดูโรงแรมนี้หรือจองห้องพัก คุณสามารถเยี่ยมชมได้ที่ Agoda ที่ Chino Town Gallery Alley ร้านวันจันทร์ หลังจากเก็บกระเป๋าที่โรงแรมแล้ว เราก็พร้อมทานอาหารกลางวันกัน เลยออกไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านวันจันทร์ ตามคำแนะนำของคนขับรถของเราจากอ่าวปอมารีน่า ร้านอาหารแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีในจังหวัดภูเก็ต และตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าของภูเก็ต เดินเพียงไม่กี่นาทีจากซอยชิโนเทิลแกลเลอรี่ ร้านอาหารตั้งอยู่ในอาคารเก่าแก่ที่ได้รับการบูรณะอย่างสวยงาม ซึ่งให้บรรยากาศที่ยอดเยี่ยมในการเพลิดเพลินกับอาหารกลางวัน เมนูนี้มีอาหารไทยหลากหลายและเน้นที่อาหารท้องถิ่นโดยเฉพาะ หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับร้านวันจันทร์ ที่ facebook เพจ ร้านวันจันทร์ เมืองเก่าภูเก็ต หลังจากรับประทานอาหารกลางวันแสนอร่อยแล้ว เราใช้เวลาสองสามชั่วโมงถัดไปสำรวจเมืองเก่าภูเก็ต รวมทั้งที่ทำการไปรษณีย์ภูเก็ต พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว ถนนถลาง หอนาฬิกาภูเก็ต เมืองเก่าภูเก็ตเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการใช้เวลายามบ่ายเดินไปรอบๆ เพื่อชื่นชมทาวน์เฮาส์ชิโน-โปรตุกีสที่มีสีสันสวยงาม ขณะที่แวะแวะที่ร้านกาแฟ ร้านขายของฝาก และร้านบูติกต่างๆ เมืองเก่าภูเก็ตมีขนาดค่อนข้างเล็กจึงง่ายต่อการเดินสำรวจ เมืองเก่าภูเก็ต ไป สนามบินภูเก็ต บ่ายแก่ๆ เรากลับมาที่ห้องของเราที่ Chino Town Gallery Alley เพื่อพักผ่อน เติมความสดชื่น และเดินทางไปสนามบินภูเก็ตในคืนนั้น ในการเดินทางจากโรงแรมไปยังสนามบินภูเก็ต เราได้จองรถแท๊กซี่ส่วนตัวออนไลน์กับเวเคย์ภูเก็ตอีกครั้ง ค่ารถ 510 บาท สำหรับ 2 คน ระยะทาง 35 กม. จากที่เราได้สอบถามข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับค่ารถแท๊กซี่ที่ภูเก็ต เวเคย์(Vacay Phuket) คือหนึ่งในตัวเลือกที่ถูกที่สุดสำหรับรถยนต์ส่วนตัวในพื้นที่ภูเก็ต และอีกทั้งคุณสามาถจองล่วงหน้าก่อนเดินทางเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น และเราขอแนะนำอย่างยิ่งเนื่องจากคนขับของพวกเขาเป็นมืออาชีพและปลอดภัย คุณสามารถรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือจองรถยนต์ส่วนตัวหรือรถตู้ได้ที่เว็บไซต์ Vecay Phuket หลังจากมาถึงสนามบินภูเก็ตเราก็เช็คอินสำหรับเที่ยวบินของเราแล้วทานอาหารเย็นที่สนามบิน เที่ยวบินของเราออกเดินทางเวลา 20:50 น. และถึงสนามบินดอนเมืองในกรุงเทพฯ เวลา 22:10 น. จากที่นี่เราเดินข้ามสะพานไปยังโรงแรมอมารี ดอนเมือง ซึ่งเราพักค้างคืนก่อนบินกลับบุรีรัมย์ในเช้าวันรุ่งขึ้น โรงแรมอมารี ดอนเมือง เป็นโรงแรมที่เราใช้บ่อยเมื่อเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินดอนเมืองซึ่งมีเที่ยวบินตอนเช้าตรู่ ห้องพักกว้างขวาง สะอาด และสะดวกสบาย เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการแวะพักที่สะดวกโดยไม่ต้องเดินทางเข้าเมือง จองห้องพักกับ Agoda ได้ที่ Amari Don Muang Airport Bangkok Hotel คุณสามารถอ่านโพสต์บนบล็อกของเราเกี่ยวกับ 3 รีสอร์ทที่ยอดเยี่ยมที่เราแนะนำเป็นอย่างยิ่งตั้งอยู่ในส่วนต่างๆ ของพังงา 1.) เขาหลัก - Kalima Resort and Spa Khao Lak 2.) เกาะยาวน้อย - Paradise Koh Yao Resort 3.) เกาะยาวใหญ่ - Santhiya Resort and Spa Koh Yao Yai #phangnga #kohsimilan #khaolak #kohpanyee #kohyaonoi #kohyaoyai #paradiseresortkohyao #kalimaresortandspakhaolak #santhiyakohyaoyairesortandspa #พังงา #หมู่เกาะสิมิลัน #เกาะปันหยี #เขาหลัก #เกาะยาวน้อย #เกาะยาวใหญ่
- ค้นพบความสุขของคุณได้ที่นี่ Kalima Resort and Villas Khao Lak พักผ่อนอย่างมีสไตล์กับบรรยากาศธรรมชาติสุด Exclusive
ระหว่างทริปหนึ่งสัปดาห์ของเรารอบ ๆ จังหวัดพังงา เราอยากจะพัก 2 คืนในรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ใกล้เขาหลักและสามารถเดินทางไปเที่ยวที่เกาะสิมิลันได้โดยง่าย ดังนั้นเราจึงเลือก Kalima Resort and Villas Khao Lak ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ครบถ้วนสมบูรณ์สำหรับเราในทุกๆกิจกรรมที่เราอยากทำ และช่วงเวลาที่เราต้องการพักผ่อน ที่ตั้ง Kalima Resort and Villas Khao Lak ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของชายฝั่งเขาหลักในจังหวัดพังงา คาลิมา รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า เขาหลัก อยู่ไม่ไกลจากถนนเพชรเกษม ตั้งอยู่ในบริเวณที่เงียบสงบล้อมรอบด้วยป่าชายเลนและสวนยางพารา ที่ตั้งของ Kalima Resort and Villas Khao Lak ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน เพราะมีความเป็นส่วนตัวและรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ Kalima Resort and Villas Khao Lak ตั้งอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมากมาย เช่น หาดเขาหลัก (11 กม.), ท่าเรือทับละมุ ประตูสู่หมู่เกาะสิมิลัน (8 กม.), เมืองเก่าตะกั่วป่า (36 กม.), เมืองพังงา (53 กม.), เสม็ด นางชี (64 กม.) สนามบินที่ใกล้ที่สุดคือ ท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 70 กม. ประเภทห้อง Kalima Resort and Villas Khao Lak ให้บริการห้องพัก 10 แบบที่สามารถรองรับนักเดินทางทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น นักเดินทางคนเดียว คู่รัก ครอบครัว หรือกลุ่มใหญ่ คาลิมา รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า เขาหลัก ได้แก่: 1.) Deluxe Room (43m².) 2.) Grand Deluxe Room (45m²) 3.) Deluxe Pool Access Room (45m²) 4.) Pool Suite (69m²) 5.) One Bedroom Duplex Pool Villa Suite (130m²) 6.) One Bedroom Pool Villa Suite (150m²) 7.) Two Bedroom Pool Villa Suite (165m²) 8.) Three Bedroom Pool Villa Suite (240m²) 9.) Two Bedroom Family Suite (63m² - 80m²) 10.) Two Bedroom Family Suite Pool Access (63m² - 80m²) การตกแต่งห้องพักทุกห้องได้รับแรงบันดาลใจจากยุคเหมืองแร่ดีบุกและธรรมชาติรอบ ๆของ รีสอร์ท ห้องพักตกแต่งด้วยส่วนผสมของโลหะ ไม้ และคอนกรีตด้วยเฟอร์นิเจอร์สีธรรมชาติที่นุ่มนวลทำให้ห้องดูผ่อนคลายและน่าพักผ่อนเป็นอย่างมาก ห้องพักทุกห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน เช่น ตู้เย็นขนาดเล็ก กาต้มน้ำ เครื่องเป่าผม และตู้นิรภัยขนาดเล็ก สิ่งอำนวยความสะดวก La Moon Spa : สปาของคาลิมารีสอร์ทแอนด์วิลล่าเขาหลัก สปาแห่งนี้ให้บริการทรีตเมนต์ใบหน้าและร่างกาย การบำบัดด้วยกลิ่นหอมและการนวด รวมถึงแพ็กเกจสปาแบบหลายวัน Library Loung e: ห้องรับรองนี้ตั้งอยู่ติดกับล็อบบี้หลัก มีพื้นที่รอสำหรับเช็คอิน เช็คเอาต์ หรือรอรถมารับเพื่อไปยังสถานที่ต่างๆ สะดวกสบาย ห้องพักมีบริการอินเทอร์เน็ต หนังสือพิมพ์และนิตยสารหลากหลายประเภทให้ผู้เข้าพักได้เพลิดเพลิน สามารถเลือกอ่านได้ตามใจชอบในช่วงเวลาพักผ่อนที่รีสอร์ทแห่งนี้ Kids Club : ห้องนี้มีของเล่นและความบันเทิงสำหรับเด็กอายุ 4-12 ปีในสภาพแวดล้อมที่สะอาดและปลอดภัยภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฝึกอบรม นอกจากนี้ ยังมีบริการพี่เลี้ยงเด็กโดยจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม Fitness Centre : ห้องนี้มีอุปกรณ์ออกกำลังกายหลายประเภทพร้อมพนักงานที่ผ่านการรับรอง มีคลาสออกกำลังกายแบบกลุ่มและแบบส่วนตัวเมื่อแจ้งความประสงค์และผู้เข้าพักสามารถเข้าใช้ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า และล็อกเกอร์สำหรับเก็บของอีกด้วย Conference Hal l: รีสอร์ทมีพื้นที่จัดงาน 900 ตร.ม. เหมาะสำหรับการประชุมขนาดใหญ่ งานอีเว้นท์ หรืองานแต่งงาน ห้องจัดเลี้ยงสามารถรองรับแขกได้ถึง 250 คน และมีทีมงานสำหรับการจัดงานเลี้ยง Entertainment/Activities : บริเวณรีสอร์ทได้รับการดูแลอย่างดีพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายสำหรับกิจกรรมต่างๆในพื้นที่ของโรงแรม เช่น เรือคายัค กระดานโต้คลื่น ยิงธนู เปตอง มินิฟุตบอล ฟุตบอล และสระว่ายน้ำ ร้านอาหาร คาเฟ่และบาร์ Maluka Restaurant : ห้องอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่ในศาลาริมสระน้ำขนาดใหญ่ให้ผู้เข้าพักได้สัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารกลางแจ้งด้วยอาหารไทย เอเชีย และอาหารตะวันตกที่หลากหลาย นอกจากนี้ ร้านอาหารยังมีเครื่องดื่ม ค็อกเทล และไวน์มากมายให้ผู้เข้าพักได้เลือกได้ตามความต้องการ T-Cafe : ร้านกาแฟสไตล์โมเดิร์นแห่งนี้ให้บริการเครื่องดื่มร้อนและเย็นหลากหลายเมนู ทั้งเค้ก ขนม แซนวิช และไอศกรีม การออกแบบที่สะอาดและเป็นธรรมชาติทำให้บรรยากาศผ่อนคลายในการเพลิดเพลินกับกาแฟสักถ้วย รีสอร์ท Tin Bar : สปอร์ตบาร์บรรยากาศสบาย ๆ ที่ตกแต่งในธีมของยุคเหมืองแร่ดีบุก บาร์ มีเบียร์ ค็อกเทล และไวน์ให้เลือกมากมายเพื่อให้แขกได้เพลิดเพลินขณะผ่อนคลายในบาร์บรรยากาศสบาย ๆ 3 Million Bar : นี่คือบาร์ที่ตั้งอยู่ในสระว่ายน้ำหลัก ซึ่งคุณสามารถว่ายน้ำขึ้นไปที่บาร์เพื่อสั่งเครื่องดื่มขณะคลายร้อนในน้ำได้ Beach Bar : บาร์นี้ตั้งอยู่ด้านหน้ารีสอร์ท มองเห็นแม่น้ำ ปากแม่น้ำ และชายหาด แนวคิดแบบเปิดโล่งทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มหรืออาหาร ราคา ราคาห้องพักที่ Kalima Resort and Villas Khao Lak จะแตกต่างกันไปตามประเภทห้อง และช่วงการท่องเที่ยวในแต่ละเดือน ราคาห้องพักมีตั้งแต่ประมาณ 1,500 - 19,000 สามารถจองห้องพักกับ Agoda ได้ในราคาโดยประมาณ: - Deluxe & Grand Deluxe Room เริ่มต้นที่ 1,500 - 2,500 บาทต่อคืน - Pool Access Room เริ่มต้นที่ 2,000 - 3,000 บาทต่อคืน - Two Bedroom Family Suite เริ่มต้นที่ 4,000 - 5,000 บาทต่อคืน - Pool Suite เริ่มต้นที่ 4,000 - 5,000 บาทต่อคืน - 1 Bedroom Pool Villa เริ่มต้นที่ 6,000 - 8,000 บาทต่อคืน - 2 Bedroom Pool Villa เริ่มต้นที่ 13,000 - 15,000 บาทต่อคืน - 3 Bedroom Pool Villa เริ่มต้นที่ 16,000 - 19,000 บาทต่อคืน * ราคานี้เป็นราคาโดยประมาณ โปรดดูราคาเพิ่มเติมได้ที่อโกด้าที่ Kalima Resort and Villas Khao Lak เพื่อดูราคาและการจองห้องพัก ภาพรวมของรีสอร์ท Kalima Resort and Villas Khao Lak เป็นรีสอร์ทที่ยอดเยี่ยม สำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีจากความเร่งรีบและวุ่นวายของชีวิต อยากได้เวลาพักผ่อนแบบเต็มอิ่ม กิจกรรมที่หลากหลาย มาพักที่รีสอร์ทแห่งนี้มีทุกอย่างครบ รีสอร์ทตั้งอยู่บนพื้นที่ที่สวยงามล้อมรอบด้วยธรรมชาติ Kalima Resort and Villas Khao Lak มีห้องพักหลากหลายประเภทสำหรับผู้ที่มาพักที่นี่และสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานที่และกิจกรรมมากมาย พร้อมทั้งการบริการที่ดีเยี่ยม สามารถเยี่ยมชมดูห้องพักเพิ่มได้ที่ Agoda เพื่อจองห้องพัก #เที่ยวพังงา #เที่ยวเขาหลัก #พังงา #Phangnga #Thailand #Aworldexplored #ที่พักเขาหลัก #ที่พักสวยเขาหลัก #ที่พักพังงา #เที่ยวเมืองไทย #เที่ยวใต้ #Kalimaresortvillaskhaolak #คาลิมารีสอร์ทแอนด์วิวล่า #ที่พักเขาหลักบรรยากาศดี #ที่พักใกล้ที่เที่ยวเกาะสิมิลัน #ที่พักบรรยากาศธรรมชาติเขาหลัก
- Santhiya Koh Yao Yai Resort & Spa สัมผัสความหรูหราในแบบไทยแท้บนเกาะยาวใหญ่ พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ
สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวทริปจังหวัดพังงา ตั้งแต่เริ่มต้นทริปเราได้เดินทางแบบผจญภัยในหลายๆสถานที่แล้ว ในช่วงอีกสองวันสุดท้ายซึ่งเราอยากจะพักอยู่แต่ในโรงแรม แบบมีบริการทุกอย่างให้กับเรา และในครั้งนี้เราจึงเลือกพักที่ Santhiya Resort and Spa Koh Yao Ya i เป็นรีสอร์ทที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ อันสงบ และเป็นรีสอร์ทที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ ที่มีห้องพักตั้งอยู่บนเขาในแต่ละระดับทำให้เราได้มองเห็นวิวอันสวยงามของวิวทะเลที่เป็นแบบส่วนตัวมากจริงๆ ที่ตั้ง Santhiya Resort and Spa Koh Yao Ya i ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของเกาะยาวใหญ่ที่ซึ่งล้อมรอบด้วยทะเลอันดามัน เกาะยาวใหญ่ตั้งอยู่ในอ่าวพังงาของจังหวัดพังงา อยู่กึ่งกลางระหว่างจังหวัดกระบี่ที่จะอยู่ทางทิศตะวันออกและภูเก็ตอยู่ทางทางทิศตะวันตก สันธิญา รีสอร์ท ตั้งอยู่ห่างจากอ่าวปอ แกรนด์ มารีน่า ภูเก็ต โดยใช้เวลานั่งเรือเร็ว 20 นาที ซึ่งห่างจากสนามบินภูเก็ตประมาณ 21 กม.เป็นที่พักเกาะยาวใหญ่ติดทะเล Santhiya Koh Yao Yai Resort & Spa ประเภทห้อง Santhiya Resort and Spa Koh Yao Yai ให้บริการห้องพัก หลายประเภทที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวทุกแบบ ไม่ว่าจะเป็น เดินทางคนเดียว คู่รัก ฮันนีมูลเกาะยาวใญ่ ครอบครัว หรือกลุ่มใหญ่ Santhiya Resort and Spa Koh Yao Yai มีห้องพักดังนี้ : 1.) Supreme Deluxe Garden View Roo m (60 m²) 2.) Supreme Deluxe Bay View Room (60 m²) 3.) Supreme Deluxe Sea View Room (60 m²) 4.) Grand Deluxe Ocean View (72 m²) 5.) Grand Deluxe Bay View (72 m²) 6.) Ocean View Pool Suite (135 m²) 7.) Ocean View Pool Villa (150 m²) 8.) 2 Bedroom Family Villa With Pool (265 m²) 9.) Royal Grand Pool Villa (265 m²) 10.) 4 Bedroom Pool Villa (449 m²) ห้องพักทุกห้องมีระเบียงพร้อมทิวทัศน์ที่สวยงาม รวมทั้งมีฝักบัวและอ่างอาบน้ำแยกจากกัน ทุกห้องพักจะมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน เช่น ทีวี เครื่องเป่าผม เสื้อคลุม ร่ม ผลิตภัณฑ์ในห้องน้ำ มินิบาร์ และบริการรูมเซอร์วิสตามต้องการ รีสอร์ทมีวิวทะเลอันดามัน รีสอร์ทไม้สัก เกาะยาวใหญ่ Santhiya Koh Yao Yai Resort & Spa สิ่งอำนวยความสะดวก Ayurvana Spa: สปา จะมีบริการนวด สครับขัดผิว ทรีทเมนท์ดูแลผิวหน้า อ่างอาบน้ำ และแพ็คเกจสปา Ayurvana Spa เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00 - 19.00 น. Beach Massage: บริการนวด ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าชายหาด เวลา 10.00 - 16.00 น. ผู้เข้าพักสามารถเลือกการนวดได้หลายประเภท เช่น อโรมาเธอราพี นวดแผนไทย นวดเท้า นวดศีรษะ Wedding Packages: Santhiya Resort and Spa Koh Yao Yai นำเสนอแพ็คเกจงานแต่งงานทั้งแบบไทยและแบบตะวันตก รวมถึงงานพิธี ความบันเทิง และบริการจัดเลี้ยง Tour Packages: สามารถจองทัวร์ผ่านโรงแรมไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ เช่น อ่าวพังงา กระบี่ เกาะไข่ ภูเก็ต เกาะเจมส์บอนด์ เกาะตะปู พีพีดอน และพีพีเล Activities: รีสอร์ทมีกิจกรรมที่หลากหลายสำหรับผู้ที่มาพัก เช่น การเรียนทำอาหาร เรียนมวยไทย และเรียนรำไทย รีสอร์ทยังมีเรือคายัคและกระดานโต้คลื่นให้บริการระหว่างเวลา 10:00 น. - 17:00 น. ร้านอาหาร คาเฟ่และบาร์ Chantara Restaurant: ห้องอาหารเปิดให้บริการตั้งแต่ 11:00 น. - 22:00 น. ให้บริการเมนูอาหารค่ำและอาหารกลางวันพร้อมอาหารไทยและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ที่ได้รับการคัดสรรมาแล้วสำหรับบรรยากาศดีๆ พร้อมวิวทะเลที่สวยงาม By the Sea Restaurant and Bar: เปิดบริการตั้งแต่ 11:00 น. - 22:00 น. ห้องอาหารแห่งนี้ให้บริการอาหารไทยและอาหารตะวันตกยอดนิยม ห้องอาหารให้ทัศนียภาพของทะเลในบรรยากาศธรรมชาติอันเงียบสงบ พร้อมบริการเครื่องดื่มนานาชาติ The Titan Grill: ร้านอาหารริมทะเลแห่งนี้เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11:00 - 23:00 น. มอบประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบเป็นกันเองด้วยสลัด เบอร์เกอร์ ฮอทดอก และอาหารปิ้งย่างที่คัดสรรมาอย่างดีบนชายหาดในบรรยากาศสบายๆ Saaitara Restaurant: ร้านอาหารบนภูเขาแห่งนี้มีทัศนียภาพที่สวยงามของอ่าวพังงา เป็นร้านอาหารเช้าหลักของรีสอร์ท ให้บริการบุฟเฟ่ต์อาหารเช้า ระหว่างเวลา 07:00 น. - 10:30 น. ทุกวัน บริการอาหารกลางวันระหว่างเวลา 11:00 น. - 17:00 น. มีทั้งอาหารไทยและอาหารนานาชาติที่ได้รับการคัดสรรอย่างดีและเครื่องดื่มเต็มรูปแบบที่บาร์ Jetinn Teppan at Pier: ร้านอาหารนี้ตั้งอยู่บนท่าเรือส่วนตัวของรีสอร์ทซึ่งอยู่ติดทะเลและให้บริการอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นที่คัดสรรมาอย่างดี เช่น กุ้ง เป็ด และเนื้อวัว นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มนานาชนิดที่ห้องอาหารเปิดให้บริการในช่วงพระอาทิตย์ตกระหว่างเวลา 17:00 น. - 19:00 น. เท่านั้น Jenita Beach Club: บีชคลับแห่งนี้มีของว่างและอาหารให้เลือกมากมายสำหรับผู้เข้าพัก โดยตั้งอยู่ริมชายหาด บีชคลับมีเครื่องดื่มหลากหลาย เช่น สมูทตี้ ม็อกเทล ค็อกเทล เบียร์ และไวน์ และเปิดให้บริการตั้งแต่ 14:00 น. - 23:00 น. Khantok Thai Cuisine: เปิดให้บริการอาหารค่ำระหว่างเวลา 17:30 น. - 23:00 น. ร้านอาหารแห่งนี้มอบประสบการณ์อาหารไทยแบบดั้งเดิมในร้านอาหารสไตล์ไทยภาคเหนือ อาหารไทยและของหวานหลากหลายเสิร์ฟพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ Private Dinner/Room Service: การรับประทานอาหารแบบส่วนตัวบนชายหาดหรือในห้องพักของคุณมีให้บริการเมื่อแจ้งความประสงค์โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม มีบริการรูมเซอร์วิสสำหรับแขกในห้องพักทุกห้อง โดยมีอาหาร เครื่องดื่ม และของว่างให้เลือกมากมาย Santhiya Koh Yao Yai Resort & Spa ราคาห้องพักที่ Santhiya Resort and Spa Koh Yao Yai จะแตกต่างกันไปตามประเภทห้อง และช่วงการท่องเที่ยวในแต่ละเดือน ราคาห้องพักมีตั้งแต่ประมาณ 2,500 - 30,000 1.) Supreme Deluxe Garden View Room คืนละประมาณ 2,500 - 3,500 บาท 2.) Supreme Deluxe Bay View Room คืนละประมาณ 2,500 - 3,500 บาท 3.) Supreme Deluxe Sea View Room คืนละประมาณ 2,500 - 3,500 บาท 4.) Grand Deluxe Ocean View คืนละประมาณ 3,500 - 5,000 บาท 5.) Grand Deluxe Bay View คืนละประมาณ 3,500 - 5,000 บาท 6.) Ocean View Pool Suite คืนละประมาณ 5,000 - 7,000 บาท 7.) Ocean View Pool Villa คืนละประมาณ 7,000 - 9,000 บาท 8.) Royal Grand Pool Villa คืนละประมาณ 9,000 - 11,000 บาท 9.) 2 Bedroom Family Villa With Pool คืนละประมาณ 11,000 - 15,000 บาท 10.) 4 Bedroom Pool Villaคืนละประมาณ 20,000 - 30,000 บาท * ราคานี้เป็นราคาโดยประมาณ สามารถดูราคาเพิ่มเติมได้ที่อโกด้าที่ Santhiya Resort and Spa Koh Yao Yai เพื่อดูราคาและการจองห้องพัก ภาพรวมของรีสอร์ท Santhiya Resort and Spa Koh Yao Yai เป็นรีสอร์ทที่สวยงามอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ทำให้ผู้ที่มาพักที่นี้ได้พบกับการพักผ่อนที่แท้จริง ที่ตั้งของรีสอร์ทแห่งนี้อยู่จุดที่สามารถเดินทางไปได้ง่ายและเหมาะสำหรับการพักผ่อนช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ พื้นที่ขนาดใหญ่ของรีสอร์ทให้ความเป็นส่วนตัว พูลวิลล่าเกาะยาวใหญ่ สำหรับการเข้าพักในวิล ล่าของโรงแรม อีกทั้ง Santhiya Resort and Spa Koh Yao Yai มี ร้านอาหารและบาร์ให้เลือกมากมาย รวมทั้งมีกิจกรรมต่างๆภายในโรงแรม เพื่อให้ผู้ที่มาพักทุกวัยได้รับความบันเทิงและพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างที่ทางโรงแรมได้เตรียมพร้อมไว้ให้จึงทำให้ผู้ที่เข้าพักไม่จำเป็นต้องออกไปหาร้านอาหารข้างนอกหรือติดต่อกิจกรรมด้านนอก เพราะที่โรงแรมมีทุกอย่างครบอยู่แล้ว สปา Santhiya koh yao yai และกิจกรรมที่เกาะยาวใหญ่ การเข้าพักที่ Santhiya Resort and Spa Koh Yao Yai เป็นประสบการณ์ที่เราอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้มาชมและสัมผัสความงดงามของรีสอร์ทที่สร้างด้วยไม้แบบไทยและเมื่อผสมผสานกับความงาม ตามธรรมชาติของป่าไม้และท้องทะเลที่รายล้อมแล้ว ความใส่ใจในรายละเอียดและการบริการที่ Santhiya Resort and Spa Koh Yao Yai ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับความต้องการและความสะดวกสบายของผู้เข้าพัก หากคุณเคยมาเที่ยวภูเก็ตหรือพังงา เราขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้มาพักที่ Santhiya Resort and Spa Koh Yao Yai เพื่อประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือนอย่างแท้จริง หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรีสอร์ทที่ยอดเยี่ยมแห่งนี้ คุณสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ Santhiya Koh Yao Yai เพื่อจองห้องพัก กับราคาที่น่าสนใจ คุณสามารถเยี่ยมชมได้ที่ Agoda ที่ Santhiya Resort and Spa Koh Yao Yai #aworldexplored #santhiya #santhiyaresortandspakohyaoyai #santhiyakohyaoyai #kohyaoyao #phangnga #thailand #สันธิญา #สันธิญารีสอร์ทแอนด์สปาเกาะยาวใหญ่ #เกาะยาวใหญ่ #เที่ยวเอง #เที่ยวไทย #พังงา
- หลีกหนีความวุ่นวาย พักกายพักใจที่เชียงราย รวม 4 โรงแรมที่พักบรรยากาศดี วิวธรรมชาติ ที่เชียงราย
เราได้วางแผนมาเที่ยวที่จังหวัดเชียงราย 7 วัน และสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่ที่เราวางแผนเที่ยวไว้นั้นก็มีเส้นทางการเดินทางที่หลากหลายห่างกันออกไป ไม่ว่าเป็นภูชี้ฟ้าและขึ้นไปเที่ยวบนดอยรอบๆเชียงราย และในทริปนี้เราจึงเลือกที่จะพักในตัวเมืองเชียงรายเป็นหลักและพักที่ภูชี้ฟ้า 1 คืน เพราะระยะทางจากตัวเมืองเชียงรายค่อนข้างไกลและเราวางแผนอยากจะขึ้นไปดูทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าที่ภูชี้ฟ้าดังนั้นเราจึงเลือกพักที่ภูชี้ฟ้า และเราได้รวบรวมที่พักพร้อมบรรยากาศของที่พัก มาให้ชมกันเผื่อท่านใดอยากจะแวะมาเที่ยวเชียงรายมาชมธรรมชาติ ชมเที่ยวเมืองเชียงรายก็สามารถเลือกมาพักกันได้เลย Mora Boutique Hotel ( โรงแรมโมรา เชียงราย ) เราเลือกที่จะพักที่ โรงแรม Mora Boutique Hotel ทั้งหมด 2 คืน เป็นโรงแรมที่อยู่ในเมืองและอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน ซึ่งเรามาถึงที่เชียงรายในช่วงเย็น ดังนั้นการได้พักหลังจากที่เดินทางมาทั้งวันก็ถือเป็นสิ่งที่เราต้องเตรียมตัวเก็บพลังงานเพื่อที่เดินทางท่องเที่ยวในวันถัดไป เราพักที่นี่สองคืนจองห้องพักพร้อมอาหารเช้าและจองห้องแบบวิวสระว่ายน้ำ เป็นโรงแรมที่มีการตกแต่งได้สวยงามมาก ห้องนอนจะแบ่งแยกออกจากห้องน้ำ เป็นสัดส่วน ห้องน้ำมีการออกแบบเป็นอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่วางอยู่ตรงกลางของห้องน้ำ ทำให้เราได้สัมผัสมุมมองที่แตกต่างสวยงามและลงตัว สามารถเดินออกมาตรงระเบียงและชมวิวด้านนอกของโรงแรมสัมผัสได้ถึงการได้ใกล้ชิดธรรมชาติ สำหรับอาหารเช้าเราก็ประทับใจด้วยเช่นกันทั้งรสชาติของอาหารเช้าที่อร่อยมากและการบริการที่เป็นเลิศของพนักงานที่นี่ การพักสองคืนของเราที่นี่ทำให้เราได้ความประทับกลับไปอย่างเต็มเปี่ยม สนใจเข้าพักที่โรงแรมโมรา สามารถจองห้องพักได้ที่ Agoda ลักษณ์ภูชี้ฟ้า 2 สำหรับวันที่สามของเราที่เชียงราย หลังจากที่เราได้เช็คเอาท์ช่วงเช้าจากโรงแรมโมรา เราก็มุ่งหน้าขึ้นไปยังภูชี้ฟ้า ในการหาที่พักสำหรับเราที่ภูชี้ฟ้าแล้วเราใช้เวลาในการหาที่พักค่อนข้างใช้เวลานาน เราต้องหาข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติมเกี่ยวกับระยะทางในการขึ้นไปยังภูชี้ฟ้า และการไปเที่ยวชมจุดอื่นๆที่ใกล้ๆกัน ได้ง่ายขึ้น ดังนั้นสำหรับอีกหนึ่งคืนเราจึงเลือกพักที่ ลักษณ์ภูชี้ฟ้า 2 ห้องพักมีหลายรูปแบบทั้งแบบเป็นห้อง แบบเต้นท์ และแบบกระโจม แต่ถ้าการได้มาเที่ยวครั้งแรกที่ภูชี้ฟ้าเราก็อยากจะเห็นวิวสวยๆ เราจึงเลือกพักห้องพักแบบ กระโจม โดยเลือกแบบมีห้องน้ำในตัว เพราะจะได้สะดวกสบายเวลาเราต้องการเข้าห้องน้ำ และสำหรับการพักที่นี่ บรรยากาศ วิว สวยงามมาก ทั้งในช่วงกลางวัน ช่วงพระอาทิตย์ตก ได้สัมผัสกับสีสันความงามของธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มปอด ซึ่งอากาศในช่วงเย็นอากาศจะหนาว เหมาะอย่างยิ่งกับการเปิดประสบการณ์ใหม่ กินหมูกระทะบนภูชี้ฟ้าบอกเลยว่าฟินที่สุด การมาพักที่นี่ถือว่าคุ้มเป็นอย่างมากทั้งการบริการที่เป็นกันเอง สนใจเข้าพักที่ ลักษณ์ภูชี้ฟ้า2 สามารถจองห้องพักได้ที่ Facebook page ลักษณ์ภูชี้ฟ้า เลอ เมริเดียน เชียงราย รีสอร์ท ( Le Méridien Chiang Rai Resort ) หลังจากที่เราได้เดินทางท่องเที่ยวขึ้นไปยัง ภูชี้ฟ้า ภูชี้ดาว ภูชี้ดาว ผาตั้ง เดินขึ้นเขาตั้งแต่เช้าจนกระทั่งเย็น ทำให้เรามีอาการเหนื่อยล้า เราจึงคิดว่าจะต้องได้พักผ่อนเก็บพลังงานเพิ่มเติมก่อนหนึ่งคืน เราจึงได้เลือกที่จะพักที่ เลอ เมริเดียน เชียงราย รีสอร์ท ( Le Méridien Chiang Rai Resort ) อยากสัมผัสประสบการณ์ความหรูหราของโรงแรมระดับ 5 ดาว ในเครือของ Marriot Bonvoy เราจะได้พักผ่อนได้เต็มที่เพราะที่นี่มีบริการที่ครบครัน เราสามารถเลือกใช้บริการต่างๆของทางโรงแรมแรมได้เลย อีกทั้งสำหรับการพักที่นี่พลาดไม่ได้คือการเดินเล่นรอบๆในช่วงเช้า บรรยากาศดีมาก ล้อมรอบด้วยธรรมชาติและติดกับแม่น้ำกกที่ไหลผ่าน พร้อมทั้งพื้นที่ของโรงแรมที่กว้างใหญ่ทำให้เราได้ทั้งเดินเล่นรอบๆและเดินออกกำลังกายได้อีกด้วย ในส่วนของสระว่ายน้ำนั้นวิวสวยมาก ได้ทั้งเล่นน้ำและวิวสวยประทับใจ สำหรับอาหารเช้าของที่นี่ คืออร่อยมาก มีอาหารให้เราเลือกทานได้หลายอย่าง เป็นมื้อเช้าที่เต็มอิ่ม ด้วยรสชาติและคุณภาพของที่นี่ดีเยี่ยมจริงๆ สนใจเข้าพักที่โรงแรม เลอเมริเดียน เชียงรายรีสอร์ท สามารถจองห้องพักได้ที่ Agoda เดอะ เลเจ้นด์ เชียงราย ( The Legend Chiang Rai ) เมื่อพักผ่อนจนเต็มที่แล้วและการเดินทางของเรานั้นยังมีสถานที่ที่น่าสนใจที่เราจะต้องไปเที่ยวชมอีกมากมาย และอีกสามคืนที่เชียงรายนั้นเราเลือกที่จะพักที่ เดอะ เลเจ้นด์ เชียงราย สำหรับที่พักที่นี่เราเลือกแบบห้องขนาดใหญ่ พื้นที่ของห้องกว้างมากอีกทั้งระเบียงด้านนอกสามารถออกมานั่งชมบรรยากาศด้านนอกได้ โดยรอบของโรงแรมล้อมรอบด้วยธรรรมชาติ เงียบสงบ สามารถเดินเล่นรอบๆชมธรรมชาติและสระว่ายน้ำก็อยู่ใกล้กับแม่น้ำกก สำหรับสามคืนที่เราพักที่นี่ถือว่าคุ้มค่ามากเพราะง่ายต่อการเดินทางไปในจุดสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆได้ง่าย และในช่วงที่เราเข้ามาพักที่นี่จะมีรถบริการส่งเราที่สนามบินฟรีอีกด้วยถือว่าคุ้มค่ามาก ได้พักในโรงแรมบรรยากาศดี นอนพักสบาย พร้อมสระว่ายน้ำได้เล่นน้ำพักผ่อนหลังจากที่เดินทางท่องเที่ยวมาเหนื่อยทั้งวัน สนใจเข้าพักที่โรงแรม เดอะเลเจ้นด์ เชียงราย สามารถจองห้องพักได้ที่ Agoda สามารถอ่านทริปท่องเที่ยวเชียงราย เพิ่มได้ที่นี่ 1.) เที่ยว 8 ภูเขาที่เชียงราย 2.) ไหว้พระ 5 วัดในเชียงราย 3.) 10 ร้านกาแฟที่เชียงราย #เที่ยวเชียงราย #เชียงราย #ที่พักเชียงราย #ที่พักบรรยากาศดีเชียงราย #ที่พักวิวสวยเชียงราย #ลักษณ์ภูชี้ฟ้า2 #โรงแรมโมราเชียงราย #โรงแรมเลอเมอริเดียนเชียงราย #โรงแรมเดอะลีเจ้นด์
- รวมลิสต์ 10 ร้านกาแฟวิวสวยที่สุดในเชียงราย ถ่ายรูปมุมไหนก็ปังแน่นอน!
การเดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดเชียงราย นอกจากเป้าหมายหลักของเราก็คือการได้ เที่ยวชมธรรมชาติ เที่ยวภูเขาที่มีมากมายล้อมรอบเมืองเชียงราย แต่ก็ยังมีอีกสถานที่ดึงดูดให้เราต้องเดินทางไปเยี่ยมชมให้ได้อีกก็คือ บรรยากาศของร้านกาแฟที่มีการออกแบบที่สวยงามตั้งอยู่ในแต่ละจุดสำคัญๆของแต่ละสถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมของเชียงราย และวันนี้เราก็จะมาแนะนำร้านกาแฟที่วิวสวย บรรยากาศดี สะกดจิต สะกดใจ ทำให้เราหลงใหลในมนต์เสน่ห์ของจังหวัดเชียงราย 1.) MiYo Coffee & Bar Miyo Coffee & Bar ร้านกาแฟที่ตั้งอยู่บนดอยช้าง เมื่อเราเดินทางมาชมความงามของวิวทิวทัศน์ของดอยช้างแล้ว เป็นอีกหนึ่งร้านกาแฟที่มีวิว มุมถ่ายรูปที่สวยงาม สามารถมองเห็นวิวภูเขาที่สลับซับซ้อนกัน เรียงรายสวยงามมาก บรรยากาศเงียบสงบ การตกแต่งภายในจะใช้เป็นไม้เก่าๆ เนรมิตสร้างเป็นร้านกาแฟอีกสไตล์ที่แตกต่าง การได้นั่งลิ้มรสของกาแฟที่เราชอบกับบรรยากาศรอบด้านที่ตรึงตราตรึงใจ คุ้มค่าในการแวะชมบรรยากาศและกาแฟอร่อยมาก Facebook: MiYo Coffee & Bar โทร: 092 459 7144 ที่อยู่: https://goo.gl/maps/ZwRc3DfdLmoYVt4n6 เปิด: Monday-Sunday 08:00-17:00 2.) Yayo Farm Yayo Farm เป็นอีกหนึ่งร้านกาแฟที่ตั้งอยู่บนดอยช้าง สิ่งที่สะดุดสายตาเมื่อเข้ามาในร้านกาแฟนี้คือ การออกแบบจุดชมวิว จุดถ่ายภาพที่แบบสมัยใหม่แต่ยังคงไว้ให้เข้ากับบรรยากาศที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติ บรรยากาศภายในร้านมีโต๊ะที่นั่งให้เลือกที่หลากหลายมุม และจุดถ่ายรูปที่เป็นของไฮไลท์ของที่นี่ เมื่อมาแล้วก็ต้องมาออกแบบท่าโพสเก็บภาพให้ครบทุกมุม และที่สำคัญที่นี่มีเมนูกาแฟให้เลือกเยอะมาก อีกทั้งเมนูที่เป็นซิกเนอร์เจอร์ของที่นี่ก็น่าจะลิ้มลองด้วยรสชาติและความสวยงามในการดีไซน์ในแบบของ Yayo Farm Facebook: Yayo Farm โทร: 096 060 1314 ที่อยู่: https://goo.gl/maps/7h7VL1nJ2yC2RvR4A เปิด: Monday-Sunday 08:30-17:30 3.) Cafe Lista Cafe Lista เป็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ไม่ไกลมากจากตัวเมืองเชียงราย เป็นอีกหนึ่งร้านกาแฟที่อยู่ในลิสต์และเป็นที่นิยมของใครหลายๆคนเมื่อแวะมาเที่ยวที่เชียงราย วิวทิวทัศน์ของร้านกาแฟจะตั้งอยู่ใจกลางท้องทุ่งนาและล้อมรอบด้วยวิวภูเขาที่สวยงามมาก อีกทั้งมีพื้นที่โดยรอบที่สามารถเลือกที่นั่งด้านนอก นั่งชิวบรรยากาศแคมป์ปิ้ง ที่มีการจัดมุมถ่ายรูปที่หลากหลายรูปแบบ ในพื้นที่อันกว้างใหญ่ของร้านกาแฟ Facebook: Cafe Lista โทร: 083 515 1510 ที่อยู่: https://goo.gl/maps/dQpNXFutC4x6m52F8 เปิด: Tuesday-Sunday 10:00-18:00 4.) Manorom Coffee มโนรมย์ เป็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ตัวเมืองเชียงราย อยู่ใกล้ๆกับวัดร่องเสือเต้น ร้านกาแฟมีการตกแต่งออกแบบที่ให้เราสามารถเลือกได้ทั้งด้านในและนั่งด้านนอกของร้านกับบรรยากาศท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ที่เรียงรายกันตามแนวของแม่น้ำกกที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงราย เป็นอีกหนึ่งบรรยากาศที่ลงตัวทั้งวิวทิวทัศน์และรสชาติกาแฟ อีกทั้งสามารถเดินชมธรรมชาติรอบได้อีกด้วย Facebook: มโนรมย์ โทร: 092 373 7666 ที่อยู่: https://goo.gl/maps/DrwuL2ffWyFpzLuC7 เปิด: Monday-Sunday 10:30-20:00 5.) Chivit Thamma Da Coffee House ชีวิตธรรมดา คาเฟ่ เป็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่เขตตัวเมืองเชียงรายและอยู่ใกล้ๆกับวัดร่องเสือเต้น เป็นร้านที่มีทั้งอาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลายให้เราสามารถเลือกชิมลิ้มลองได้ตามความชอบของเราได้เลย บรรยากาศภายในร้านจะมีทั้งให้เลือกนั่งทั้งด้านในและด้านนอก มีอาคารสองหลังที่รอบล้อมด้วยบรรยากาศภายนอกที่มีที่นั่งให้เราเลือกหลายมุมทั้งชั้นบนและด้านล่างใกล้ๆริมแม่น้ำกกและต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบ ส่วนมุมถ่ายรูปนั้นมีให้เลือกเก็บภาพได้เยอะเลย Facebook: Chivit Thamma Da Coffee House, Bistro & Bar โทร: 053 166 967 ที่อยู่: https://g.page/ChivitThammada?share เปิด: Monday-Sunday 09:00-21:00 6.) สวนคุณปู่ Life Museum สวนคุณปู่ Life Museum เป็นร้านที่ตั้งอยู่บนดอยผาหมีและอยู่ไม่ไกลมากผาฮี้ เมื่อเรามาถึงที่จอดรถของร้านต้องเดินเข้าไปอีกนิดนึง แต่ทางเดินค่อนข้างชันซึ่งทางเดินลงไปที่ร้านจะมีทั้งที่เป็นถนนคอนกรีตและอีกเส้นทางเดินลงอีกทางเป็นเส้นทางลัดเลาะธรรมชาติ ด้านข้างๆของไร่กาแฟ เราแนะนำให้เดินในเส้นนี้ เดินง่ายกว่าและในแนวทางเดินจะมีการทำขั้นบันไดเล็กๆให้ทำให้เราเดินง่ายขึ้น แต่ระยะเวลาการเดินทางการค้นหาร้านกาแฟอาจจะใช้เวลาหน่อย แต่เมื่อมาถึงภายในร้านแล้วจะหายเหนื่อยเลยทันทีเพราะวิวทิวทัศน์สวยมาก เป็นการเลือกที่ตั้งของร้านได้ในแบบที่ไม่เหมือนใคร ที่ได้ทั้งวิวจากภูเขาโดยรอบ มีทั้งวิวจากสระน้ำด้านหน้าที่ทำให้ใสามารถนั่งชมบรรยากาศรับลมเย็นพร้อมทั้งดื่มด่ำกับรสชาติอาหารและเครื่องดื่มแบบฟินไปเลยทีเดียว ซึ่งถือได้ว่าเป็นร้านกาแฟที่ต้องห้ามพลาดเลย Facebook: สวนคุณปู่ Life Museum โทร: 0612678868 ที่อยู่: https://goo.gl/maps/3uYkxngpVoY7wKEP8 เปิด: Monday-Sunday 08:30-18:00 7.) Choui Fong Tea Cafe ไร่ชา ฉุยฟง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ เมื่อมาถึงเชียงรายแล้วต้องแวะไปเก็บภาพบรรยากาศ พร้อมทั้งเราจะได้เข้าไปชมไร่ชาที่กว้างใหญ่ไพศาล มองเห็นวิวบรรยากาศเทือกเขาเรียงรายกันเป็นวิวที่สวยงาม มีจุดให้เราแวะถ่ายภาพที่หลากหลาย ด้วยอากาศที่เย็นสบายทำให้เราสามารถเดินเล่นชมบรรยากาศโดยรอบ พร้อมทั้งกระบวนการผลิตชาของที่นี่ ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก แนะนำให้มาช่วงเช้าๆหน่อย เพราะคนไม่เยอะและทำให้เราสามารถเก็บภาพสวยๆได้อย่างเต็มที่ Facebook: Choui Fong Tea โทร: 063 779 9555 ที่อยู่: https://goo.gl/maps/KsQdJ6Gw6ZWGuWrQ9 เปิด: Monday-Sunday 08:30-17:30 8.) Muilah Phahee Coffee หมื่อแลคาเฟ่ ผาฮี้ เป็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ที่ผาฮี้ ที่อยู่ในระหว่างทางที่เราเดินลงไปในหมู่บ้านผาฮี้ เป็นร้านที่ตั้งอยู่ทางลาดชันพอดีจึงทำให้มีวิวทิวทัศน์ที่โดดเด่น ที่สามารถขึ้นไปชั้นบนของร้านที่จะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของหมู่บ้านได้ชัดเจนและภูเขาลูกใหญ่ที่ตั้งตระหง่าน ทำให้เราได้บรรยากาศแบบธรรมชาติ กับอากาศเย็นๆ ลมเย็นๆ นั่งชิวๆบนดอยผาฮี้ Facebook: Muilah Phahee Coffee โทร: 097 210 3140 ที่อยู่: https://goo.gl/maps/8UYobyAGjeCFzuQL6 เปิด: Monday-Sunday 08:00-18:00 9.) The BC2 The BC2 เป็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่บนดอยช้าง บรรยากาศของร้านที่ล้อมรอบด้วยวิวภูเขาและมองเห็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในระหว่างหุบเขา ร้านจะมีมุมให้ถ่ายรูปด้านบนถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่จะอยู่ชั้นบนของร้าน ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปที่สวยมาก เป็นการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ได้บรรยากา่ศของการมาร้านกาแฟอีกแบบ ส่วนด้านนอกของร้านก็จะมีพื้นที่ให้นั่งที่ชมวิวดื่มด่ำกับบรรยากาศธรรมชาติเป็นแนวยาวออกไปจากร้านกาแฟ เราสามารถเดินเล่นรอบๆ ชมธรรมชาติได้ด้วย Facebook: The BC2 โทร: 080 629 5433 ที่อยู่: https://goo.gl/maps/4wJ76dPESwF9BMMA9 เปิด: Monday-Sunday 08:00-17:30 10.) U Garden ดอยช้าง U Garden เป็นอีกหนึ่งร้านกาแฟที่ตั้งอยู่บนดอยช้าง เป็นร้านกาแฟร้านเล็กๆ ที่ด้านหน้าจะมีสวนผักและมุมถ่ายรูปก่อนเข้าไปในร้านทำให้เราชอบบรรยากาศของร้านที่มีการตกแต่งร้านอย่างลงตัว พอเราเข้ามาภายในร้านเราก็จะพบกับวิวภูเขาที่สวยงามพร้อมกับมุมถ่ายภาพที่แตกต่าง ในการดีไซน์ที่ไม่ซ้ำใคร ทำให้ได้ภาพบรรยากาศในอีกรูปแบบ มุมสวยๆที่ไม่เหมือนใคร เป็นการผสมผสาน ธรรมชาติกับแฟชั่นได้อย่างลงตัว Facebook: U Garden โทร: 097 339 9628 ที่อยู่: https://goo.gl/maps/jETVhboByiiFJ5wy6 เปิด: Monday-Sunday 09:00-18:00 สามารถอ่านทริปท่องเที่ยวเชียงราย เพิ่มได้ที่นี่ 1.) เที่ยว 8 ภูเขาที่เชียงราย 2.) ไหว้พระ 5 วัดในเชียงราย 3.) ที่พักบรรยากาศดี วิวสวย ที่เชียงราย
- ปักหมุด! 5 วัดสวยเชียงราย ไหว้พระขอพร เสริมสิริมงคล วัดศักดิ์สิทธิ์เชียงราย
การได้มาท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมและธรรมชาติที่งดงาม อีกทั้งยังมีวัดที่เป็นแหล่งรวมจิตใจของคนเชียงราย ถือเป็นสถานที่สำคัญที่เราควรที่จะไปไหว้พระเพื่อเป็นสิริมงคล ให้กับตัวเอง พร้อมทั้งได้ชมศิลปะที่สวยสดงดงามที่ทำให้เราได้รับความประทับใจกลับไปอีกด้วย 1.) วัดร่องเสือเต้น (Blue Temple) วัดร่องเสือเต้น เป็นวัดที่มีนักท่องเที่ยวนิยมแวะมาเที่ยวที่นี่เพื่อไหว้พระทำบุญและชมความสวยงามของสถาปัตยกรรม ถือเป็นสถานที่สำคัญของจังหวัดเชียงรายเมื่อเดินทางมาเยือนจังหวัดเชียงราย ต้องเข้ามาไหว้พระ และมาชมความสวยงามในการสร้างสรรค์ผลงานการออกแบบได้อย่างวิจิตรงดงามตระการตา โดยวิหารวัดร่องเสือเต้น ผู้ที่ออกแบบและสร้างสรรค์ เป็นศิลปินชาวเชียงราย นายพุทธา กาบแก้ว ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ตั้งอยู่เลขที่ 306 หมู่ 2 หมู่บ้านร่องเสือเต้น ถนนแม่กก ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เปิด: Monday-Sunday 07:00-20:00 ที่ตั้ง: https://goo.gl/maps/jnSM1rw16iazPpDi8 2.) วัดร่องขุ่น (White Temple) วัดร่องขุ่น ถือเป็นวัดแลนด์มาร์คของจังหวัดเชียงราย เมื่อมาถึงที่นี่ต้องได้แวะมากราบสักการะ และชมสถาปัตยกรรมอันงดงามอลังการ ด้วยเอกลักษณ์ที่แบบฉบับที่ลงตัวในการออกแบบและสร้างสรรค์ เป็นวัดที่ออกแบบและก่อสร้างโดย อาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองเชียงราย โดยได้มีต้นแบบการออกแบบมาจากวัดมิ่งเมือง เป็นวัดพุทธ ประจำจังหวัดเชียงราย เมื่อถ้าได้มาเที่ยวเชียงราย เป็นอีกจุดสำคัญที่เราต้องได้ไหว้พระสักการะเพื่อเป็นศิริมงคลให้กับตนเองและครอบครัว พร้อมทั้งได้ชมความสวยงามและประทับใจที่ได้มาเยี่ยมชม เปิด: Monday-Sunday 08:00-17:00 ที่ตั้ง: https://goo.gl/maps/rtVJyP6X5n6hA79D8 3.) ไร่เชิญตะวัน (Rai Chern Tawan Meditation Centre) ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน ก่อตั้งโดย ท่าน ว.วชิรเมธีหรือ พระมหาวุฒิชัย วชิราเมธี โดยมีวัตถุประสงค์ในการเป็น ศูนย์กลางในการเผยแผ่พระพุทฑศาสนาสู่ประชาคมโลก ตั้งอยู่เลขที่ 217 บ้านใหม่สันป่าเหียง ต.ห้วยสัก อ.เมือง จ.เชียงราย ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 170 ไร่ เมื่อได้เข้ามาด้านในล้อมรอบด้วยธรรมชาติ ด้วยเนื้อที่กว้างใหญ่ทำให้เราสามารถเดินชมบรรยากาศโดยรอบด้วยอากาศที่เย็นสบาย และรับรู้ได้ถึงความเงียบสงบ พร้อมทั้งในระหว่างทางเดินจะมีธรรมะที่ให้เราได้อ่าน ถือเป็นสิ่งที่ทำให้เราได้หยุดคิดแล้วได้เรียนรู้บทธรรมะไปพร้อมกับการเดินเที่ยวชมสถานที่แห่งนี้ ไร่เชิญตะวันจะตั้งอยู่ในเส้นทางที่จะเดินทางไปยังภูชี้ฟ้า เปิด: Monday-Sunday 08:00-17:00 ที่ตั้ง: https://goo.gl/maps/samsStbCPTDDH4Fc6 4.) วัดแสงแก้วโพธิญาณ ( Saengkaew Phothiyan Temple) วัดแสงแก้วโพธิญาณ ตั้งอยู่บนดอยม่อนแสงแก้ว 191 หมู่ 11 บ้านใหม่แสงแก้ว ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เป็นวัดที่มีความงดงามของสถาปัตยกรรมต่างๆที่ถูกออกแบบโดย พระครูบาอริยชาติ ที่จะผสมผสานศิลปะล้านนา ศิลปะไทยใหญ่และศิลปะพม่า วัฒนธรรมของชาวพุทธในดินแดนล้านนา การได้เข้ามาชมภายในวัดเป็นการออกแบบสร้างสรรค์ได้อย่างงดงามตระการตา เมื่อเดินชมเข้ามาด้านในจะพบกับความหลากหลายของศิลปะที่มีการออกแบบที่แตกต่างกันออกไป ทำให้เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมของชาวพุทธในถิ่นล้านนา ในการเดินทางที่วัดแสงแก้วโพธิญาณ จะอยู่ฝั่งโซนที่จะเดินทางไปยังดอยช้าง เปิด: Monday-Sunday 06:00-18:00 ที่ตั้ง: https://goo.gl/maps/19FkxTQygsy6FLEi8 5.) วัดห้วยปลากั้ง วัดห้วยปลากั้ง เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ 553 หมู่ 3 ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย มีเนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ ตั้งอยู่บนเนินเขาลูกเล็ก เป็นการสร้างสรรค์และออกแบบทั้งเจดีย์และวิหาร ที่มีขนาดใหญ่อลังการ การได้รวบรวมความศรัทธาของพระพุทธศาสนา ซึ่งมากการผสมผสานศิลปะในแบบจีนกับล้านนา ซึ่งทำให้เกิดความหลากหลายในแบบต่างๆ ทำให้เราได้ชมความงดงามของวัดห้วยปลากั้ง พร้อมทั้งองค์เจ้าแม่กวนอิม เราสามารถขึ้นไปบนจุดชมวิวจุดสูงสุดของวัดซึ่งจะมีค่าบริการคนละ 40 บาท มีทั้งหมด 25 ชั้น ด้านบนก็มีการออกแบบสถาปัตยกรรมที่สวยงาม และชมวิวโดยรอบเมืองเชียงราย และที่วัดยังมีรถบริการนั่งเที่ยวชมรอบวัดด้วยเช่นเดียวกัน เปิด: Monday-Sunday 07:00-21:30 ที่ตั้ง: https://goo.gl/maps/C95TBzsA4uBKLUe96 ไหว้พระเชียงราย วัดเชียงราย เชียงรายวัดสวย ที่เที่ยวเชียงราย เที่ยวเชียงรายไหว้พระ สามารถอ่านทริปท่องเที่ยวเชียงราย เพิ่มได้ที่นี่ 1.) เที่ยว 8 ภูเขาที่เชียงราย 2.) ที่พักบรรยากาศดี วิวสวย ที่เชียงราย 3.) 10 ร้านกาแฟที่เชียงราย
- พิชิต 8 ยอดดอยในเชียงราย ดินแดนสวรรค์บนดินที่ต้องไปสัมผัสให้ได้เมื่อมาเที่ยวเชียงราย
เมื่อเราจะไปเที่ยวภาคเหนือ สิ่งแรกที่เราอยากไปสัมผัสบรรยากาศสักครั้งก็คือ วิวทิวทัศน์และอากาศหนาวๆบนภูเขา และในครั้งนี้เราก็ได้เดินทางมาเที่ยวภูเขาที่เชียงราย เป้าหมายหลักของเราก็คือการได้เห็นทะเลหมอกที่ภูชี้ฟ้า ซึ่งสำหรับทริปการเดินทางท่องเที่ยวของเราในครั้งนี้ใช้เวลาทั้งสิ้น 1 สัปดาห์ที่จังหวัดเชียงราย เราเริ่มหาข้อมูลและวางแผนการเดินทางในครั้งนี้ ซึ่งระยะทางจากอำเภอเมืองเชียงรายไปยังภูชี้ฟ้าประมาณ 90 กิโลเมตร ดังนั้นเราจึงได้พักที่ภูชี้ฟ้า 1 คืน สำหรับทริปนี้ของเรา เราไม่ชำนาญในการเดินทางเส้นทางในพื้นที่ภูเขา เราจึงได้เช่ารถพร้อมคนขับ ทำให้เราไปเที่ยวชมจุดต่างๆได้อย่างครบถ้วน อีกทั้งคนขับก็ชำนาญเส้นทางอีกทั้งแนะนำที่เที่ยวให้กับเรา ทำให้ทริปนี้เราได้เห็นธรรมชาติที่สวยงามของจังหวัดเชียงรายแบบเต็มอิ่มเลยทีเดียว 1.) ดอยช้าง ดอยช้าง ระยะทางจะอยู่ไม่ไกลมากจาก อำเภอเมืองเชียงราย ใช้เวลาการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงจากเชียงราย บรรยากาศรอบข้างบนดอยช้างล้อมรอบด้วยภูเขาน้อยใหญ่ที่สลับซับซ้อน บวกกับอากาศที่กำลังเย็นๆ จะมีจุดชมวิวให้เราได้แวะถ่ายรูปสวยๆ อีกทั้งได้มีผักผลไม้ กาแฟ จากชาวบ้าน ที่นำมาขายระหว่างทางให้เราได้สัมผัสอีกหนึ่งบรรยากาศและได้เลือกซื้อผลไม้สดๆจากไร่ของที่นี่ และเป็นที่ขึ้นชื่อของที่ดอยช้างก็คือกาแฟ จะมีพื้นที่เพาะปลูกกาแฟเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งที่จะมีร้านกาแฟมากมายให้เราได้แวะชิมรสชาติกาแฟพร้อมกับวิวสวยๆที่เมื่อทุกคนที่ได้มาที่นี่แล้วห้ามพลาดเลยทีเดียว หรือเราอาจจะตั้งทริปเมื่อแวะมาที่ดอยช้างคือ ทริปร้านกาแฟ เพราะร้านกาแฟ สวยๆ เรียงรายตามถนนที่เราเดินทางขึ้นมายังดอยช้าง ที่ตั้ง: https://goo.gl/maps/m4xEHm1X8KM2BUao9 2.) ดอยช้างมูบ ดอยช้างมูบ เป็นอีกจุดชมวิวที่ทำให้เราได้เห็นบรรยากาศภูเขาอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ธรรมชาติที่เขียวขจี อากาศที่เย็นสบาย โดยมองออกไปอีกฝั่งนึงก็จะเป็นประเทศเมียนมา เขตชายแดนนั่นเอง การเดินทางมายังดอยช้างมูบจากตัวอำเภอเมืองเชียงราย จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งเส้นทางที่เดินทางมายังดอยช้างมูบนี้ เราสามารถแวะเที่ยวไร่ชาฉุยฟงและแวะชมดอกไม้ที่ดอยตุงก่อนได้ เพราะอยู่ในโซนเส้นทางเดียวกัน ซึ่งในการเดินทางมายังดอยช้างมูบนี้เป็นแนวชายแดนไทย-เมียนมา เราจะต้องเตรียมบัตรประชาชนไว้ด้วยเพราะเจ้าหน้าที่จะของตรวจและถ่ายรูปไว้ด้วย เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง และบนจุดชมวิวนี้ยังมีร้านกาแฟให้เราได้ลิ้มรสชาติของกาแฟที่นี่พร้อมกับกับวิวทิวทัศน์แบบสวยงามอลังการ ที่ตั้ง: https://goo.gl/maps/E3nVXygTCTxZxrVc8 3.) ดอยตุง ดอยตุง การเดินทางมายังดอยตุงจากตัวอำเภอเมืองเชียงรายจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ถนนทางขึ้นดอยจะคดเคี้ยว จะล้อมรอบไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่และวิวทิวทัศน์ในระหว่างเดินทางขึ้นเขาที่สวยงาม เราวางแผนมายังที่ดอยตุงในช่วงเช้า เพราะเราจะได้แวะมาชมความงามของสวนดอกไม้ของที่นี่ สวนแม่ฟ้าหลวง และเราสามารถขึ้นไปชมพระตำหนักดอยตุง จะมีเส้นทางให้เราได้เที่ยวชมธรรมชาติ ซึ่งสำหรับที่นี่เป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญ สิ่งอำนวยความสะดวกก็จะครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของฝาก มีให้เราเลือกซื้ออย่างจุใจเลยทีเดียว และเมื่อเราได้ลงไปชมความงามของสวนดอกไม้เมืองหนาวของที่นี่ บอกได้เลยว่าสวยงามประทับใจมาก ที่ตั้ง: https://goo.gl/maps/TbjiQYMd7rihTr3v5 4.) ดอยผาฮี้ ดอยผาฮี้ จะอยู่ไม่ไกลจากดอยช้างมูบ ขับรถมาอีกประมาณ 15 นาที ซึ่งเราวางแผนการท่องเที่ยวไว้ว่าเราจะมาแวะกินข้าวเที่ยงกันที่นี่ เพราะที่ดอยผาฮี้จะมี โฮมสเตย์ รีสอร์ท เป็นจำนวนมาก อีกทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟก็มีเยอะเช่นเดียวกัน ดอยผาฮี้ จะมีจุดให้เราจอดรถด้านบน และให้เราเดินลงไปตามถนนของหมู่บ้านผาฮี้ ซึ่งเราสามารถที่จะแวะร้านกาแฟ หรือร้านอาหารตามที่เราชอบได้เลย ระหว่างทางเดินลงจะชันหน่อยต้องค่อยๆเดิน และถนนทางเดินจะอยู่ในหมู่บ้านจึงเดินสะดวก ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของผู้คนที่อยู่บนดอยผาฮี้ บรรยากาศดี อากาศเย็นเดินเล่นได้สบาย และได้มาลองชิมอาหารที่ผาฮี้ที่อร่อยแบบไม่เหมือนใคร ที่ตั้ง: https://g.page/phahee-valley-cafe-homestay?share 5.) ภูชี้ฟ้า ภูชี้ฟ้า อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงราย ประมาณ 90 กิโลเมตร และในครั้งนี้เราต้องการที่จะขึ้นไปดูทะเลหมอก ดังนั้นเราจึงจะต้องพักที่ภูชี้ฟ้า 1 คืน เพื่อเราจะต้องตื่นแต่เช้าไปดูทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้น เราพักรีสอร์ทด้านล่างที่ไม่ห่างจากจุดชมวิวภูชี้ฟ้า ประมาณช่วงเวลา 05.00 น.จะมีรถบริการคนละ 60 บาท (ไป-กลับ) พาเราไปยังทางขึ้นจุดชมวิว เราสามารถถามรถจากที่พักรีสอร์ทเราได้เลย เมื่อถึงทางขึ้นภูชี้ฟ้า เราต้องเดินขึ้นไปอีกประมาณ 700 เมตร แนะนำให้ติดไฟฉายอันเล็กๆไปด้วย เพราะใช้ในการส่องสว่างในระหว่างการเดินทาง ในช่วงเช้าตรู่อาจจะยังไม่สว่างมากนัก และให้ใส่รองเท้าที่สามารถเดินได้ง่าย เพราะระหว่างทางอาจมีหมอกลงหรือฝนตกมาก่อนหน้านี้ ถนนจะลื่น ต้องระวังในการเดิน และอย่าลืมพกน้ำเปล่าติดตัวขึ้นไปด้วยจะได้จิบระหว่างการเดินทาง เพราะเราต้องใช้เวลาในการถ่ายรูปนานพอสมควร เพราะวิวด้านบนสวยอลังการมากที่สุด สำหรับคนที่กำลังจะมาเที่ยวที่เชียงราย เราขอแนะนำที่ภูชี้ฟ้า ทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นสวยมาก ประทับใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ตั้ง: https://goo.gl/maps/rFJ89XX3rH2pALLw8 6.) ภูชี้ดาว ภูชี้ดาว อยู่ห่างจากภูชี้ฟ้าไม่ไกลมากนัก เป็นจุดแรกที่เราเลือกที่จะขึ้นมาชมวิวทิวทัศน์ที่นี่ หลังจากที่เราเริ่มออกเดินทางมาจากตัวเมืองเชียงราย เราแวะทานข้าวเที่ยงตรงร้านอาหารตามสั่งที่จุดบริการรถขึ้นไปยังภูชี้ดาว ซึ่งในการขึ้นไปชมวิวภูชี้ดาวนั้น เราไม่สามารถเอารถตัวเองขึ้นไปได้เนื่องจากทางขึ้นเขาที่อันตรายและชันมากซึ่งต้องใช้รถกระบะและมีคนขับขึ้นที่ชำนาญทาง เราเช่ารถพร้อมคนขับพาเราขึ้นไปค่าบริการแบบเหมาคัน 500 บาท เรานั่งรถกระบะขึ้นไปตรงจุดจอดรถประมาณ 30 นาที ระยะทางไม่ไกลแต่เนื่องด้วยทางขึ้นค่อนข้างยากจึงทำให้ใช้เวลานานขึ้น เมื่อถึงตรงจุดจอดรถเราต้องเดินขึ้นไปที่จุดชมวิวอีกประมาณ 20 นาที ทางค่อนข้างชันและเป็นดิน ต้องระวังในการเดินอาจลื่นได้ แนะนำให้ใส่รองเท้าหุ้มส้นที่เดินได้สะดวก พอเราขึ้นมาถึงจุดสูงสุดในการชมวิวแบบ 360 องศา สวย'k,มาก เงียบสงบ ทำให้เราได้ชมธรรมชาติแบบเต็มอิ่ม ที่ตั้ง: https://goo.gl/maps/Lyz6uQCDxV2Ksj8p7 7.) ภูชี้เดือน ภูชี้เดือน จะเป็นทางขั้นเดียวกันกับภูชี้ดาว จะอยู่คนละฝั่ง เมื่อเราเดินชมจุดชมวิวของภูชี้ดาวเสร็จแล้ว เราก็สามารถเดินขึ้นไปอีกฝั่งหนึ่งเพื่อมาดูจุดชมวิวของภูชืี้เดือนได้เลย ซึ่งจะเป็นอีกวิวที่ทำให้เราได้เห็นวิวโดยรอบอีกฝั่งหนึ่งที่สวยงามและแตกต่างกันออกไป ซึ่งวิวทิวทัศน์ทางฟากฝั่งนี้เราจะมองเห็นแนวยาวของแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านแบ่งดินแดนประเทศไทย-ลาว เป็นจุดชมวิวของทั้งสองจุดที่อยู่ใกล้กัน แต่ความสวยงามได้ความรู้สึกที่แตกต่าง อยากให้ทุกคนได้มาเยือนชมความงามของธรรมชาติ ที่ตั้ง: https://g.page/Phucheeduen?share 8.) ดอยผาตั้ง ผาตั้ง ขับรถออกมาจากภูชี้ดาว-ภูชี้เดือน ประมาณ 20 นาที ซึ่งระหว่างเส้นทางการเดินทางวิวทิวทัศน์สองข้างสวยมาก เราได้เห็นวิถีชีวิตของการทำเกษตรบนภูเขา สำหรับจุดชมวิวผาตั้ง ทางเดินขึ้นไม่ยากซึ่งเราสามารถเดินเท้าขึ้นไปได้เลย อีกทั้งด้านล่างจะมีจุดจอดรถและร้านขายของฝากมากมาย เมื่อเราขึ้นไปยังจุดชมวิวจะมีแต่ละจุดให้เราได้แวะถ่ายรูปที่ห่างกันออกไป ส่วนใหญ่บนผาตั้งจะเป็นโขดหินที่เรียงกันตามหน้าผา เราสามารถที่ยืนชมวิวบนโขดหินในแบบต่างๆที่มีหลากหลาย และมองเห็นแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านแบ่งแยกดินแดนไทย-ลาว ได้อย่างชัดเจน เป็นจุดชุมวิวแบบ 360 องศา ที่สวยงามและได้สูดอากาศบริสุทธิ์แบบเต็มๆปอด ที่ตั้ง: https://goo.gl/maps/ZnPXu4DHydo9haQr7 สามารถอ่านทริปท่องเที่ยวเชียงราย เพิ่มได้ที่นี่ 1.) ที่พักบรรยากาศดี วิวสวย ที่เชียงราย 2.) ไหว้พระ 5 วัดในเชียงราย 3.) 10 ร้านกาแฟที่เชียงราย สำหรับการจองที่พักในเชียงรายเราแนะนำ Agoda.com #aworldexplored #chiangrai #เที่ยวเชียงราย #เที่ยวภูเขาที่เชียงราย #ภูเขาที่เชียงราย #เชียงราย # ดอยผาตั้ง #ภูชี้เดือน #ภูชี้ดาว #ภูชี้ฟ้า #ดอยผาฮี้ #ดอยตุง #ดอยช้างมูบ #ดอยช้าง
- ึ7 ข้อแนะนำกับการเตรียมตัวที่จะทำให้คุณมั่นใจในการเดินทางเที่ยวต่างประเทศได้ง่ายขึ้น
การเดินทางไปต่างประเทศและเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศกับแฟนของคุณนั้นมักจะเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำในหลายๆแบบ หลายๆอารมณ์ อย่างไรก็ตามมันไม่ได้เป็นไปอย่างราบรื่นเสมอไป หลังจากไปเที่ยวหลายครั้งด้วยกันในฐานะคู่รัก เราได้ตระหนักถึงสิ่งนี้เนื่องจากเราสองคนต่างก็จะมีความต้องการที่อย่างจะเที่ยวในแบบของตนเอง ชอบในแบบที่ตัวเองชอบ แต่เราก็ต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน ด้วยการให้ความยุติธรรมของทั้งสองฝ่าย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและมีการเดินทางมากขึ้นภายใต้ข้อกำหนดของแต่ละคน แต่ในแต่ละครั้งที่เราได้เดินทางเราจะคอยปรับให้ในแต่ละการเดินทางแต่ละคนคนชอบให้มากที่สุด เราคุ้นเคยกับสิ่งที่การเดินทางเป็นคู่รักมากขึ้นและการเปลี่ยนแปลงที่เล็กที่สุดสามารถสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการเดินทางด้วยกันได้อย่างไร เราได้รวบรวมเคล็ดลับบางประการที่จะช่วยให้คุณเดินทางร่วมกันเป็นคู่ได้ดีขึ้นทำให้ประสบการณ์การเดินทางในอนาคตของคุณปราศจากความเครียดและสนุกสนานยิ่งขึ้น! 1. ) วางแผนการเดินทางร่วมกัน การเดินทางกับคนสำคัญของคุณไม่ได้เป็นเพียงแค่การเลือกจุดหมายปลายทางและการจัดกระเป๋าของคุณเท่านั้น แต่ยังมีหลายสิ่งอีกมากมายที่ต้องวางแผนร่วมกัน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณทั้งคู่มีส่วนร่วมในกระบวนการทำงานร่วมกันเพื่อจองตั๋วค้นหาที่พักและทำรายการสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณต้องการที่จะไป "ด้วยการแบ่งปันภาระการเตรียมการเดินทางจะช่วยลดความเครียดลงได้มากและคุณทั้งคู่จะรู้ว่าควรคาดหวังอะไรจากการเดินทางที่กำลังจะมาถึง" 2. ) แพ็คกระเป๋าของคุณเอง นี่คือสิ่งที่เราได้รู้อย่างลึกซึ้งด้วยหลังจากการเดินทางหลายครั้งด้วยกัน มีเพียงคุณเท่านั้นที่จะรู้ 100% ว่าคุณต้องการพกพาอะไรไปบ้างดังนั้นคุณควรเป็นผู้รับผิดชอบในการเก็บของ แพ๊คของด้วยตัวเอง เราขอแนะนำให้คุณทั้งสองแพ็คกระเป๋าของคุณในเวลาเดียวกันด้วยวิธีนี้คุณจะสามารถย้อนความคิดของกันและกันเกี่ยวกับสิ่งที่คุณอาจต้องนำไปยังจุดหมายปลายทาง จะได้มาทั้งทวนอีกครั้งตามลิสต์ เพื่อที่จะให้ไม่ต้องลืมในบางอย่างที่สำคัญ เพราะถ้าลืมจำเป็นจะต้องหาซื้อใหม่ ทำให้เสียเวลาในการเดินทางอีกด้วย "การแพ๊คกระเป๋าของคุณเองและการรับผิดชอบต่อทรัพย์สินส่วนตัวของคุณจะช่วยให้คุณมีความรับผิดชอบได้ในระดับหนึ่งดังนั้นคุณจะไม่ต้องพึ่งพาคู่ของคุณเสมอไป" 3. ) ยึดมั่นในจุดแข็งของคุณ เมื่อคุณเดินทางกับแฟนของคุณสิ่งสำคัญคือคุณทั้งคู่ต้องตระหนักถึงจุดอ่อนและจุดแข็งของคุณเพื่อที่คุณจะได้มีบทบาทในการเป็นผู้นำในแง่มุมต่างๆของการเดินทางของคุณ ตัวอย่างเช่น ก้องเป็นคนที่ไม่สามารถใช้แผนที่การเดินทางสักเท่าไหร่ ทำให้หลงทางบ่อยๆ แต่เขาก็มีความสามารถในการเลือกร้านอาหารท้องถิ่นที่ยอดเยี่ยม ดังนั้น โบจะเป็นผู้นำเสมอเมื่อต้องนำทางใช้แผนที่ในการเดินทางพาเราไปรอบ ๆ เมืองต่างประเทศและก้องก็จะเป็นคนเลือกร้านอาหารที่ให้เรากิน "ด้วยการยึดติดกับจุดแข็งของคุณคุณจะทำงานเป็นทีมได้ดีขึ้นและจะช่วยตัวเองจากข้อโต้แย้ง ที่ไม่จำเป็นมากมาย" 4. ) ใช้เวลาอยู่คนเดียว การเดินทางกับคนอื่นนั้นไม่ใช่จะราบรื่นเสมอไปและจะมีบางครั้งที่คุณต้องการพื้นที่ส่วนตัว สิ่งสำคัญคือต้องหยุดพักระหว่างการเดินทางเพื่อไตร่ตรองและคลายความกดดันเนื่องจากการใช้เวลา 24 ชั่วโมงต่อวันร่วมกันมักจะนำไปสู่การโต้แย้งเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ระหว่างการเดินทางฉันกับก้องมักจะใช้เวลาอยู่คนเดียวในช่วงเย็นเมื่อเรากลับมาที่โรงแรมโดยอ่านหนังสือ ดูหนัง อาบน้ำนาน ๆ หรือว่ายน้ำ "การใช้เวลาอยู่คนเดียวจะช่วยเติมพลังให้คุณหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันและจะทำให้คุณชื่นชมกันและกันมากขึ้นเมื่ออยู่ด้วยกัน" 5. ) การใช้เวลาช้าลง การใช้เวลาให้ช้าลงและเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างการเดินทางเป็นทักษะที่เราทั้งสองได้พัฒนามาตลอดหลายปีที่ผ่านมาและเรารู้สึกว่ามันช่วยให้เราเดินทางร่วมกันได้ดีมากขึ้น แม้ว่าการเดินทางของเรามักจะถูกสร้างขึ้นโดยใช้ข้อ จำกัด ด้านเวลา แต่เราก็พยายามหาเวลาพักสมองผ่อนคลายและเพลิดเพลินไปกับสภาพแวดล้อม คุณสามารถทำอะไรให้ช้าลงได้โดยทำอะไรง่ายๆเช่นแวะดื่มกาแฟในคาเฟ่เดินเล่นในสวนสาธารณะ "ด้วยการใช้เวลาให้ช้าลงและแฟนของคุณจะสามารถชื่นชมจุดหมายปลายทางที่คุณอยู่ได้ดีขึ้นไตร่ตรองการเดินทางของคุณจนถึงตอนนี้และปรับเปลี่ยนแผนการเดินทางของคุณให้ตรงกับความต้องการของคุณในฐานะคู่รัก" 6. ) รับฟังและประนีประนอม การเดินทางกับแฟนของคุณอาจเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม เนื่องจากคุณได้สำรวจสถานที่ใหม่ ๆ ร่วมกันและสร้างความทรงจำไปตลอดชีวิต อย่างไรก็ตามคุณจะไม่ได้เห็นด้วยตามเสมอไปเมื่อพูดถึงการเลือกสถานที่ท่องเที่ยวและสิ่งที่ต้องทำ ก่อนออกทริปลองเขียนรายการสถานที่ที่คุณอยากเห็นและสิ่งที่คุณแต่ละคนอยากทำที่ปลายทาง สำหรับทุกสิ่งที่ไม่ตรงกันในรายการของคุณคุณจะต้องมีการประนีประนอม พยายามหาจุดศูนย์กลางด้วยการทำสิ่งที่คุณทั้งคู่ชอบในขณะเดียวกันก็มีกิจกรรมหนึ่งหรือสองกิจกรรมที่ตอบสนองความสนใจของคุณเอง "บ่อยครั้งที่ประสบการณ์การเดินทางที่ดีที่สุดมักมาจากสิ่งที่เราไม่ได้ตั้งใจจะทำในตอนแรกดังนั้นจงฟังซึ่งกันและกันประนีประนอมและทำให้การเดินทางที่น่าจดจำสำหรับคุณทั้งคู่" 7. ) ท่องเที่ยวเพิ่มเติม บางทีวิธีที่ดีที่สุดในการเป็นคู่รักการเดินทางที่เหนียวแน่นมากขึ้นคือการใช้เวลาเดินทางร่วมกันมากขึ้น คู่รักน้อยคนนักที่จะสามารถเดินทางร่วมกันได้โดยไม่มีปัญหาเกิดขึ้นในระหว่างการเดินทางครั้งแรก เนื่องจากการเดินทางเป็นคู่นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการออกเดทหรือการใช้ชีวิตร่วมกัน การเดินทางจะนำแง่มุมที่ยังไม่รู้มาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณมาใช้ในการทดสอบเนื่องจากคุณมักจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยหรือเครียดร่วมกัน "การเดินทางกับคู่ของคุณบ่อยๆแม้ว่าจะอยู่ในประเทศหรือต่างประเทศ ก็ตามจะช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารของคุณและค้นหาว่าการเดินทางประเภทใดที่เหมาะกับคุณที่สุดในฐานะคู่รัก" #traveltips #travelcouples #travelingcouple #relationship #partner #couplegoals #travel #aworldexplored
- ค่าใช้จ่ายทริปเที่ยวไต้หวัน 7 วัน เดินทางด้วยตัวเอง รวมที่กิน ที่เที่ยว ที่พักในไต้หวัน
ไต้หวันเป็นจุดหมายปลายทางที่เราสนใจอยากที่จะไปเที่ยวสักครั้ง เพราะมีเพื่อนหลายๆคนที่ได้ไปเที่ยวประเทศนี้ ต่างมีแต่คำแนะนำว่าควรจะลองไปเที่ยว เพราะมีสิ่งที่น่าสนใจต่างๆมากมายของประเทศนี้ หลังจากที่ได้เห็นราคาโปรโมชั่นของสายการบินสำหรับเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปยังไทเปแล้วนั้นเป็นราคาที่ดีงาม ราคาไม่แพง เราก็จองตั๋วและเริ่มวางแผนการผจญภัยรอบไต้หวันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เราต้องการที่จะเห็นความเป็นไต้หวันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในการเยี่ยมชมช่วงสั้นๆ ของเรา ดังนั้นเราจึงตัดสินใจว่าการเที่ยวรอบเกาะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด โดยแวะที่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญและเมืองต่างๆ ตลอดทาง สกุลเงินที่ใช้ในไต้หวันคือ ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ ซึ่งมีมูลค่าใกล้เคียงกับเงินบาทไทย โดย 1 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ เท่ากับ 1.18 บาท ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน แม้ว่าค่าครองชีพในไต้หวันจะสูงกว่าประเทศไทยเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่มีราคาแพงแต่อย่างใด อันที่จริง มันเป็นทางเลือกการเดินทางที่ดีอีกวิธีหนึ่งสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด ในบล็อกโพสต์นี้ เราจะสรุปค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปไต้หวัน 7 วันด้วยตัวเองของเรา ด้วยงบประมาณที่ไม่แพงมากนัก เพื่อให้คุณได้ทราบถึงค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะได้รับเมื่อไปเยือนไต้หวัน ค่าใช้จ่ายทริปท่องเที่ยวไต้หวัน-ราคาตั๋วเครื่องบิน เนื่องจากไต้หวันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทย เที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ จึงบินบ่อยและมักมีราคาโปรโมชั่นออกมาเรื่อยๆ เราจองเที่ยวบินกับ Tiger Air จากสนามบินดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปสนามบินเถาหยวน ไทเป ในช่วงโปรโมชั่น เที่ยวบินไปกลับสำหรับ 2 คน รวมเป็นเงิน 9,514 บาท (4,757 บาทต่อคน) เนื่องจากไทเกอร์แอร์เป็นสายการบินราคาประหยัด ราคาตั๋วจึงไม่รวมอาหารหรือสัมภาระเช็คอิน อย่างไรก็ตาม การจำกัดการถือขึ้นเครื่อง 10 กก. ก็เพียงพอสำหรับเรา และด้วยเวลาออกเดินทาง เวลา 19:10 น. เราจึงทานอาหารเย็นก่อนเที่ยวบินของเรา ดังนั้น ไม่ต้องซื้ออาหารบนเครื่องบิน ระหว่างที่เราอยู่ในไต้หวัน เราใช้รถไฟและรถประจำทางเพื่อไปรอบๆ ดังนั้นจึงไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ *ค่าเครื่องบินเที่ยวนี้ทั้งหมด 9,514 บาทเท่านั้น ค่าใช้จ่ายทริปท่องเที่ยวไต้หวัน-วีซ่า สำหรับคนไทยไม่ต้องขอวีซ่า เรามีสิทธิ์เข้าประเทศไต้หวันโดยไม่ต้องขอวีซ่าตลอดระยะเวลาการเดินทาง ดังนั้นจึงไม่มีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง พลเมืองไทยได้รับวีซ่า on arrival 14 วัน *ค่าวีซ่าทั้งหมดสำหรับทริปนี้คือ 0 บาท ค่าใช้จ่ายทริปท่องเที่ยวไต้หวัน-ที่พักโรงแรม ระหว่างการเดินทางไปไต้หวัน เราต้องจองที่พัก 6 คืนในเมืองไทเป ฮัวเหลียน ไถตง และเกาสง เราใช้ Agoda.com ในการจองที่พักทั้งหมดของเรา และได้สรุปราคาที่พักของเราไว้ดังนี้ คืนที่ 1 ไทเป: สำหรับคืนแรกของเราที่ไต้หวัน เราจองห้องพักที่ Smile Inn ในไทเป ซึ่งอยู่ในระยะที่สามารถเดินไปยังสถานีหลักไทเป ห้องพักค่อนข้างเล็ก แต่ก็สะอาดและสะดวกสบายมาก ค่าห้องเตียงคู่ 1 คืน ราคา 1,400++ บาท(ราคาห้องอัปเดท ปี 2023) ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามวันและเวลา >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Smile Inn << คืนที่ 2 ฮัวเหลียน: คืนที่สองของเราในไต้หวันอยู่ที่ฮัวเหลียนซึ่งเราจองห้องเตียงคู่ พร้อมห้องน้ำส่วนตัวที่ Mini Voyage Hostel ในราคา 700+ บาท (ราคาห้องอัปเดท ปี 2023)ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามวันและเวลา โฮสเทลนั้นเรียบง่ายแต่สะดวกสบายและมีบริการที่ดีเยี่ยม โฮสเทลตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Hualien Train Station โดยใช้เวลาเดินเพียง 5 นาที >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mini Voyage Hostel << คืนที่ 3 ไถตง: เมื่อเราไปถึงไถตงตอนดึก เราแค่อยากจองโรงแรมราคาถูกใกล้ๆ กับสถานีรถไฟไถตง เลยจองห้องเตียงใหญ่ที่ Taitung Garden Cabin ในราคา 800++ บาท(ราคาห้องอัปเดท ปี 2023)ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามวันและเวลา ห้องพักธรรมดา กว้างขวาง และสะอาด มีอาหารเช้าแบบง่ายๆ ถ้าไม่มีเวลากินที่โรงแรมสามารถห่อใส่กล่องนำติดตัวขึ้นไปกินบนรถไฟก็ได้ >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Taitung Garden Cabin << คืนที่ 4-5 เกาสง: ในช่วงเวลาที่เราอยู่ที่เกาสง เราตัดสินใจว่าเราจะพักที่โรงแรมเดียวกันสองคืนติดต่อกัน เพราะจะทำให้เรามีเวลาสำรวจเมืองมากขึ้นโดยไม่ต้องวุ่นวายกับการเช็คอินหรือออกจากที่พัก เราจองที่พัก 2 คืนที่ City Suites - Kaohsiung Pier 2 Hotel ในราคา 1,500++ บาท (ราคาห้องอัปเดท ปี 2023) ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามวันและเวลา โรงแรมสะอาด สะดวกสบายด้วยบริการที่ดีเยี่ยมและอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวกอยู่ย่านใจกลางเมือง >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ City Suites - Kaohsiung Pier 2 hotel << คืนที่ 6 ไทเป: สำหรับคืนสุดท้ายของเราที่ไต้หวัน เราจองที่พักในไทเปและตัดสินใจพักใกล้สถานีหลักไทเปอีกครั้งเพราะทำให้เราเดินทางไปยัง MRT ของสนามบินเถาหยวนได้ง่ายซึ่งเราจำเป็นต้องจะต้องเดินทางในวันรุ่งขึ้น เราจองห้องเตียงใหญ่ที่ ที่ York Hotel ในราคา 1,500++ บาท(ราคาห้องอัปเดท ปี 2023)ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามวันและเวลา นี่เป็นโรงแรมที่แพงที่สุดของเราในระหว่างการเดินทาง แต่ก็คุ้มค่ากับราคาเนื่องจากทำเลที่ตั้งสะดวกมาก สามารถเดินไปยังสถานีหลักไทเปได้ เช่นเดียวกับร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านอาหาร และบาร์มากมาย >> คลิ๊กเพื่อจองห้องพักและสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ City Suites - Kaohsiung Pier 2 hotel << *ค่าที่พัก 2 คน 6 คืน รอบไต้หวัน รวมประมาณ 6,000++ บาท ค่าใช้จ่ายทริปท่องเที่ยวไต้หวัน-การเดินทางในไต้หวัน เนื่องจากการเดินทางรอบไต้หวันเป็นทริปที่เราเดินทางด้วยตัวเอง เราจึงต้องวางแผนการเดินทางทั้งหมดของเราระหว่างสถานที่ต่างๆ และรอบเมืองที่เราไปเยี่ยมชม ด้านล่างนี้คือ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับการเดินทางในไต้หวัน: 1.) MRT สนามบินเถาหยวน: ราคาสำหรับสองคนสำหรับการเดินทางไปกลับระหว่างสนามบินเถาหยวนและสถานีหลักไทเปอยู่ที่ประมาณ 764 บาท สามารถคลิ๊กรูปภาพเพื่อดูราคาและจองล่วงหน้าในราคาที่ถูกกว่าได้>> 2.) MRT ไทเป: ในช่วงเวลาของเราในไทเป เราจะเดินสำรวจเที่ยวในเมือง อย่างไรก็ตาม หลายครั้งที่เราใช้ระบบ MRT ที่สะดวกสบายของเมืองเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางที่อยู่ไกลจากใจกลางเมือง ค่าใช้จ่ายโดยประมาณของเราอยู่ที่ประมาณ 500 บาท สามารถคลิ๊กรูปภาพเพื่อดูราคาและจองล่วงหน้าในราคาที่ถูกกว่าได้>> 3.) การเดินทางระหว่างเมือง: สำหรับการเดินทางระหว่างเมืองไทเป จูเฟิน ฮัวเหลียน ไถตง และเกาสง เราใช้รถโดยสารสาธารณะและรถไฟร่วมกัน บางประเภทเป็นประเภทผู้โดยสาร บางแห่งเป็นแบบด่วน ค่าใช้จ่ายสำหรับสองคนนี้ประมาณ 3,600 บาท 4.) MRT และ LRT เกาสง: ในช่วงสองวันที่เราเกาสง เราใช้ระบบ MRT และ LRT เพื่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ไกลจากใจกลางเมือง ราคาประมาณ 500 บาท สามารถคลิ๊กรูปภาพเพื่อดูราคาและจองล่วงหน้าในราคาที่ถูกกว่าได้>> 5.) รถไฟความเร็วสูง: สำหรับการเดินทางระหว่างเกาสงและไทเป เราตัดสินใจเลือกประสบการณ์และขึ้นรถไฟ HSR ระหว่างสองเมือง ซึ่งราคาสูงกว่ารถไฟมาตรฐาน 2,150 บาทสำหรับสองคน สามารถคลิ๊กรูปภาพเพื่อดูราคาและจองล่วงหน้าในราคาที่ถูกกว่าได้>> 6.) Maokong: ในวันสุดท้ายของเราที่ไทเป ขึ้นกระเช้า Maokong Gondola เพื่อชมวิวของเมือง ในราคา 576 บาทสำหรับสองคน สามารถคลิ๊กรูปภาพเพื่อดูราคาและจองล่วงหน้าในราคาที่ถูกกว่าได้>> *ค่าเดินทาง 2 คนทั่วไต้หวัน 7 วัน รวม 8,090 บาท ค่าใช้จ่ายทริปท่องเที่ยวไต้หวัน-ค่าอาหาร ระหว่างการเดินทางรอบๆ ไต้หวัน เรากินอาหารท้องถิ่นเป็นมื้อส่วนใหญ่ เนื่องจากเป็นวิธีที่ประหยัดค่าใช้จ่ายมากที่สุดและสามารถเลือกอาหารได้หลากหลายและอิ่มพอดีในแต่ละมื้อ อาหารเช้าเราทานอาหารเช้าแบบง่ายๆ ที่ประกอบด้วยขนมปังและนมจาก 7/11 เนื่องจากราคาถูกและสะดวกที่จะทานระหว่างเดินทาง เรายังไปทานที่ร้านอาหารเช้าในท้องถิ่นหลายแห่งซึ่งเสิร์ฟแป้งทอด เกี๊ยว และแซนวิช สไตล์อาหารเช้า เนื่องจากเราทำกิจกรรมต่างๆ ในระหว่างวัน อาหารกลางวันของเราจึงมักจะง่ายและรวดเร็ว เช่น บะหมี่หรือเกี๊ยว สำหรับอาหารค่ำเราทานอาหารที่ร้านอาหารท้องถิ่นซึ่งเสิร์ฟอาหารประเภทผักและเนื้อสัตว์พร้อมกับข้าว ในตอนเย็นเราดื่มเบียร์สองสามขวดกับอาหารเย็น แต่เราไม่เคยออกไปดื่มที่บาร์หรือคลับใดๆ งบประมาณรายวันของเราสำหรับค่าอาหารต่อคนประมาณ 500 บาท *ค่าอาหาร 2 คน ตลอด 7 วันที่ไต้หวัน 7,000 บาท ค่าใช้จ่ายทริปท่องเที่ยวไต้หวัน-สถานที่ท่องเที่ยว เราเดินทางท่องเที่ยวในไต้หวันและได้พบว่าระหว่างการเดินทางรอบไต้หวันมีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ มากมาย เช่น วัด ศาลเจ้า และเจดีย์ทั้งหมดที่เราไปเยี่ยมชมทั่วประเทศสามารถเข้าได้ฟรี ในช่วงเวลาของเราในจิ่วเฟิ่น เราได้เดินเที่ยวในบริเวณถนนตลาดรอบๆโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และการเข้าอุทยานแห่งชาติไท่ลู่เก๋อในฮัวเหลียนก็ฟรี การเข้าถึงย่านศิลปะ Pier 2 ในเกาสงนั้นก็ฟรี เช่นเดียวกับป้อมและประภาคารบนเกาะฉีจิน หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวไม่กี่แห่งที่เราจ่ายไปคือชิงช้าสวรรค์เกาสงซึ่งมีราคา 360 บาทสำหรับสองคน ที่วัดบางแห่ง เราจ่ายค่าธูปและเครื่องไหว้ และหลายครั้ง เราหยุดเล่นตู้เครื่องเล่นที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในไต้หวัน ซึ่งบอกเลยว่าทุกครต้องลองคือสนุกมาก *ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับ 2 คนในช่วง 7 วันที่ไต้หวันอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาท ค่าใช้จ่ายทริปท่องเที่ยวไต้หวัน-สรุปราคารวมทั้งหมด ทริป ไต้หว้น สำหรับการเดินทางไปไต้หวันโดยไม่รวมเที่ยวบิน ค่าใช้จ่ายหลักของเราคือค่าที่พัก ค่าเดินทาง และค่าอาหาร อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเหล่านี้มีราคาไม่แพงมากโดยรวมกับสิ่งที่มีราคาใกล้เคียงกับประเทศไทย ค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมดของเราอยู่ที่ 33,884 คนสำหรับสองคน ซึ่งเฉลี่ยแล้วประมาณ 17,000 บาทต่อคน สำหรับหนึ่งสัปดาห์เต็มของการเดินทางด้วยตัวเองทั่วไต้หวัน ยอดค่าใช้จ่ายนี้ไม่รวมค่าของฝากที่ระลึกใด ๆ ที่เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ไม่รวมอยู่ในสรุปค่าใช้จ่ายนี้ โดยรวมแล้วเรารู้สึกว่าสำหรับเงินที่จ่ายไปและช่วงเวลาสั้นๆ นั้นคุ้มค่ามาก เนื่องจากเราสามารถเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่ที่น่าสนใจมากมาย เราขอแนะนำไต้หวันเป็นจุดหมายการเดินทางสำหรับนักเดินทางทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีงบประมาณจำกัด อยากเที่ยวแบบไม่แพง เนื่องจากเป็นประเทศไต้หวันเที่ยวได้ง่ายและราคาไม่แพง ℹ️ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในไต้หวัน โปรดอ่านบล็อกโพสต์อื่นๆ ของเรา ⬇️ 📍 >> เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง ใน 7 วัน << 📍 >> แนะนำ 10 โฮสเทลและโรงแรมในไทเป ไต้หวัน - ใกล้ Taipei Main Station - สะดวก สะอาด ปลอดภัย และราคาถูก << 📍 >> โรงแรมในย่านซีเหมินติง (Ximending)ไทเป - สะอาด สะดวกสบาย ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และสถานีรถไฟ << 📍 >> แนะนำ 12 โรงแรมในไทเป-คะแนนรีวิวสูง-ตั้งอยู่ในย่านยอดนิยม-ใกล้รถไฟ ช้อปปิ้ง และสถานที่ท่องเที่ยว << 📍 >> แนะนำโรงแรมในย่านซินยี่ (Xinyi) เมืองไทเปไต้หวัน ใกล้ตึกTaipei 101 - วิวสวย เดินทางง่าย สะดวกสบาย << หากต้องการค้นหาโรงแรมเพิ่มเติมในไทเปหรือจุดหมายปลายทางอื่น ๆ คุณสามารถใช้ช่องค้นหาของ Agoda ด้านล่าง: #เที่ยวไต้หวัน #เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง #ที่พักในไทเป #ที่กินที่เที่ยวในไปเป #เที่ยวไต้หวันได้ง่ายๆ #เที่ยวรอบไต้หวัน #aworldexplored #Taiwantravel #Taipei #โรงแรมในไทเป















